จากปัญหาพื้นที่ ส.ป.ก. ที่นำมาให้เกษตรกรใช้ทำกิน ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เสื่อมโทรม เป็นพื้นที่อาศัยน้ำฝน ไม่มีระบบชลประทาน นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เผยว่า เพื่อให้เกษตรกรที่เข้าถือครองที่ดิน ส.ป.ก. ได้ร่วมทำบันทึกข้อตกลงกับกรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน กรมทรัพยากรน้ำบาดาล สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และสถาบันการศึกษา มาร่วมกันแก้ปัญหาดังกล่าว และจัดทำฐานข้อมูลการถือครองที่ดินของรัฐในระบบดิจิทัล (Big Data) ที่มีข้อมูลถูกต้องเป็นปัจจุบันทันสมัย รวบรวมข้อมูลภาคเกษตรไทยจากทุกภาคส่วน ทั้งข้อมูลภายในหน่วยงานกระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานภายนอก โดยข้อมูลทั้งหมดนำมาวิเคราะห์ในรูปแบบรายงานหรือสถิติ ถือเป็นการบูรณาการด้านข้อมูลข่าวสารขนาดใหญ่ร่วมกันของทุกหน่วยงาน ทำให้เกษตรกรที่เข้าไปทำกินในพื้นที่สามารถประกอบอาชีพได้“การให้เพียงที่ดินเปล่าๆ เกษตรกรอยู่ยาก ฉะนั้นต้องฝึกอบรมเกษตรกรให้เข้าใจโครงสร้างพื้นฐานการประกอบอาชีพ สามารถผลิต-แปรรูป และทำการตลาดซื้อขาย ดังนั้น ที่ผ่านมาได้มอบหมายให้สำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี (สพท.) สำรวจความต้องการเกษตรกรในพื้นที่ที่มีความต้องการผลิต แปรรูปอะไร ใช้เป็นแนวทางจัดอบรมสร้างเทรดเดอร์ผู้นำกลุ่ม เป็นตัวแทนในการดูแลการผลิต เป็นตัวเชื่อมโยงตลาด” ในส่วนของเงินทุน นายวิณะโรจน์ บอกว่า ส.ป.ก.ได้จัดหาเงินกู้จากกองทุนปฏิรูปที่ดินจัดเตรียมให้เกษตรกรที่เข้าถือครองในพื้นที่ ใช้เป็นเงินทุนประกอบอาชีพมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทาง ส.ป.ก.จัดสรรเงินกู้ปลอดดอกระยะเวลา 1 ปี จำนวน 20,000 บาท และระยะ 3 ปี วงเงิน 20,000-50,000 บาท ซึ่งกลุ่มนี้จะปลอดดอกในปีแรก ช่วยเกษตรกรในพื้นที่ให้สามารถดำรงชีวิตประกอบอาชีพ ขายผลผลิตผ่านตลาดออนไลน์ ฝากร้านกับสถาบันการศึกษา พร้อมทั้งสร้างแบรนด์เป็นสินค้าที่มาจากพื้นที่ ส.ป.ก.ต้องได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย ผ่านการรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร GAP หากผลิตภัณฑ์ไหนที่ผู้บริโภคซื้อไปมีปัญหา สามารถเคลมส่งคืนแหล่งที่ผลิตหรือส่งตรงมาที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินฯ ถ.ราชดำเนิน กทม. ได้ทันที.
