จากเหตุ “จ่าคลั่ง” จ.ส.อ.จักรพันธุ์ ถมมา อายุ 32 ปี ทหารหน่วยกองพันกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงและจับตัวประกันไว้ในห้างเทอร์มินอล 21 กลาง เมืองนครราชสีมา ภาพสะเทือนความรู้สึกของคนไทยกับเหตุรุนแรงในวันที่ 9 ก.พ.2563 มีผู้เสียชีวิต 31 ราย บาดเจ็บ 57 รายกว่า 17 ชั่วโมงคนไทยเฝ้าลุ้นระทึกความเป็นตายของเหยื่อตัวประกัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี อดีตรอง ผบช.ภ.3 พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา (ยศและตำแหน่งสมัยนั้น) อยู่ร่วมในทีมปฏิบัติการหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ดีที่สุดของ ตร.ถูกเรียกมาตรึงพื้นที่เข้าคลี่คลายสถานการณ์ชุดปฏิบัติการพิเศษ 4 หน่วยหลักตำรวจ หนุมาน-คอมมานโด-อรินทราช 26-นเรศวร 261 พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. นำชุดอรินทราช 26 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. นำชุดหนุมาน พ.ต.ต.ชานันท์ ชัยจินดา ผบ.ร้อย กก.3 บก.สอ.บช.ตชด. นำชุดนเรศวร 261พล.ต.อ.จักรทิพย์ สวมเสื้อเกราะ ถือปืนกลมือ ทำหน้าที่เป็น ผบ.เหตุการณ์ด้วยตัวเอง ร่วมกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ และ พล.ต.อ.สุชาติ เข้าร่วมในแผนปฏิบัติการ เร่งช่วยเหลือตัวประกันที่อยู่ภายในห้างมอบภารกิจสำคัญให้ พล.ต.ต.จิรภพ นำชุดหนุมานเข้าเคลียร์พื้นที่ด้านในของห้างนำตัวประกันออกมาให้ได้มากที่สุดพล.ต.อ.จักรทิพย์ นำชุดปฏิบัติการพิเศษ “ทีมไทยแลนด์” ขยับเข้าภายในห้าง ตีวงแคบจำกัดพื้นที่ของ “จ่าคลั่ง” จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ให้อยู่ชั้นล่างของห้าง เพื่อค้นหาช่วยผู้ที่ติดค้างตามชั้นต่างๆออกมา ก่อนเข้าเจรจาให้ยอมมอบตัว แต่ “จ่าคลั่ง” ไม่ฟังเสียงตำรวจเปิดฉากยิงปะทะต่อเนื่อง สุดท้ายถูกยิงเสียชีวิตเป็นโศกนาฏกรรมใหญ่คนไทยและเป็นเหตุพิเศษที่ไม่คาดคิด จำเป็นต้องพร้อมรับสถานการณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. วางมาตรการป้องกันและฝึกทบทวนชุดปฏิบัติการพิเศษอย่างจริงจังการฝึก โครงการทบทวนหลังการปฏิบัติ (AAR หรือ After Action Review) เป็นการทบทวนวิธีการทํางานเพื่อความสำเร็จและเป็นการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ร้ายแรงในประวัติศาสตร์กลางเมืองนครราชสีมา มือปืนกราดยิงคนในพื้นที่ (Active Shooter) เจ้าหน้าที่แล้วหลบหนีเข้าไปจับตัวประกันอยู่ภายในห้างวิกฤติความตึงเครียดกว่า 17 ชั่วโมง ทำลายชีวิตผู้บริสุทธิ์กว่า 30 ราย สำคัญสุดคือการพลีชีพ ร.ต.อ.ตระกูล ทาอาษา และ ด.ต.เพชรรัตน์ กำจัดภัย สังกัด กก.ต่อต้านก่อการร้าย บก.สปพ.หรืออรินทราช 26 และ ด.ต.ชัชวาลย์ แท่งทอง ผบ.หมู่ ป. สภ.เมืองนครราชสีมา ที่โดนยิงถล่มเสียชีวิตไปก่อนหน้าแม้หลายคนจะลืมเหตุการณ์วันนั้นแล้ว แต่ ผบ.