เพราะวิกฤติโควิด-19 ส่งผลกระทบทำให้ทุกคนต้องปรับตัว ทุกคนทุกสาขาอาชีพ นักร้องคนดัง พลพล พลกองเส็ง ก็ต้องปรับตัววางแผนในครอบครัวใหม่ รวมทั้งแลกเปลี่ยนกำลังใจกับแฟนเพลง พลพลแชร์เรื่องราว เริ่มจาก โควิด-19 ครั้งนี้ต้องปรับตัวยังไง ทำอะไรบ้าง อยากให้เล่าให้ฟังหน่อย? “จริงๆ อันนี้ทำมาตั้งแต่ก่อนที่จะมีโควิด เป็นอาชีพสำรอง ก็คืออาชีพหลักก็ร้องเพลง อาชีพรองก็คือทำปลาร้าสับขายในออนไลน์ แฟนก็ทำขนมเบเกอรีต่างๆและทำตามออเดอร์ แล้วก็มียาสีฟันซึ่งอันนี้ทำมาตลอด ตอนนี้ก็เลยทำ 3 อย่างนี้เป็นหลักไปเลย ร้องเพลงตอนนี้ก็ไม่ได้ร้อง ก็เลยรับผิดชอบเรื่องนี้เยอะขึ้น เรื่องการขายของในออนไลน์ ทำจริงจังมากขึ้น ในขณะที่เราไม่สามารถไปเล่นดนตรี ร้องเพลงได้ ก็เลยเอาวิชาที่เรามีนี่แหละไลฟ์สดร้องเพลงให้กำลังใจ ให้แฟนๆ เพลงที่อยู่ในเพจเราติดตามเราอยู่ได้ฟังเพลงด้วย เค้าจะได้รู้ว่าเราทำอะไรอยู่บ้าง ขายอะไรอยู่บ้าง คืออาชีพนักร้องเป็นอาชีพที่ได้รับผลกระทบอันดับแรกๆ พอบอกหยุด หยุดปุ๊บพร้อมกับร้านอาหารและน่าจะเป็นอาชีพสุดท้ายที่ทำได้ สมมติร้านอาหารเปิด ต้องรอเจ้าของกิจการพร้อม ฟื้นฟูได้ถึงจะมีคอนเสิร์ตได้จ้างนักร้องได้” คิดถึงการร้องเพลงมั้ย? “คิดถึงการร้องเพลงในร้าน ในคอนเสิร์ต เพราะทุกวันนี้พยายามร้องเพลงทุกวันในไลฟ์เพจ เพื่อให้ตัวเองได้ซ้อมด้วยและให้กำลังใจเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆที่เป็นลูกเพจ แฟนเพลงทั่วประเทศของเราที่ได้เห็น บ้างอยู่ต่างประเทศญี่ปุ่น อเมริกา นอร์เวย์ สวีเดน เข้ามาดูเรามีความรู้สึกว่าเค้าคิดถึง และเราก็ได้แสดงน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ให้กำลังใจ ซึ่งเค้าก็ให้กำลังใจเราด้วย เราได้กำลังใจจากเค้าที่เข้ามาชมเรา มาคุยกัน มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น อวยพรวันเกิด ทุกคนก็เริ่มคุยกัน ใช้เป็นทางนึงในการติดต่อกันและได้คุยกัน” ในครอบครัวมีการปรับตัวมากมั้ย? “เปลี่ยนไปส่วนนึง แต่ก่อนเราก็ทำงานมีรายได้เข้าครอบครัว แฟนก็มีรายได้เข้ามา แต่พอตอนนี้เราเริ่มมองแผนการใหม่ว่าถ้าเราไม่มีรายได้จากงานหลักเราจะอยู่ยังไงให้ได้ ถ้าปีกว่าถึง 2 ปีที่ผ่านมาเราแทบไม่มีรายได้จากการเล่นคอนเสิร์ตเลย เราจะอยู่ยังไง ก็จะเกิดการวางแผนในครอบครัวเกิดขึ้นและอธิบายให้ลูกฟัง มันเป็นการวางแผนชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้น นิวนอร์มอลคือนิวหมดทุกอย่าง การอยู่ การกิน การใช้เงินมันเปลี่ยนไปหมด แต่บางคนเค้าไม่สามารถวางแผนอะไรได้เลย มีรายได้ต่อเดือน เดือนหน้าไม่ได้งานทำคือไม่มีเงินแล้ว ก็นึกคนหลายๆคนที่เป็นแบบนี้ อยากให้ทุกคนวางแผนจากตรงนี้ โควิดมันยังไม่หายไปจากเรา มันอาจจะเบาบางลงแต่อย่างไรก็แล้ว ชีวิตเราก็จะเปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นหาอาชีพสำรองทำงาน 2-3 อย่างในคนคนเดียวเราคนนึงต้องมีอาชีพหลายอย่างเพื่อที่จะรองรับอาชีพหลัก อาชีพที่จุนเจือครอบครัวได้เล็กๆน้อยๆ อะไรก็ได้ไม่ต้องอาย เพราะว่าทุกวันนี้เราก็ขายของ ตอนแรกรู้สึกแย่ๆว่าเราไปขายให้แฟนเพลง เราไปขายให้คนนี้มันจะรู้สึกยังไง ถ้าเราทำแล้วมันสุจริต อร่อยจริง สะอาดจริง ถ้ามันอร่อยจริงเค้าก็ต้องสั่ง ถ้าเราทำไม่อร่อยเราจะไปบังคับเค้าซื้อเค้าคงไม่ซื้ออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องฝึกตัวเองให้ได้หลายๆ อย่างพร้อมๆกัน ขายก๋วยเตี๋ยว ขายหมูปิ้ง อะไรก็ได้ที่ได้เงินเล็กๆ น้อยๆ มาก่อน ใครมีโอกาสก็ไขว่คว้าไป แต่ถ้าสมมติคนที่ยังมองอะไรไม่เห็นเลย ให้มองรอบตัวว่าทำอะไรได้บ้าง เรามีความสามารถพิเศษอะไรบ้าง เอามาช่วยครอบครัว เราประดิษฐ์อันนี้ได้ ทำโคมไฟได้ สมมตินะครับเป็นตัวอย่าง มันสามารถเป็นรายได้ได้หมด ยังไม่ต้องมองอนาคตว่าเดี๋ยวเราจะเปิดร้านใหญ่ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นความฝันที่เราตั้งไว้ได้ แต่เราค่อยๆ ทำก่อน เห็นน้องๆหลายคนกำลังทำอยู่ ตอนนี้แล้วสำเร็จด้วยนะครับ ทำกาแฟดริฟเล็กๆ หน้าบ้าน ไม่ต้องเช่าที่ ขายวันละ 10-15 แก้ว ได้เงินวันละ 300-400 บาท แค่นั้นก็มีความสุข ได้อยู่บ้านกับแม่ ลูก สัตว์เลี้ยง มันมีความสุขอีกแบบซึ่งผมเองแต่ก่อนเล่นคอนเสิร์ตแทบไม่ได้อยู่กับลูกช่วงเวลากลางคืนเลย แต่ปัจจุบันมันปรับตัวการใช้ชีวิต เราไม่ได้เล่นคอนเสิร์ต ปรับตัวได้ทำอย่างอื่น ทำค้าขายเล็กๆน้อยๆได้เงินพอเล็กๆน้อยๆ ทำอะไรก็ได้ที่ได้เงินเข้ามา ตอนนี้ก็เรียนรู้เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสของครอบครัวที่เราได้อยู่ด้วยกัน ได้ทำงานที่ถ้าวันนึงเราไม่ได้ร้องเพลงเราจะอยู่ยังไง เปิดใจคุยกับครอบครัวเลยว่าถ้าเราไม่ได้ร้องเพลง เราจะทำอาชีพอะไรให้อยู่ได้แบบพอดี แต่เราต้องปรับสภาพนิดนึง แต่ก่อนเราอยากได้อะไรเราก็ซื้อ จัดหา แต่ตอนนี้เราต้องคิดก่อนว่ามันจำเป็นมั้ย มันต้องใช้จริงๆมั้ย มันทำให้เราคิดเยอะขึ้น ทำให้เรารอบคอบมากขึ้นในเรื่องการใช้ชีวิต แล้วก็มีสติมากขึ้น” ฝากให้กำลังใจคนไทย? “ตอนนี้อยากให้ทุกคนช่วยกันเป็นกำลังใจให้กันเล็กๆน้อยๆ การพูด การโพสต์ให้กำลังใจ โพสต์ไอเดียดีๆในการขายของ สามารถเป็นกำลังใจกับ หลายๆคน บางคนที่คิดไม่ออก ตัน เค้าอาจมาเห็นข้อความนี้อาจจะได้ไอเดียอะไรเอาไปต่อยอดได้อีก เป็นกำลังใจให้ทุกๆคนนะครับ และขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้กับพลพล และครอบครัวด้วย ต่างคนต่างให้กำลังใจกัน ที่ผมร้องเพลงในไลฟ์ทุกวันนี้หนึ่งคือให้กำลังใจ สองเราอยากได้กำลังใจด้วย ก็เลยแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งพอเปิดไลฟ์มาปุ๊บคนก็เข้ามาทักทาย มันทำให้ขนลุก ทำให้จิตใจมันฟู ตอนร้องเพลงมันทำให้เราลืมไปเลยนะว่าช่วงนี้มีโควิดที่บ้านเรา มันทำให้ต่างคนต่างเยียวยาใจซึ่งกันและกัน ซึ่งบางทีที่ร้องเพลงคนในเพจไม่เยอะหรอก แวะเวียนกันเข้ามา แต่พี่เชื่อว่าคนที่แวะมาจะได้รับความสุขจากพี่เล็กๆน้อยๆ แต่พี่ได้รับความสุขจากเค้าแน่นอนเป็นจุดเล็กๆอุ่นๆจุดหนึ่งที่อยากจะส่งต่อกำลังใจซึ่งกันและกันครับ”.