นักท่องเที่ยวขวัญผวา “เจ้าดื้อ” ช้างป่าเขาใหญ่จอมเกเรออกอาละวาดกลางดึก บุกลานกางเต็นท์ผากล้วยไม้ ใช้งวงกระชากเต็นท์วิศวกรวัย 80 ปี ที่ขับรถเก๋งขึ้นมาชมธรรมชาติเพียงลำพัง กระทืบเหยื่อร่างแหลกก่อนกลับเข้าป่า คาดหงุดหงิดโมโหหิวอยากกินส้มโอที่อยู่ในรถผู้ตาย อีกรายช้างป่าหวงลูกน้อยฉีกร่างชาวบ้าน 1 ศพ ขณะขึ้นไปเก็บดอกไม้กวาดบนเขาปีกกา พื้นที่ใกล้อุทยานฯน้ำตกคลองแก้ว จ.ตราด ขณะที่ตำรวจโรงพักท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา เร่งล่าตัวโชเฟอร์รถพ่วงตีนผีซิ่งชนช้างป่าขาหัก พร้อมแจ้งเตือนคนใช้เส้นทางให้ระวังช้างเจ็บจะดุร้ายเพิ่มขึ้นช้างเขาใหญ่เหยียบนักท่องเที่ยวตายคาเต็นท์รายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 15 ม.ค. พ.ต.ท.ธวัชชัย รุ่งเรือง สว. (สอบสวน) สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ว่า มีนักท่องเที่ยวถูกช้างป่าทำร้ายเสียชีวิตที่จุดกลางเต็นท์ผากล้วยไม้ ไปสอบสวนพร้อม พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง ผกก.สภ.หมูสี นายอดิศักดิ์ ภูสิทธิ์วงศานุยุต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แพทย์เวร รพ.ปากช่องนานา หน่วยกู้ชีพกู้ภัยอุทยานฯเขาใหญ่ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างวิชาธรรมสถาน บริเวณลานกางเต็นท์ผากล้วยไม้ พบเต็นท์ถูกรื้อทำลาย ข้าวของกระจายเกลื่อน และพบศพนายประโยชน์ จิตร์บุญ อายุ 80 ปี อยู่บ้านเลขที่ 888 หมู่ 2 ต.ท้ายบ้าน อ.เมืองสมุทรปราการ ถูกช้างเหยียบร่างแหลก เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ตรวจสอบทรัพย์สินผู้ตาย มีเงินสด 103,180 บาท พร้อมบัตรวิศวกรเครื่องกลนายอุทัย จงปลูกกลาง หัวหน้าจุดบริการกางเต็นท์ผากล้วยไม้ ให้ข้อมูลว่า ช่วงหัวค่ำมีนักท่องเที่ยวแจ้งเข้าพัก 47 คน รวมทั้งนายประโยชน์ ผู้ตาย ที่ขับรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 2 กฉ 2115 กรุงเทพมหานคร มาคนเดียว และกางเต็นท์นอนจุดผากล้วยไม้ เป็นคืนที่ 2 ผู้ตายตั้งเต็นท์ห่างจุดจอดรถ แค่ 5-6 เมตร และห่างจากจุดที่นักท่องเที่ยวคนอื่นตั้งเต็นท์ในลานกว้างราว 50 เมตร ช่วงดึกนักท่องเที่ยวเข้านอนหมดแล้ว จู่ๆ “เจ้าดื้อ” ช้างพลายเจ้าถิ่น อายุกว่า 30 ปี ที่เคยนั่งทับรถยนต์นักท่องเที่ยว เดินออกจากป่าฝั่งตรงข้ามจุดกางเต็นท์ ข้ามถนนมาวนเวียนรอบรถเก๋งผู้ตาย และใช้ลำตัวถูข้างรถจนบุบ จากนั้นเดินไปที่เต็นท์ผู้ตายใช้งวงดึงเต็นท์ออก แล้วใช้เท้าเหยียบร่างนายประโยชน์ที่กำลังนอนหลับ ผู้ตายร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ช้างป่ากระทืบร่างเหยื่อจนแหลกเหลวจากนั้นช้างเดินไปที่หน้าห้องน้ำห่างไปราว 15 เมตร ก่อนเดินย้อนมาเหยียบร่างนายประโยชน์ซ้ำอีกครั้ง แล้วเดินไปยังจุดลานกางเต็นท์ส่งเสียงร้อง “แปร๊น” ดังสนั่น นักท่องเที่ยวที่หลับอยู่สะดุ้งตกใจตื่น บางคนรีบวิ่งออกจากเต็นท์ไปบอกเจ้าหน้าที่ประจำจุดบริการให้มาช่วยเหลือ เมื่อมาถึงปรากฏว่านายประโยชน์เสียชีวิตแล้ว จากการตรวจค้นในรถเก๋งของผู้ตาย พบส้มโอปอกเปลือกแล้วอยู่ในกล่อง คาดว่าเจ้าดื้อได้กลิ่นและอยากกินส้มโอเลยเดินวนรอบรถ หรืออาจได้กลิ่นส้มโอที่ผู้ตายนำลงมากินในเต็นท์ด้วย เมื่อไม่ได้กินทำให้หงุดหงิดและโมโหเลยกระทืบเหยื่อเสียชีวิตนายอดิศักดิ์ ภูสิทธิ์วงศานุยุต หัวหน้าอุทยานฯเขาใหญ่ กล่าวว่า เจ้าดื้ออายุกว่า 30 ปี มีงายาว อาจกำลังตกมัน เมื่อวันที่ 9 ม.ค. เจ้าหน้าที่เพิ่งติดปลอกคอให้ ถือเป็นช้างป่าเขาใหญ่ตัวแรก อาจทำให้ช้างหงุดหงิด ขณะนี้ได้สั่งปิดจุดกางเต็นท์ลำตะคองและจุดผากล้วยไม้เพื่อศึกษาพฤติกรรมช้าง ฝากเตือนนักท่องเที่ยวหากพบช้างป่า ห้ามบีบแตรหรือกะพริบไฟ อย่าดับเครื่องยนต์ ถ่ายรูปอย่าใช้ไฟแฟลช เมื่อช้างเดินผ่านไปแล้วให้รีบเคลื่อนรถออกไปทันทีต่อมาช่วงบ่าย นางศรีอุษา จิตร์บุญ อายุ 85 ปี พี่สาวนายประโยชน์ ผู้ตาย พร้อมครอบครัว เข้าพบ พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง ผกก.สภ.หมูสี เพื่อให้รายละเอียดและขอติดต่อขอรับศพ เข้าพบนายอดิศักดิ์ ภูสิทธิ์วงศานุยุต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เบื้องต้นครอบครัวผู้เสียชีวิตไม่ได้เรียกร้องอะไร ขอเพียงให้ทางอุทยานฯจัดรถไปส่งศพที่วัดย่านสวนหลวง ร.9 กรุงเทพฯ พร้อมยังบริจาคเงิน 3 หมื่นบาทให้มูลนิธิเขาใหญ่ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตายด้วย ขณะที่ทางอุทยานฯยินดีอำนวยความสะดวกให้กับญาติ และยังได้นิมนต์พระมหาปจนภัย อินทวีโร เจ้าอาวาสวัดท่าช้าง ต.หมูสี ไปทำพิธีสวดบังสุกุล และเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน บริเวณจุดเกิดเหตุด้วยปัญหาการกระทบกระทั่งระหว่างคนกับช้างป่าอีกราย เมื่อเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน นายถาวร อินทร์ลอย ผญบ.หมู่ 2 บ้านเขาปีกกา ต.หนองบอน และนางจิราภรณ์ เสนะสุทธิพันธ์ กำนัน ต.หนองบอน อ.บ่อไร่ จ.