ตร.หัวหน้าหน่วยมองว่าเป็นเรื่องสำคัญเป็นบทเรียน “นอกตำรา” ราคาแสนแพงที่ต้องนำกลับมาฝึกทบทวนกันอีกกี่ครั้ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ท.อภิรัต นิยมการ ผบช.ศ. พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ พตร. ลงพื้นที่ดูการฝึกทบทวนของหน่วยปฏิบัติการพิเศษพล.ต.อ.สุวัฒน์ ให้ความสำคัญควบคุมการฝึก “โครงการทบทวนหลังการปฏิบัติ” ที่ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจกลาง หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ปิดพื้นที่ศูนย์ฝึก ใช้ฝึกทบทวนสถานการณ์เป้าหมายไม่ใช่เพื่อค้นหาคนที่ทําผิดพลาด ไม่ใช่การกล่าวโทษใครทั้งสิ้นเป็นการทบทวนเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทํางานของหน่วยปฏิบัติการพิเศษทั้งหมด ได้แก่ ชุดอรินทราช 26 ชุดนเรศวร 261 ชุดหนุมาน ชุดคอมมานโด บก.ปพ. และ ชุดสยบไพรีพล.ต.อ.สุวัฒน์ ตั้งใจที่จะทบทวนเหตุการณ์ว่า มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง สามารถทําให้เรียนรู้ว่า ในการทํางานต่างๆ ไม่ควรชื่นชมความสำเร็จแต่เพียงด้านเดียว ต้องยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้มากกว่าความสำเร็จด้วยซํ้า เพราะปัญหาคือ โอกาสในการพัฒนาบุคลากรเพื่อพัฒนา การทำงานการรับฟังความคิดเห็นหรือคำแนะนำของเพื่อนร่วมงานที่ทําให้ได้รู้ว่า “ทุกปัญหามีทางออก” การฝึกชุดปฏิบัติการพิเศษของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้พร้อม รักษาจุดแข็งและปรับจุดอ่อน ทำให้ทีมปฏิบัติการพิเศษได้เรียนรู้ จากความสำเร็จและความล้มเหลว แบ่งปันความรู้ระหว่างกันสามารถทำงานได้ทันทีหากมีเหตุการณ์วัดผลดำเนินการหากเกิดเหตุการณ์วิกฤติแบบนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องมีความพร้อมเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ไม่ให้เกิดความสูญเสียของประชาชน เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ตลอดจนอาจคำนึงถึงผู้ก่อเหตุพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.กล่าวว่า “เมื่อถึงเวลาเจอสถานการณ์จริง ทีมแก้ไขสถานการณ์ต้องมีความพร้อมโดยเรียนรู้และฝึกทบทวนจากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้อย่างจริงจัง เราต้องทำให้ประชาชนมีความปลอดภัย และมีความมั่นใจในการทำงานของตำรวจ สุดท้ายไม่อยากกล่าวคำว่า “เสียใจ” และปล่อยให้ครอบครัวข้างหลังของตำรวจต้องสูญเสียอีก”พล.ต.อ.สุวัฒน์ ที่อยู่กับงานสืบสวน เป็นอาจารย์ของนักสืบที่ขณะนี้อยู่ในหน่วยหลัก เป็นมือเป็นไม้สำคัญงานสืบสวน ไม่เคยมองข้าม “บทเรียน” ในทุกสถานการณ์ นำมาใช้ฝึก “ทบทวน” พัฒนาหน่วยงานตำรวจป้องกันไม่ให้มีเหตุความสูญเสียกับประชาชนและครอบครัวตำรวจ.ทีมข่าวอาชญากรรม