“ขณะนี้สถานการณ์ราคาไม้ยางพารามีแนวโน้มราคาดีตามลำดับ ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ราคาตกไร่ละ 42,177 บาท กยท.คาดว่าในช่วงปีนี้ถึงปีหน้า อุตสาหกรรมไม้ยางพาราจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นกว่า 10% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีนตลาดส่งออกใหญ่ของไทย เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาไม้ยางและเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรชาวสวนยาง มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการโค่นยางพารา กยท.จึงออกประกาศปรับหลักเกณฑ์การโค่นไม้ยางใหม่ มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564” นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) อธิบายถึงการปรับหลักเกณฑ์ใหม่ เรื่อง การอนุญาตให้เจ้าของสวนยางโค่นต้นยางพารา ก่อนได้รับอนุมัติการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทน พ.ศ.2564จะมีขั้นตอนที่แตกต่างจากเดิมและง่ายต่อการปฏิบัติ โดยกำหนดให้เกษตรกรเจ้าของสวนยาง ห้ามโค่นยางก่อนได้รับอนุมัติ โดยเกษตรกรต้องไปยื่นคำร้องรับการปลูกแทนที่การยางแห่งประเทศไทยจังหวัด หรือสาขาที่สวนยางของเกษตรกรตั้งอยู่ โดย กยท.จะจัดคำขอการปลูกแทนเรียงตามลำดับก่อนหลังไว้เป็นรายปี ในแต่ละปีเจ้าของสวนยางจะได้รับการปลูกแทนมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ซึ่ง กยท.จะแจ้งให้เจ้าของสวนยางทราบล่วงหน้าว่าจะได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทนในปีใดหลังจากได้รับคำร้องแล้ว กยท.จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปสำรวจรังวัด ตรวจสภาพพื้นที่แปลงปลูก หากสวนยางเข้าหลักเกณฑ์ ตามมาตรา 4 มาตรา 37 พระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 และระเบียบการยางแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทน พ.ศ.2558 ที่กำหนดให้เกษตรกรที่จะรับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทน จะต้องเป็นเกษตรกรชาวสวนยางที่มีต้นยางอายุกว่า 25 ปีขึ้นไป หรือต้นยางทรุดโทรมเสียหาย หรือต้นยางได้ผลน้อย ตามหลักเกณฑ์ที่ กยท.กําหนด จึงจะอนุญาตให้โค่นต้นยางได้ ทั้งนี้ เมื่อเกษตรกรเจ้าของสวนยางโค่นต้นยางแล้วมี 2 ทางเลือกที่จะดำเนินการ1.กรณีเจ้าของสวนยางที่รอการปลูกยางหรือไม้ยืนต้นไปถึงปีที่ได้รับอนุมัติให้การปลูกแทน กรณีนี้เจ้าของสวนยางจะได้รับเงินสนับสนุนการปลูกแทนตามปกติ คือไร่ละ 16,000 บาท2.กรณีเจ้าของสวนยางต้องการใช้ประโยชน์ของที่ดินเพื่อการอื่นไปก่อน เช่น ปลูกพืชล้มลุกพืชระยะสั้น การทำสวนยางแบบผสมผสาน ก็สามารถกระทำได้ โดย กยท.จะให้การสนับสนุนทางด้านอาชีพเสริมและให้บริการทางด้านวิชาการ เมื่อถึงกำหนดเวลาที่ได้รับอนุมัติการปลูกแทนในปีใด เจ้าของสวนยางก็จะได้รับเงินสนับสนุนการปลูกแทนตามปกติ คืออัตราไร่ละ 16,000 บาทเช่นกัน สำหรับในปี 2564 มีเกษตรกรชาวสวนยางต้องการโค่นต้นยางพาราถึง 470,000 ไร่ มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 70,000 ไร่ ซึ่งหากเกินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรไว้ในปีนี้เกษตรกรชาวสวนยางจะได้รับเงินสนับสนุนการปลูกแทนในปีงบประมาณ 2565 สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ยางพารา 20 ปี กำหนดที่จะลดพื้นที่ปลูกยางพาราให้เหลือประมาณ 18.4 ล้านไร่ ภายในปี 2579 กยท.จึงได้ขยายเป้าหมายในการลดพื้นที่ปลูกยางจากเดิมปีละ 200,000 ไร่ เป็นปีละ 400,000 ไร่ เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับราคายางพารา และให้ปริมาณไม้ยางมีเพียงพอต่อความต้องการใช้ทั้งในส่วนของไม้ยางและไม้วู้ดพาเลท การปรับหลักเกณฑ์ นอกจากเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้มากขึ้นจากการโค่นไม้ยางพาราแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบกิจการไม้ยางพาราให้มีวัตถุดิบเพียงพอสำหรับแปรรูปไม้ในสถานการณ์ที่ตลาดมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดย กยท.จึงได้ดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์ยางวงเงินสินเชื่อ 25,000 ล้านบาท ที่มีเป้าหมายสนับสนุนผู้ประกอบกิจการยางขั้นปลายน้ำ รวมถึงกิจการไม้ยางพาราในการขยายกำลังการผลิต ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรการผลิต ซึ่งโครงการจะหมดเขตในเดือนธันวาคมนี้.กรวัฒน์ วีนิล