ขณะที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ ฝนเพิ่งจะหยุดตก หลังจากตกหนัก ติดต่อกันมาทั้งคืนทั้งวัน แต่กระนั้นก็ยังมีละอองโปรยลงมาเป็นระยะๆ ในท่ามกลางท้องฟ้าที่ยังสลัว แม้จะผ่านเวลาเที่ยงวันมาพอสมควรแล้วก็ตามอากาศเริ่มเย็นลงจนเหมือนฤดูหนาว เพราะห้องผมไม่มีเครื่องวัดอุณหภูมิจึงไม่ทราบว่ากี่องศา แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ได้เปิดแอร์...ทว่าเย็นพอดีๆ นั่งอ่านหนังสือและเขียนหนังสือได้อย่างมีความสุขผมมองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับนึกถึงเพลงเกี่ยวกับฤดูฝน ที่ผมชื่นชอบ และเมื่อช่วงที่สุ้มเสียงยังดีตอนหนุ่มๆจะชอบร้องอยู่เสมอ ถึงขนาดเคยขึ้นร้องบนเวทีงานชุมนุมรุ่นมาแล้วแม้ช่วงหลังเสียงแหบไปเพราะดื่มจัด สูบบุหรี่จัด ไม่สามารถร้องเพลงได้จนจบเพลง เพราะไม่สามารถใช้เสียงสูงเสียงตํ่าได้อย่างปกติ...แต่ผมก็จะฮัมและร้องคลอไปด้วยเสมอเวลาได้ยินเพลงนี้ส่วนเพลงที่สองมาดังมากตอนผมเสียงแหบแล้ว ไม่เคยร้องโชว์ที่ไหน นอกเสียจากคอยร้องตาม เวลาได้ยินเพลงที่ว่านี้เพลงแรกชื่อเพลง “หยาดน้ำฝนหยดน้ำตา” ครับ แต่งโดยครู “เนรัญชรา” ตั้งแต่ผมยังหนุ่ม คนขับร้องในแผ่นเสียงมีหลายคน ผมไม่แน่ใจว่าผู้บันทึกแผ่นเสียงรายแรกคือ พี่ สุเทพ วงศ์กำแหง ผู้ล่วงลับ หรือ “เจ้าเล็ก” ธานินทร์ อินทรเทพ กันแน่ที่แน่ๆก็คือจะชอบทั้ง 2 เวอร์ชัน และจะเปิดยูทูบฟังไปด้วยกันท่อนแรกของเพลงนี้เริ่มด้วย “หยาดนํ้าจากตานางฟ้าที่ตรมอารมณ์ หลั่งความขื่นขมที่ถมอยู่ในใจตน หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน สู่กลางแก้มดินในฐานถิ่นคน นั้นคือหยาดฝนฉ่ำใจ”สำหรับเพลงที่สองได้แก่เพลง “น้ำตาฟ้า” ขับร้องโดย ธงชัย ประสงค์สันติ แต่งโดย สมหวัง อนุศักดิ์เสถียร อยู่ในชุด “สามโทน” เมื่อปี 2533 ซึ่งธงชัยร้องได้อย่างซาบซึ้งระคนเสียงขลุ่ยคลอที่ต้องใช้คำว่า “โคตรไพเราะ” ของอาจารย์ ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ศิลปินแห่งชาติธงชัยร้องท่อนแรกว่า “เขาบอกว่าฟ้าร้องไห้ออกมาเป็นน้ำฝน อยากรู้นักฟ้าที่เบื้องบน ต้องมาร้องไห้เพราะใคร หรือฟ้าสงสารคน อย่างฉันถูกหลอกเรื่อยไป ถูกเขาลวงเขาล้วงหัวใจ เอาไปต้มยำทำแกง”จะเห็นได้ว่าผู้แต่งทั้ง 2 เพลงนี้ตีความที่มาของ “นํ้าฝน” ในลักษณะที่ต่างกัน ของครู “เนรัญชรา” ตีความว่า ฝนคือนํ้าตาของนางฟ้าที่กำลังโศกเศร้า หรือขื่นขมอยู่บนสวรรค์แต่ของ สมหวัง อนุศักดิ์เสถียร ตีความว่า ฟ้าร้องไห้เพราะสงสารคนร้องเพลงที่อกหัก เพราะถูกผู้หญิงหลอกลวงมามากเราต้องยอมรับ แม้ที่มาของ “นํ้าฝน” ของทั้ง 2 เพลงนี้จะต่างกัน แต่การพรรณนาถึง “เหตุผล” ในเพลงของทั้ง 2 เพลงเต็มไปด้วยความงดงามของภาษาไทยอย่างแทบจะหาที่ติมิได้ของครู “เนรัญชรา” หรือ จ่าอากาศเอก สติ สติฐิต ศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2562 นั้น เทียบได้กับ “กวี” บทหนึ่ง เลือกใช้ถ้อยคำได้อย่างคมคาย ฟังแล้วก็เห็นภาพว่าฝนคือนํ้าตาของนางฟ้าจริงๆส่วนของ สมหวัง อนุศักดิ์เสถียร เป็นภาษาบ้านๆ ลูกทุ่งๆ เว้าซื่อๆ ตรงไปตรงมา ฟังแล้วก็เห็นด้วยว่า “ฝน” มาจากนํ้าตาของคนร้อง (ไม่ใช่ ธงชัย ประสงค์สันติ คนเดียวหรอก ยังหมายถึงพวกเราทุกคนที่ร้องเพลงนี้ด้วย) จึงยังได้รับความนิยมมาจนถึงวันนี้ที่สำคัญคือ “เสียงขลุ่ย” ซึ่งไพเราะเพราะพริ้ง กรีดเข้าไปถึงหัวใจ และความรู้สึกของคนฟังนั่นแหละครับผมเขียนต้นฉบับวันนี้เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม หรือวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง ประเทศไทยของเรามี “ม็อบ” เกิดขึ้นที่โน่นที่นี่มาหลายวันแล้ว ทำให้อยากแต่งเพลงแข่งกับครู “เนรัญชรา” หรือวง “สามโทน” เขาบ้างแต่จนใจที่ไม่ถนัดเรื่องบทกลอนและการแต่งเพลง ขอฝากให้ท่านที่ถนัดและเชี่ยวชาญโปรดช่วยแต่งให้ด้วยผมคิดว่า “นํ้าตาฟ้า” ที่หล่นลงมาประพรมแผ่นดินไทยขณะนี้คงไม่ใช่ “นํ้าตานางฟ้า” หรือ “นํ้าตาของคนอกหัก” อย่างทั้ง 2 เพลงนี้ บรรยายไว้เท่านั้นน่าจะมีหยดนํ้าตาของบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว และจุติอยู่บนสวรรค์รวมอยู่ด้วย...เมื่อมองกลับลงมาแล้วพบว่าแผ่นดินไทยผืนนี้...ไม่เหมือนเดิม...และเมื่อไรหนอจะกลับมาเหมือนเดิม?“ซูม”