เป็นกรณีศึกษา...ทันทีที่ ศบค.คลายล็อก ยกแรกเมื่อต้นมิถุนายนปีก่อน หนุนคนไทยเที่ยวข้ามจังหวัดได้...แหล่งที่คนกรุงกรูไปพักผ่อนทะลักปานเขื่อนแตกมากสุด ได้แก่ หาดบางแสนจะว่าไป...การบริหารงานเทศบาลเมืองแสนสุข อาจต่างกับเทศบาลทุกแห่ง คือนอกจากมีเทศบัญญัติคุ้มครองพื้นที่แล้ว ยังมี “บัญญัติพ่อกำนัน” ที่ชาวบ้านถือเป็นคัมภีร์ปฏิบัติอีกฉบับสถิติบางแสนมีผู้ประกอบการ 2,000 ราย ได้แก่ อาชีพให้เช่าสกูตเตอร์ ห่วงยาง เก้าอี้ผ้าใบ ร่มชายหาด นวดแผนไทย รถล้อเลื่อน และหาบเร่แผงลอยขายอาหาร...ทั้งหมดข้างต้นนี้พ่อกำนันสงวนอาชีพให้ชาวท้องถิ่นตัวจริงเฉพาะคน ต.แสนสุข ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ไม่เท่านั้น...บทบัญญัติที่ว่ายังกำหนดให้ธุรกิจทั้งหมด เริ่มลงงานได้เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น จัดเก็บทำความสะอาดให้เสร็จก่อนพระอาทิตย์ตก ต้องไม่เป็นแหล่งมั่วสุมปีศาจสุรายาเมาประเด็นน่าสนใจมีอีกว่า “บางแสน” ไม่มีคนเก๊...กล้าลองดีฝ่าฝืน ถิ่นนี้จึงได้ชื่อว่าคือเมืองท่องเที่ยวไร้ปัญหา ด้วยมีการจัดระเบียบพร้อมรับนักท่องเที่ยวเต็มพิกัดทุกมิติการจัดระเบียบชายหาดบางแสน สอดรับกับสถานการณ์โควิด-19 ระบาดแทรกแซง จนเกิดนวัตกรรมกระแสนิวนอร์มอล การวางเก้าอี้...ร่ม ทิ้งระยะห่างทางสังคม 1.5 ม. เพื่อป้องกันการติดและแพร่เชื้อวัชรพล สารสอน รอง ผอ.ททท.สำนักงานพัทยา บอกว่า บางแสนคือสินค้าท่องเที่ยวคู่คนไทยมาร่วม 77 ปี เกิดกระแสขานรับต่อเนื่องมาทุกยุคสมัย เปรียบได้กับคู่มือหน้าปกการปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีประสิทธิภาพ...สามารถจับต้องได้ในภาคส่งเสริมการท่องเที่ยวสู่รูปธรรม ปี 2560 บางแสนมีผู้มาเยือน 2.72 ล้านคน ปี 2561 เพิ่มขึ้น 4.55% เป็น 2.84 ล้านคน จากคนมาเที่ยวชลบุรี 18.21 ล้านคน ส่วนปี 2562 มาเที่ยวชลบุรี 18.57 ล้านคน เที่ยวบางแสน 2.97 ล้านคนเฉพาะเดือนมิถุนายนปีก่อนหลังปลดล็อก...มีมาเที่ยวชลบุรี 2.11 แสนคน ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่บางแสน ซึ่งมีโรงแรม 55 แห่ง 2,518 ห้อง ชูสัญลักษณ์ “SHA รับรองความปลอดภัย”เรากำลังวางแผนเดินหน้าโครงการ “เวิร์คเคชั่น” กับหาดแห่งนี้ในช่วงทะเลถูกโควิดปิดหาด โดยเตรียมใช้ถิ่นนี้เป็นห้องทำงานแห่งที่ 2 หลังสถานการณ์รอบสองคลี่คลาย เพื่อดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มดิจิทัล โนเมดที่นิยมพกพาคอมพิวเตอร์มาพร้อมทำงาน รวมถึงตั้งเป้าเจาะกลุ่มครอบครัว...