“ล้มละลายทางความเชื่อมั่น” นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกผ่าน ทีมข่าวการเมือง ถึงภาวะผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ที่กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายในระดับสูงของประเทศไทยตอนนี้รัฐบาลจับตรงไหนก็เละ แตะตรงไหนก็แย่เพราะฝ่ายค้านมีข้อมูลการบริหารงานราชการแผ่นดินล้มเหลวของรัฐบาลเยอะมากโดยเฉพาะนายกฯที่มีพฤติการณ์ไร้ความสามารถบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่อง ไร้ความระมัดระวังการใช้งบประมาณ ไม่รักษาวินัยการเงินการคลังยิ่งตอนนี้สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 รุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆสวนทางสภาพเศรษฐกิจนับวันยิ่งต่ำเตี้ยเรี่ยดินล่าสุดธนาคารโลกประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้เพียง 1.2% และปี 65 จะขยายตัวได้เพียง 2.1% เท่ากับศูนย์วิจัยธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่ลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ เหลือขยายตัวได้เพียง 1.2%สอดรับกับศูนย์วิจัยกรุงไทยประเมินเศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวที่ 0.8-1.6% และอาจติดลบได้ถ้าการระบาดยังยืดเยื้อ เช่นเดียวกับศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทยประเมินที่ 1.0%เป็นการปรับลดลงมาหมด เกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล หนักไปกว่านั้นนิเคอิ เอเชีย สื่อหลักญี่ปุ่น ได้ปรับลดอันดับประเทศไทยลงจากอันดับ 118 หล่นไปอยู่อันดับ 119 จาก 120 ของประเทศที่ฟื้นตัวช้าสุดหลังวิกฤติโควิด คว้าตำแหน่งรองบ๊วย อยู่เหนือเพียงประเทศนามิเบียและประเทศแอฟริกาใต้ที่อันดับ 120แสดงให้เห็นว่าไทยอยู่ในกลุ่มประเทศฟื้นตัวจากโควิดช้าที่สุดในโลกนับเป็นความเสื่อมของไทย ซึ่งตกอยู่ในสภาพแบบนี้มา 7-8 ปีถ้าเศรษฐกิจประเทศอื่นฟื้นหมด อาทิ สหรัฐอเมริกา ปี 63 ติดลบหนัก 3.5% ปี 64 ขยายตัว 7% ไม่ต้องพูดถึงจีน และเวียดนาม ปี 63 ไม่ติดลบ ปี 64 ยิ่งขยายตัวเข้าไปใหญ่ไทยปี 63 ติดลบหนัก 6.1% ปี 64 จะถึง 1% หรือเปล่า ยังไม่รู้ อาจติดลบด้วยซ้ำ ปี 64 ลุ้นขยายตัวได้แค่ 2% และเห็นธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวใช้เวลาอย่างต่ำอีก 6 ปีจุดนี้เชื่อว่านายกฯไม่รู้เรื่อง แต่ยังคิดว่าตัวเองทำได้ดี กลายเป็นปัญหาไปเรื่อยๆพรรคเพื่อไทยเคยเสนอแนวทางแก้ปัญหาที่ทำได้ทันที เพื่อให้รัฐบาลต้องเข้าไปช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ เพราะวิกฤติโควิด-19 ไม่ใช่ความผิดของประชาชนฉะนั้นต้องเร่งสนับสนุนธุรกิจส่งออก เพราะเป็นเครื่องจักรเศรษฐกิจตัวเดียว ซึ่งยังหาเงินเข้าประเทศไทย พร้อมดูค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับต่ำแบบนี้ และอาจต่ำลงได้อีก เพื่อให้ส่งออกได้มากขึ้นต้องตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นทั้งหมดของทุกกระทรวง โดยเฉพาะงบประมาณจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ เพื่อนำมาช่วยเหลือประชาชนก่อนและทุ่มเงินแก้ไขโควิด-19รีบเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง จ่ายเป็นเงินสดเดือนละ 5 พันบาท จนกว่าจะคุมโควิด-19 ได้ อาจทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น แต่ต้องทำเพื่อให้ประชาชนรอด หลังควบคุมโควิดได้แล้ว นายกฯควรลาออก เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลที่มีความสามารถหาเงินใช้หนี้แทนเยียวยาภาคธุรกิจ หยุดเงินต้นและดอกเบี้ยจนกว่าการระบาดจะสิ้นสุด รวมถึงพิจารณา ลดหนี้ ลดดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา เพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินต่อไปได้หลังวิกฤติโควิด-19 สิ้นสุดขณะเดียวกันต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญ เพราะวันนี้กระแสประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าหากยังดื้อดึงให้กลับมา จะสร้างปัญหาทางการเมืองไม่รู้จบเห็นได้จากประชาชนที่หมดความอดทนออกมาประท้วงขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ หลังจากบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลวทุกด้าน ต้องหยุดทำร้ายประชาชนที่ออกมาชุมนุมประท้วง แล้วเดินหน้าติดต่อจัดหาวัคซีน mRNA ให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด ไม่ใช่แค่รอจากบริษัทผลิตวัคซีน จะไปขอยืมประเทศอื่นที่มีเหลือมาก่อน หากรัฐบาลไม่มีคอนเนกชัน ก็ไม่ควรบริหารประเทศ หรือขอให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ช่วยอีกแรง พร้อมเร่งจองวัคซีนโนวาแวกซ์ล่วงหน้าในปริมาณที่เพียงพอเมื่อได้วัคซีนมาต้องกระจายการฉีดวัคซีนคุณภาพตามบ้านจนครบแบบสหรัฐอเมริกาทำ ถึงกำหนดวันเปิดประเทศที่แน่นอนได้และต้องสอบสวนหาผู้ทุจริตในการจัดซื้อวัคซีน ถ้าไม่มีการทุจริตอยู่เบื้องหลัง คงไม่มีเหตุผลที่การจัดหาวัคซีนได้มั่วขนาดนี้ ถึงขั้น นพ.นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ยอมรับผิดที่จัดหาวัคซีนผิดพลาดความจริงนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ควรออกมาแสดงความรับผิดชอบ“คุณเอา ผอ.เป็นแพะรับบาปคนเดียว คนเดียวทำให้ประเทศพังขนาดนี้ได้ นายกฯควรลาออกไป ทำไมไม่รู้จักแก้ไข ปล่อยให้ ผอ.ทำพัง ทั้งที่พวกคุณบริหารจัดการจนประเทศพัง แล้วเอา ผอ.มาเป็นแพะหากผมเป็นรัฐบาล รับรองไม่ปล่อยให้ประเทศย่ำแย่ ประชาชนอยู่ตามยถากรรม ผมจะต้องวิ่งไปหาวัคซีน mRNA แต่รัฐบาลก็ยังดื้อดึงดันซื้อวัคซีนซิโนแวคอีก ซึ่งป้องกันสายพันธุ์เดลตาไม่ได้ จนกลายเป็นข้อสังเกตว่ามีการทุจริตจัดซื้อซิโนแวคหรือเปล่า ถ้าสมมติฐานนี้เป็นจริงเท่ากับหากำไรกับความตายของประชาชน”ทีมการเมือง ถามว่า ตอนนี้ฝ่ายค้านได้กรอบการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ในประเด็นเกี่ยวกับความล้มเหลวบริการจัดการโควิด-19 ล้มเหลวฟื้นฟูเศรษฐกิจ และส่อไปทางทุจริตคอร์รัปชันบนชีวิตของประชาชน นายพิชัยบอกว่า ประเด็นที่เตรียมอภิปรายมีเยอะมาก สุดท้ายจะเลือกประเด็นที่สำคัญและสังคมให้ความสนใจเชื่อว่าการอภิปรายรัฐบาลคราวนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเพราะข้อมูลที่มีอยู่เชื่อว่าจะทำให้รัฐบาลอยู่ต่อไปไม่ได้“พุ่งเป้าไปที่นายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เช่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข เพราะข้อมูลที่ได้รับมาเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนค่อนข้างเยอะ ข้อมูลที่มีแทบครบเกือบทุกประเด็นแล้วถ้าสถานการณ์พลิกผัน การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น อาจพิจารณาขยับการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วขึ้น ยิ่งปล่อยให้รัฐบาลบริหารประเทศต่อไม่เห็นทางแก้ไขปัญหาโควิดและปัญหาเศรษฐกิจได้เลย”ครั้งนี้ตั้งเป้าถึงขั้นล้มรัฐบาล แล้วทำไมการ อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งที่ผ่านมาพรรค เพื่อไทยถูกตั้งคำถามเหมือนอ่อนข้อให้รัฐบาล บนกระแสเตรียมจับมือกันตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ครั้งต่อไป นายพิชัย บอกว่า พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญขอยืนยันไม่เคยมีการอ่อนข้อให้อัดเต็มสตีมถึงขั้นพรรคพลังประชารัฐเน่าขนาดนี้ คงจับมือ ด้วยยาก ฝ่ายเทวดากับฝ่ายอสูรอยู่ร่วมกันไม่ได้การเลือกตั้งครั้งหน้า เราพร้อมเข้ามากอบกู้ ประเทศ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ แม้เป็นโจทย์ที่ยาก เพราะรัฐบาลทำประเทศเจ๊งยับมานานต้องใช้เวลาฟื้นฟูประเทศ แต่มั่นใจทำได้ดีกว่ารัฐบาลนี้ 100% ฉะนั้นเชื่อว่าประชาชนคงไม่เลือกให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาอีก ยกเว้น ส.ว.ควรรู้สึกตัวได้แล้วว่าสถานการณ์ของประเทศหนักเกินกว่าจะแบก พล.อ.ประยุทธ์ โหวตกลับให้เป็นนายกฯอีกครั้งในเมื่อนายกฯเป็นผู้ถือดุลอำนาจตามกฎหมาย ฝ่ายค้านมีข้อมูลเด็ด ในประเด็นอะไรถึงล้มรัฐบาลได้ตามกลไกฝ่ายนิติบัญญัติ นายพิชัย บอกว่า ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลช่วงเดือน ส.ค.64การอภิปรายไม่ไว้วางใจคงเกิดขึ้นช่วงปลายเดือน ส.ค.ถึงต้นเดือน ก.ย.64 ก่อนปิดสมัยประชุมสภา ครั้งนี้ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นรายบุคคล พุ่งเป้าไปที่นายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องประเด็นเกี่ยวกับความผิดพลาด ล้มเหลว ไร้ความสามารถ ไร้ศักยภาพส่อไปทางทุจริตคอร์รัปชันบนชีวิตของประชาชนจะชี้ให้เห็นว่าถึงเวลาลาออกหรือยุบสภาวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ถูกสะกิดนิดเดียวก็ล้มครืนมีโอกาสสูงที่จะยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่.ทีมการเมือง