“สมศักดิ์ บุญทอง” อดีตรอง อสส. หัวหน้าคณะทำงาน ตรวจสอบดุลพินิจ “เนตร นาคสุข” ซุ่มยื่นหนังสือลาออกให้ อสส. ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. ทั้งที่เพิ่งตั้งขึ้นมาได้สัปดาห์เดียว ระบายความคับข้องใจ เจอปัญหาสารพัด ตั้งแต่คณะทำงานคนนอกที่เป็นทหารไม่สะดวกเข้าร่วม จนเรียกประชุมไม่ได้ แถมจำกัดประเด็นการสอบสวน เตือนผู้มีอำนาจอย่าเล่นเกมบนความขัดแย้ง แนะตั้งกรรมการตรวจสอบชุดต่อไป หาคนเป็นกลาง น่าเชื่อถือ อย่าชี้นำ สามารถตรวจสอบได้ทุกประเด็น เผยวิธีเรียกศรัทธาประชาชน ต้องจริงใจแก้ปัญหา “ทีไอเจ” เตรียมแถลงข้อเสนอประชาชนต่อการปฏิรูปองค์กรตำรวจ อัยการ และศาล หลังทำโพลคดีบอส อยู่วิทยา สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำ ไม่เสมอภาคของกระบวนการยุติธรรม เพราะถูกซื้อได้ด้วยเงินและอำนาจ ทำให้คะแนนความพึงพอใจกระบวนการยุติธรรมไทยลดฮวบจาก 2.40 เหลือเพียง 0.99 เท่านั้นกรณีสำนักข่าวต่างประเทศตีแผ่ข่าวอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา อายุ 31 ปี ทายาทกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง กรณีขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ชนรถ จยย. ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิตบนถนนสุขุมวิท เหตุเกิดเมื่อเช้ามืดวันที่ 3 ก.ย.2555 แล้วหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศจนถูกออกหมายจับ รวมทั้งออกหมายแดงตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) หลังการสั่งคดียืดเยื้อมากว่า 7 ปี ความผิด บางข้อหาหมดอายุความไปแล้ว เหลือแต่คดีหลักขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต่อมาอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องโดยตำรวจไม่มีความเห็นแย้งอย่างเงียบๆ ทำให้นายวรยุทธกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ หลังความแตกสร้างกระแสความไม่พอใจให้คนในสังคมอย่างรุนแรง จนหน่วยงานอัยการ ตำรวจ รวมไปถึงรัฐบาล ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคดีที่เกิดขึ้น เพื่อแก้ไขคดีที่เกิดขึ้นตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นความคืบหน้าเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมศักดิ์ บุญทอง อดีตรองอัยการสูงสุด หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบความเห็นและคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุดที่ 1446/2563 ลงวันที่ 10 ส.ค.63 แต่งตั้ง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา (21 ส.ค.) ข้อความว่า เรียนพี่ๆเพื่อนๆน้องๆอัยการที่เคารพรักทุกท่าน ตามที่อัยการสูงสุด (อสส.) มีคำสั่งตั้งคณะทำงานขึ้นตรวจสอบการฟังพยานของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้องนายบอส อยู่วิทยา โดยผมเป็นประธานคณะทำงาน ผมให้เลขานัดประชุมคณะทำงานวันที่ 17 ส.ค. บ่าย เช้าผมเข้าไปตรวจเอกสารจึงทราบว่า (1) คณะทำงานที่เป็นบุคคลภายนอกไม่สามารถมาร่วมงานได้ เนื่องจากผู้บังคับบัญชาไม่อนุญาต เหลือคณะทำงานที่เป็นอดีตอัยการเพียงสามคน หารือกันแล้วเห็นควรเลื่อนการประชุมไปก่อน (2) ทราบว่า อสส.ตั้งคณะทำงานขึ้นมาก่อนหน้านี้สองชุด มีรองอัยการสูงสุดเป็นประธาน พิจารณาประเด็น เรื่องอำนาจสั่งคดีของนายเนตร และคณะทำงานทั้งสองชุดได้ทำความเห็นเสนอ อสส.