“อาศัยลูกๆหลานๆจัดนำผู้สูงวัยในครอบครัว มาย้อนตำนานบางแสนกินอาหารทะเลร้านดั้งเดิม ซึ่งเปิดบริการแบบวินเทจย้อนยุคอยู่หลายแห่ง” วันนี้...ไทยอาภัพทัวริสต์ต่างชาติ กับขัดสนคนไทยมาท่องเที่ยว จากพิษบ่อนและแรงงานเพื่อนบ้าน จุดไฟ “โควิด-19” ขึ้นมาลามทั่วบ้าน แต่เพราะ...เทศบาลเมืองแสนสุขมีปัจจัยบวก ตรงพื้นฐานการพัฒนาอย่างมีคุณภาพ สามารถรักษาธรรมชาติทะเลไว้ได้แบบฟินๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกในทุกมิติรับตลาดไทยเที่ยวไทยอย่างเข้าใจ...ทั้งยังคุ้มครองภูมิทัศน์มุมเมืองได้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมท้องถิ่น...แทนการฝันปั้นนักท่องเที่ยวกลางอากาศที่เลื่อนลอยหน่อมแน้มนี่ต่างหากคือหัวใจการปั้น “กลยุทธ์” สู่ “ยุทธศาสตร์” กู่เรียก “นักท่องเที่ยว” คืนมา...ในเร็ววันฉายภาพใหญ่การท่องเที่ยว องค์การท่องเที่ยวโลกฯ ระบุ...ปี 2562 ประชากรโลกท่องเที่ยวต่างประเทศ 1,461 ล้านคน เงินสะพัด 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทว่าไม่ทันสิ้นปี...“โควิด-19” เฮี้ยนทลายโลก รุกคืบข้ามถึงปี 2563 ทุบท่องเที่ยวโลกสลบเหมือด เศรษฐกิจพังยับ...ฝูงบินพาณิชย์ 23,000 ลำ ปีกหักหยุดบิน...แรงงาน 120 ล้านคนทั่วโลกตกงาน...องค์การท่องเที่ยวโลกฯรีบสรุป 6 เดือนแรกปีนั้น ชาวโลกเดินทาง 233 ล้านคน หดตัว 65%...เมษายน-มิถุนายนมีเพียง 18 ล้านคน...หดตัว 95%ทฤษฎีโดมิโนพาล้มระเนระนาดถึง “ประเทศไทย” ทำให้ไร้เงาต่างชาติที่เคยมาเที่ยวปีละ 40 ล้านคนหายวับไปกับตา...ไทยซึ่งโลกยกย่องว่าคือฮีโร่ปราบโควิด-19 มือฉมัง เอาเข้าจริง...ก็มีผู้ติดเชื้อสะสมศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกายอมรับว่า วิกฤตินี้เทใส่ท่องเที่ยวจั๋งหนับให้โลกต้องปิดสวิตช์พักใหญ่...แต่ท่องเที่ยวเป็นเรื่องอ่อนไหว หยุดวันใดเท่ากับสิ้นลมวันนั้น?“หนึ่งปีที่ผ่านมา ททท.สำนักงานต่างประเทศ 29 แห่งทั่วโลก เกาะติดสถานการณ์แต่ละตลาดอย่างใกล้ชิด แล้วรายงานความคืบหน้าให้เมืองไทยทราบเป็นระยะ”ทุกสำนักงานต้องหมั่นทำความเข้าใจกับพันธมิตร ให้ทราบถึงมาตรการคุมเข้มของรัฐบาลไทย เพื่อเตรียมรับตลาดเมื่อทุกอย่างคืนสู่ปกติ...