นายธนา สุวัฑฒน ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา กรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากปัญหา ผักตบชวากีดขวางทางน้ำทำให้น้ำไหลช้าลงถึง 40% เป็นอุปสรรคต่อการส่งน้ำและระบายน้ำ ที่ผ่านมาสำนักวิจัยและพัฒนาได้คิดค้นนวัตกรรมแก้ปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอด แม้จะมีการนำทุ่นดักผักตบชวาที่ทำจากท่อพีวีซีมาใช้ได้ผลในระดับหนึ่งก็ตาม แต่ยังไม่สามารถดักผักตบชวาขนาดใหญ่ที่มีความสูงเกินกว่า 80 ซม.ได้ เพราะเวลาเกิดคลื่นตอนที่มีเรือแล่นผ่านไปมา ผักตบชวาขนาดใหญ่สามารถปลิ้นออกจากทุ่นดักได้ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว จึงได้มีการคิดพัฒนาทุ่นดักตัวใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยการนำยางพาราแผ่นรมควันมาทำเป็น “ทุ่นยางพาราดักผักตบชวา” หรือ Para.-Log Boom “ทุ่นแบบเดิมที่ทำจากท่อพีวีซีนั้นมีขนาดแค่เพียง 20 ซม. ยาว 2 เมตร จะมีส่วนที่ลอยอยู่เหนือน้ำแค่ 10 ซม. เลยมีประสิทธิภาพดักผักตบชวาขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีความสูงไม่เกิน 60 ซม.เท่านั้น แต่เมื่อดักไว้นานๆ ไม่สามารถเก็บทำลายได้หมดภายใน 1 เดือน ผักตบชวาจะโตขึ้น ปลิ้นล้นออกจากทุ่นได้ ประกอบกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดนำยางพารามาใช้ประโยชน์ เพื่อดึงยางพาราออกจากตลาดให้มากที่สุด ยางพาราจะได้มีราคาสูงขึ้น เป็นการช่วยเกษตรกร เราจึงคิดที่จะนำยางแผ่นรมควันมาทำทุ่นดักผักตบชวาให้มีขนาดใหญ่”ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา เผยถึงรายละเอียดของนวัตกรรมทุ่นดักผักตบชวาตัวใหม่ว่า เป็นทุ่นทรงกระบอก มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 ซม. ยาว 2 เมตร หนัก 55 กก. โดยมีส่วนของยางพารา 35 กก. เป็นเปลือกอยู่ภายนอก มีแกนเหล็กและฉีดโฟมให้ทุ่นลอยน้ำได้อยู่ภายใน เมื่อนำไปลอยน้ำ มีส่วนที่ลอยอยู่เหนือน้ำ 55% หรือ 23 ซม. “จากการนำไปติดตั้งทดสอบบริเวณหน้าเครื่องผลักดันน้ำและหน้าประตูระบายน้ำใน 3 พื้นที่ คลองพระยาบรรลือ คลองผักไห่ และคลองจินดา ปรากฏว่า มีประสิทธิภาพในการดักผักตบได้ทุกขนาด ไม่มีปัญหาเรื่องเรือแล่นผ่านมา และผักตบชวาปลิ้นข้ามทุ่น นอกจากนั้นยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องเก็บผักตบชวาไปกำจัดไม่ทัน เพราะทุ่นตัวใหม่นี้สามารถดักผักตบชวาได้นานขึ้นถึง 2 เดือน ไม่เหมือนรุ่นเก่าที่ต้องรีบเก็บให้หมดภายใน 1 เดือน ไม่อย่างนั้น ผักตบชวาจะปลิ้นข้ามทุ่นไปแพร่พันธุ์เต็มแหล่งน้ำ”นายธนา ยังกล่าวอีกว่า จากความสำเร็จในครั้งนี้ ปีนี้กรมชลประทานมีติดตั้ง “ทุ่นยางพาราดักผักตบชวา” ให้ได้ 10,149 ทุ่น จะช่วยดึงยางพาราออกตลาดเพื่อช่วยเกษตรกรได้ประมาณ 360 ตัน.