เรื่องราวของเล่าจื๊อ มีคนรู้จักน้อย เล่ากันว่าเขาเบื่อการเมือง เขียน “เต๋าเต็กเก็ง” ให้นายด่านไว้ แล้วขี่ควายหายเข้าไปในป่าขณะ “ขงจื๊อ” วนเวียนเผยแพร่วิชาจริยธรรม และการเมือง มีลูกศิษย์ลูกหาดังๆหลายคน มีคนรู้จักมากกว่าเรื่องที่ “ขงจื๊อ” เคยไปเยี่ยมคารวะเล่าจื๊อ ครั้งหนึ่งนั้นปรากฏในจดหมายเหตุประวัติศาสตร์สื่อจี้ (งำประกาย กโลบายไร้ผู้ต่อต้าน เห่ง อู๋อั้ง เขียน อธิคม สวัสดิญาณ แปล สำนักพิมพ์เต๋าประยุกต์ พ.ศ.2553)เล่ากันว่าขงจื๊อขอคำแนะนำเรื่องขนบจารีต เล่าจื๊อรับรู้ถึงภูมิปัญญาของขงจื๊อ จึงเตือนว่า “คนฉลาดและช่างสังเกต มักประสบภัยโดยไม่รู้ตัว”เหตุเพราะพวกคนฉลาด มักวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นตามใจชอบ เช่นเดียวกับคนชอบโต้แย้ง และมีความรู้ลึกกว้างไกล ก็มักประสบชะตากรรมเดียวกันตามธรรมชาติของคนฉลาด พวกเขามักเผยจุดอ่อนและข้อบกพร่องของผู้อื่น ทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนาเล่าจื๊อจงใจเตือนขงจื๊อจริงจังต่อไปอีกว่า ด้วยเหตุนี้ คนฉลาดจึงควรรู้จักควบคุมตนเอง อย่าแสดงตัวเป็นผู้รู้อยู่เหนือผู้อื่นไปเสียทุกเรื่องหากจำเป็น ควรใช้ท่าทีนอบน้อม สุขุม ระวัง และท่าทีนี้ ต้องใช้ให้มากในการดำรงตนในสังคม“วิญญูชนทรงบารมี รูปโฉมดังหนึ่งคนโง่” คำพูดประโยคนี้ เล่าจื๊อเคยสอนผู้อื่น ศิษย์เล่าจื๊อที่เอาคำสอนประโยคนี้ มาอภิปรายขยายความต่อว่าคนที่มีวิชาความรู้อย่างแท้จริงนั้น ดูผิวเผินคล้ายคนธรรมดาที่เงอะงะโง่เขลายังมีคำสอนเล่าจื๊อในเต๋าเต็กเก็ง ที่ตั้งใจสอนชาวโลกทุกคน ไม่แสดงตัวจึงโดดเด่น ไม่หลงตัวจึงเป็นที่ยอมรับ ไม่โอ้อวด จึงมีความชอบ ไม่เย่อหยิ่ง จึงก้าวหน้าในทางตรงข้าม เขย่งกลับล้ม วิ่งกลับ (เดินทาง) ไม่ถึง แสดงตัว กลับอับหมอง หลงตัว กลับถูกปฏิเสธ โอ่อวดกลับไร้ความชอบ เย่อหยิ่งกลับถดถอยคำสอนของเล่าจื๊อเหล่านี้ จวงจื๊อ ศิษย์เล่าจื๊อ ที่ถูกนับเป็นศาสดาอีกคน นำมาถ่ายทอดต่อ (ยิ่งใหญ่) อย่าข่มเหงผู้อื่น ควรระวังคำพูด และการกระทำของตัวเอง ต้อนรับขับสู้ผู้อื่น ด้วยท่าทีนอบน้อมถ่อมตนเสมอจวงจื๊อผู้นี้แหละครับ ที่เล่าเรื่องขงจื๊อเสนอตัวขึ้นไปชุมโจรของ “มหาโจรจื๊อ” ชักชวนให้เปลี่ยนชุมโจรใหญ่ เป็นมหานคร ด้วยการยอมรับจากเจ้าแคว้นข้างเคียงแต่ถูกมหาโจรจื๊อตวาด “ทำไมคนอย่างข้า จะไม่รู้ว่าลาภยศชื่อเสียงเหมือนเมฆหมอกที่ลอยผ่านหน้า” แล้วไล่ขงจื๊อลงจากเขา จวงจื๊อคนเดียวกันนี้นี่แหละ ที่ตัวเองก็เคยถูกชวนไปเป็นมหาเสนาบดีแคว้นใหญ่เขาชี้ให้คนชวนดูเต่าที่วิ่งเล่นสบายๆในลำธาร แล้วบอกว่า เขาอยากเป็นเต่าตัวเป็นๆในป่าเขา ไม่อยากเป็นเต่า (ตายแล้ว) สองพันปีที่อยู่บนแท่นบูชาในเมือง แล้วก็ปฏิเสธ ไม่รับตำแหน่งผู้นำผมตั้งใจเล่าเรื่องจีนโบราณทำนองนี้ซ้ำ เผื่อผู้นำที่หลงยึดกับเก้าอี้ เห็นตัวอย่าง จะเตรียมทำใจ เพราะเริ่มเชื่อคำพูดมหาโจรจื๊อ ที่ว่าลาภยศชื่อเสียง เป็นแค่เมฆหมอกที่ลอยผ่านหน้าผมเพิ่งได้ข่าว เค้าหน้าผู้นำสำรอง ที่ถูกเตรียมเอาไว้ เมื่อหมากการเมืองกระดานนี้พลิกผันจนรับมือไม่ไหวเอาจริงๆ.กิเลน ประลองเชิง