คณะทำงานรัฐบาล “โดนัลด์ ทรัมป์” รับไม่ได้เหตุช็อกโลก ก่อจลาจลบุกรัฐสภา ทยอยลาออกแล้วกว่า 10 คน รวมทั้งตำแหน่งหัวหน้าคณะทำงานสตรีหมายเลขหนึ่ง ประธานสภาฯ-แกนนำวุฒิสมาชิก เรียกร้องให้ใช้รัฐธรรมนูญ ม.25 ปลดออกจากตำแหน่ง ขณะที่ “ทรัมป์” ออกแถลงการณ์ประณามกลุ่มผู้ก่อเหตุ ยืนยันเป็นผู้ออกคำสั่งให้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ ออกมารักษาการณ์ ด้านยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 5 ราย หลังมีตำรวจดับอีก 1 รายจากการปะทะสำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ในสหรัฐอเมริกา หลังเกิดเหตุโลกตะลึง ฝูงชนผู้สนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บุกรัฐสภา กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ป่วนการประชุมรับรองผลการเลือกตั้งสหรัฐฯของสภาคองเกรส เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บและถูกจับกุมจำนวนมาก โดยเมื่อวันที่ 8 ม.ค. กรมตำรวจกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 รายในเหตุจลาจล คือพลตำรวจไบรอัน ซิกนิก เป็นการเสียชีวิตหลังบาดเจ็บจากเหตุปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุครั้งนี้รวม 5 คนขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปรากฏตัวในสื่อโซเชียลอีกครั้ง หลังบัญชีทวิตเตอร์ส่วนตัวครบกำหนดเวลาถูกระงับการใช้งาน 12 ชั่วโมง ฐานปลุกปั่นมวลชน โดยนายทรัมป์เผยแพร่คลิปวิดีโอแถลงการณ์ ใจความสรุปว่า การชุมนุมที่ผู้ประท้วงบุกเข้าไปในรัฐสภา สร้างความแปดเปื้อนแก่บัลลังก์แห่งประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกา สำหรับผู้ที่ก่อความรุนแรงและความเสียหาย พวกคุณไม่ใช่ตัวแทนของอเมริกาและสำหรับผู้ที่ละเมิดกฎหมายจะต้องชดใช้นายทรัมป์ระบุด้วยว่า สภาคองเกรสลงมติรับรองผลการเลือกตั้งเป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้รัฐบาลชุดใหม่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. ความสำคัญสำหรับในตอนนี้ คือทำให้การเปลี่ยนถ่ายอำนาจเป็นไปอย่างเรียบร้อย ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายกลับมาปรองดอง ขอขอบคุณเสียงสนับสนุนจากประชาชน แต่การเดินทางเพิ่งจะเริ่มต้น นายทรัมป์ ยังยืนยันด้วยว่า เป็นผู้สั่งการให้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ แนชนัล การ์ด ออกมารักษาความสงบในวันเกิดเหตุ ทั้งนี้ สื่อสหรัฐฯรายงานว่าในวันเกิดเหตุนายทรัมป์ลังเลที่จะออกคำสั่ง โดยผู้สั่งเคลื่อนกำลังพลแนชนัล การ์ด คือนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมตั้งข้อสังเกตด้วยว่า แถลงการณ์ดังกล่าวของนายทรัมป์ไม่ยอมเอ่ยชื่อนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 46วันเดียวกัน นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายชัค ชูเมอร์ แกนนำวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต ออกแถลงการณ์เรียกร้องรองประธานาธิบดีเพนซ์ และคณะรัฐมนตรี ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ม. 25 เพื่อถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากการกระทำของนายทรัมป์ที่ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกเป็นเรื่องที่อันตรายต่อการบริหารประเทศ แต่ถ้านายเพนซ์ไม่ทำ ก็จะเดินหน้าเรียกประชุมสภาผู้แทนฯ เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการถอนถอด หรืออิมพีชเมนต์นายทรัมป์รอบใหม่สำหรับการใช้ ม. 25 ตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ จะมีขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ นายเพนซ์จัดประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อลงมติระงับการปฏิบัติหน้าที่ของนายทรัมป์ และได้เสียงสนับสนุน 8 เสียง จากนั้นจึงจัดทำเป็นจดหมายทางการ ส่งให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เพื่อประกาศรับรองว่าประธานาธิบดีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้จริง เท่ากับว่านายเพนซ์จะกลายเป็นรักษาการประธานาธิบดีสหรัฐฯโดยอัตโนมัติ และถึงแม้นายทรัมป์จะสามารถยื่นคัดค้านเพื่อขอให้สภาคองเกรสลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเรื่องการปลด แต่นายเพนซ์ก็ยังมีอำนาจเต็มอยู่ดีสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เหตุการณ์บุกรัฐสภายังส่งผลให้คณะทำงานในรัฐบาลนายทรัมป์ ทยอยลาออกแล้วกว่า 10 คน เนื่องจากรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น อาทิ นางเบตซี เดวอส รมว.ศึกษาธิการ นางอีเลน เชา รมว.คมนาคม นายแมต พอตทิงเจอร์ รองที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ นายมิค มัลวานีย์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงหน่วยความมั่นคงแห่งชาติ นางซาราห์ แมทธิวส์ รองโฆษกทำเนียบขาว รวมถึงนางสเตฟานี กริสแฮม หัวหน้าคณะทำงานของนางเมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลขหนึ่ง