เป็นที่รู้กันดีว่า “ปลา” เป็นสัญลักษณ์อะไรหลายอย่างในญี่ปุ่น และจาก “วารสารญี่ปุ่น” ของสถานทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย ก็ยิ่งตอกย้ำว่าจริงเพราะได้รับการยอมรับและแทรกซึมอยู่ในวัฒนธรรมประเทศ ยกตัวอย่างเช่น “อาหารโอเซะจิ” ที่รับประทานเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ และถือเป็นวัตถุดิบจากท้องทะเลที่ขาดไม่ได้ในการนำมาประกอบเป็นเมนูอาหารอย่าง “ทะทซึคุริ” ที่ทำจากปลาเล็กๆ กับ “คมบุมะกิ” ที่ทำจากสาหร่ายคมบุนอกจากนี้ ทะเล แม่น้ำ ลำธาร ไม่ได้มอบอาหารสำหรับการดำรงชีวิตเท่านั้น แต่ยังช่วยให้มนุษย์สัมผัสกับธรรมชาติและการพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ การดำรงชีวิตในแต่ละวันของชาวญี่ปุ่นจึงมีความใกล้ชิดกับสัตว์น้ำ และเข้ามามีส่วนหนึ่งในพิธีกรรมต่างๆที่จัดขึ้นในแต่ละฤดูกาล“ปลาคาร์ป” ...ทุกวันที่ 5 พฤษภาฯของทุกปี ที่ประเทศญี่ปุ่น เป็น วันเทศกาลเด็กผู้ชาย หรือ kodomonohi และถือเป็นวันหยุดประจำชาติของญี่ปุ่นตั้งแต่ปี ค.ศ.1948ในวันนี้ครอบครัวจะเฉลิมฉลองให้ลูกชายเติบโตด้วยสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์และมีความสุข โดยจะประดับ ธงปลาคาร์ปขนาดใหญ่ หรือ Koinobori ไว้นอกตัวบ้าน เพราะปลาคาร์ป เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง และความสำเร็จ จึงถูกเลือกใช้เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสนี้เพราะมีตำนานเล่าขานต่อๆกันมาว่า ปลาคาร์ปเมื่อว่ายทวนกระแสน้ำสำเร็จจะกลายเป็นมังกร!!!“ซาจิ” จะเห็นประดับอยู่บนหลังคาของปราสาทญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสัตว์ในจินตนาการ มีลักษณะหัวเป็นเสือ ลำตัวเป็นปลา มีลักษณะตั้งชี้ขึ้น ปากของซาจิพ่นน้ำออกมาเพื่อดับไฟ และมีพลังในการช่วยป้องกันการเกิดไฟไหม้ด้วยอาคารจำนวนมากในประเทศญี่ปุ่นสร้างขึ้นจากไม้ จึงง่ายต่อการเกิดอัคคีภัย เพราะเหตุนี้ อาคารที่มีความสำคัญ เช่น พระอุโบสถของวัด หรือหอคอยของปราสาทจะประดับ “ซาจิ” ไว้ในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ป้องกันการเกิดอัคคีภัย และ “ซาจิ” ที่มีชื่อเสียง คือ ซาจิทองคำของปราสาทนาโงยา ที่มีความสูง 258 ซม. มีน้ำหนักมากถึง 1,215 กก. และใช้ทองคำ 18K น้ำหนักรวม 43.4 กก.ใครมีโอกาสได้เยือนเมืองนาโงยา ก็อย่าลืมแวะไปปราสาทดูให้เห็นกะตาสักครั้ง...ฤทัยรัช จันทร์เพ็ญ