ทั้งที่ยังไม่รู้อนาคต? ส่วนงานด้านตลาดต่างประเทศ ยังต้องทำแข่งกระแสโรคร้าย โดยอาศัย “มาร์เกตเตอร์” คือ “ผู้ขายธุรกิจท่องเที่ยวไทย” กับ “ผู้ซื้อต่างประเทศ” ใช้เวที “เทรด มีท” เจรจาซื้อขายสินค้าบริการกันเพื่อจะได้วันดีเดย์ทันทีหลังสงครามโควิด-19 สงบลงกระนั้น...เมื่อยุทธวิธีเซลส์สัญจรเช่นเคยทำมามีปัญหา การนำโลกไซเบอร์ยุคดิจิทัลไลเซชันมาทำดิจิทัลมาร์เกตติ้ง จึงเหมาะกับการย่อโลกให้เล็กลงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ยุคประหยัดในปี 2561 ททท.จึงได้พลิกกลยุทธ์การทำตลาดใหม่ เชื่อมกลุ่มประเทศอเมริกาเหนือ ด้วยวิธีจำลองตลาดเสมือนจริง “เวอร์ชวล ทราเวลมาร์ท” สร้างเพจบรรยากาศเมืองไทยกับเปิดเวทีให้มาร์เกตเตอร์ นัดหมายเจรจาธุรกิจผ่านวิดีโอคอล เห็นหน้าตาเหมือนอยู่ในพื้นที่จัดงานจริงครั้งนั้นมีผู้ประกอบการไทยร่วมขาย 29 ราย ได้ผู้ซื้อจากอเมริกาเหนือ 246 ราย จับคู่สนทนากับคู่ค้ารายละ 20 นาที โดยเปิดตลาดตามเวลาอเมริกาเหนือ คือสิบเอ็ดโมงถึงบ่ายสอง ตรงกับไทยสามทุ่มถึงเที่ยงคืนคราวนี้...ปี 2563 เราจะทำกับฝั่งละตินอเมริกา ชื่อ “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ เวอร์ชวล เทรด มีท” ให้มาร์เกตเตอร์ไทยจับคู่ผู้ซื้อ 1 ต่อ 20 ราย...รวม 580 นัดหมาย...มีโปรแกรม “ไลฟ์ เว็บบินาร์” ไลฟ์สดเวทีสัมมนาโปรดักส์ท่องเที่ยวไทยกับสินค้าบริการลักชัวรี ให้มาร์เกตเตอร์ขยายผลต่อไปแม้ว่าเวอร์ชวล มาร์ท 2 ตลาด จะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในการรุกตลาดกลางสุญญากาศ แต่นี่คือการ “ทรงตลาด” อย่างมืออาชีพ ไว้รอการเก็บเกี่ยวบนหนทางข้างหน้า...เนื่องจากภูมิภาคอเมริกาเป็นตลาดเจียระไนแล้ว คือมีนักท่องเที่ยวตุนในมือปีละ 1.63 ล้านคนเป็นอย่างน้อยขณะเดียวกัน...ปลายปีที่แล้วก็ยังไม่ทิ้งยุทธวิธีทำตลาดจำลอง เพียงแต่ครั้งนี้เจาะตรงสู่มาร์เกตเตอร์กลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ผ่านจอออนไลน์จากรัสเซีย สหราชอาณาจักร แฟรงก์เฟิร์ต สตอกโฮล์ม ปราก ซึ่งไทยเปิดตลาดเมื่อเวลาหนึ่งทุ่มถึงสี่ทุ่ม ตรงกับยุโรปบ่ายโมงถึงทุ่มตั้งหวัง...คาดหวังกันว่า “การท่องเที่ยว” จะฟื้นคืนกลับมาเยียวยาจุนเจือเศรษฐกิจไทยที่กำลังสาละวันเตี้ยลงหนักหน่วง เมื่อฟื้นได้บ้างแล้ว...เศรษฐกิจรากหญ้าจะได้ไม่อับเฉา มีรอยยิ้มได้บ้าง.