ตราด ประสานหัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกคลองแก้ว ให้ส่งเจ้าหน้าที่อุทยานฯมาขับไล่ช้างป่าออกไป หลังก่อเหตุทำร้ายนายสุวัฒน์ มาลี อายุ 51 ปี ชาวบ้านเขาปีกกา ที่ขึ้นไปเก็บของป่าบนเขาปีกกาจนเสียชีวิต เหตุเกิดห่างจากสำนักสงฆ์เขาปีกกาประมาณ 1 กม. แต่ยังนำศพออกจากพื้นที่เกิดเหตุไม่ได้ เพราะมีช้างป่าวนเวียนเฝ้าศพไม่ยอมไปไหน ต่อมาชาวบ้านและเจ้าหน้าที่อุทยานฯกว่า 40 คน เดินทางเข้าไปในจุดเกิดเหตุ พร้อมยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าเพื่อไล่ช้าง ในจุดเกิดเหตุพบศพนายสุวัฒน์นอนหงายอยู่กลางป่า ร่างกายแหลกเหลว แขนขาขาดทั้ง 2 ข้าง เจ้าหน้าที่รีบเก็บรวบรวมชิ้นส่วนร่างกายใส่ห่อผ้ามามอบให้แพทย์ รพ.บ่อไร่ ชันสูตรศพที่สำนักสงฆ์เขาปีกกานายศักดาวุธ สระใบ เพื่อนผู้ตาย ให้ข้อมูลว่า ช่วงเช้าได้ขึ้นป่าเขาปีกกาเพื่อไปเก็บดอกไม้กวาดมาขายในราคากิโลกรัมละ 10 บาท เมื่อไปถึงพื้นที่เกิดเหตุ เห็นนายสุวัฒน์ยืนเก็บดอกไม้กวาดอยู่ก่อนแล้ว กระทั่งช่วงสายเดินลงมาจากเขามาเอาของที่บ้านก่อนย้อนกลับขึ้นไป แต่ไม่เห็นผู้ตาย เห็นแต่กองดอกไม้กวาด รู้สึกเอะใจเดินตามหาอยู่ 2-3 รอบก็ไม่พบ กระทั่งจะลงจากเขาปรากฏว่าพบศพนายสุวัฒน์ถูกช้างเหยียบตายแล้ว รู้สึกตกใจมากรีบลงมาแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ เนื่องจากเห็นฝูงช้างยังวนเวียนอยู่ใกล้ศพ ที่ผ่านมาช้างป่าไม่ค่อยลงมาถึงพื้นที่ใกล้ชุมชนขนาดนี้มาก่อน คาดว่าช้างป่าฝูงนี้มีอยู่ราว 10-16 ตัว และอาจมีลูกช้างอยู่ในฝูงด้วยเลยทำให้ช้างดุร้ายเพราะหวงลูกที่ จ.ฉะเชิงเทรา นายเกรียงศักดิ์ มิตรประกอบโชค นอภ.ท่าตะเกียบ พ.ต.อ.พิพัชร์ พ่วงแพ ผกก.สภ.ท่าตะเกียบ และทหารพรานที่ 1306 ลงพื้นที่ถนนหลวงหมายเลข 3076 บ้านหลุมตาสังฆ์ หมู่ 25 บ้านสามพราน ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ เพื่อประชุมวางแผนร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน หลังเมื่อคืนที่ผ่านมา มีรถพ่วง 18 ล้อ พุ่งชนช้างป่าบาดเจ็บจนเดินกะเผลกกลับเข้าป่าหายไป จากนั้นสนธิกำลังจัดชุดลาดตระเวนติดตามดูช้าง แต่ขณะนี้ยังไม่เจอช้างบาดเจ็บตัวดังกล่าว คาดว่าไม่น่าจะเดินไปได้ไกลมากนักเพราะบาดเจ็บขาหน้าหักทั้ง 2 ข้าง หากเจอจะประสานสัตวแพทย์กรมอุทยานฯเข้ารักษาตามวิธีการ ขณะเดียวกันตำรวจจะสืบสวนหาตัวคนขับรถพ่วงคันที่ชนช้างบาดเจ็บมาดำเนินคดี เบื้องต้นคาดว่าเป็นรถบรรทุกของชาวบ้านใน อ.ท่าตะเกียบ เนื่องจากวิ่งเร็วในพื้นที่ป่ายามค่ำคืนเพราะชำนาญเส้นทาง พร้อมแจ้งเตือนผู้ใช้เส้นทางให้ระวังช้างป่าบาดเจ็บจะดุร้ายเพิ่มขึ้น