เรียบร้อยแล้ว เลขาคณะทำงานชุดของผมนำเอกสารมามอบให้และแจ้งว่า คณะทำงานชุดของผมไม่ต้องพิจารณาประเด็นดังกล่าวอีก (3) ทราบว่าวันที่ 18 ส.ค. คือวันรุ่งขึ้น จะมีการประชุมคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) พิจารณาระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการสอบสวนทางวินัยอัยการระดับรองอัยการสูงสุดและอัยการสูงสุด ทราบว่าประธาน ก.อ.จะเสนอตั้งกรรมการชุดใหม่ขึ้นสอบนายเนตรอีกผมพิจารณาแล้วเห็นว่า คณะทำงานชุดของผมคงประชุมไม่ได้ และมีข้อจำกัดในการพิจารณา อีกทั้ง ระเบียบใหม่ผ่านที่ประชุม ก.อ.ผู้มีอำนาจตามระเบียบใหม่ น่าจะเป็นผู้ตั้งกรรมการขึ้นตรวจสอบนายเนตรน่าจะถูกต้อง และไม่อยากเห็นต่างฝ่ายต่างตั้งกรรมการ มันคงตกต่ำพิลึก เลยตัดสินใจลาออกให้เจ้าหน้าที่นำใบลาไปเสนอ อสส.เช้าวันที่ 18 ส.ค. ได้แจ้ง ให้เลขาคณะทำงานและเลขา อสส.ทราบ พร้อมทั้งแจ้งไม่ขอรับเป็นกรรมการในเรื่องนี้อีกข้อเสนอแนะ (1) ผู้มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการตามระเบียบใหม่ซึ่งได้แก่ อสส. น่าจะหาคนที่เป็นกลาง มีความรู้ความสามารถ เป็นที่ยอมรับของสังคม มิใช่คนใกล้ชิด อสส.และประธาน ก.อ.เป็นกรรมการตรวจสอบ (2) ให้กรรมการตรวจสอบมีอำนาจตรวจสอบในทุกประเด็น ไม่ใช่มีข้อจำกัดสอบได้เฉพาะบางประเด็น (3) ผู้มีอำนาจหรือเคยมีอำนาจในสำนักงานอัยการสูงสุดเลิกออกความเห็นชี้นำกรรมการ ไม่มีกรรมการคนไหนอยากทำงานท่ามกลางความขัดแย้ง มีข้อจำกัด และมีข้อชี้นำจากผู้มีอำนาจ (4) ศรัทธาของประชาชนจะกลับคืนมาได้ ความสามัคคีของผู้มีอำนาจต้องเกิดขึ้นก่อน จริงใจแก้ปัญหาร่วมกัน ไม่ใช่เอาปัญหามาเป็นเกมแย่งชิงอำนาจ ร่วมกันแก้ปัญหาเถอะครับที่สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (ทีไอเจ) มีรายงานข่าวว่า วันที่ 24 ส.ค. เวลา 14.00 น. นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ผอ.ทีไอเจ จะแถลงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา กรณีขับรถชนตำรวจเสียชีวิต จากการเก็บข้อมูลประชาชนจากทุกกลุ่มอาชีพ ทุกเพศ ทุกวัย มากถึง 4,000 คนทั่วประเทศ ในจำนวนนี้เป็นผู้มีประสบการณ์ในกระบวนการยุติธรรม ทั้งเคยศึกษา ทำงาน หรือเคยเข้าสู่กระบวนการทางคดีจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นพยาน ผู้ต้องหา หรือผู้เสียหาย จำนวน 2,056 คน ผ่านแบบสอบถามออนไลน์ 4 หัวข้อได้แก่ ข้อมูลทั่วไป ความคิดเห็นเกี่ยวกับการอำนวยความยุติธรรมของกระบวนการยุติธรรมไทย ความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีนายวรยุทธ และความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม พร้อมทั้งมีข้อเสนอเกี่ยวกับการปฏิรูปองค์กรตำรวจ อัยการ และศาล ตลอดจนการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้เกิดการตรวจสอบ ถ่วงดุลและพัฒนาให้ดีขึ้น เนื่องจากผลการสำรวจเบื้องต้นพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า คดีนายวรยุทธสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำไม่เสมอภาคของกระบวนการยุติธรรม เพราะถูกซื้อได้ด้วยเงินและอำนาจ ขณะที่คะแนนความพึงพอใจที่มีต่อกระบวนการยุติธรรม ตกวูบจาก 2.40 เหลือเพียง 0.99 เท่านั้น