วัฏจักรการเมืองไทย ไม่ว่าวันนี้จะจำกัดความว่าอย่างไร เราก็ยังฝังใจกับสังคมชนชั้น นายทุน ขุนศึก ศักดินา ตามทฤษฎีเหมา เจ๋อตง พอมีเรื่องทหารอียิปต์ ลูกอุปทูตซูดาน แหวกกติกาคุมโควิด-19 โรคเก่าก็กำเริบแม้หมอทวีศิลป์จะยอมรับ เป็นความผิดของกลไกรัฐ แต่ในโลกออนไลน์ ผมได้ยินแต่เสียงด่าขุนทหารใหญ่เรื่องทำนองนี้คนโบราณท่านบอกว่า “ถี่ลอดตาช้าง ห่างลอดตาเล็น”คนรุ่นผมคิดตามคำในสำนวนก็ข้องใจตรงตาช้างหรือตาเล็น เป็นเช่นไร พยายามคิดว่าตาคือตาข่าย โมเมว่าตาข่ายดักช้าง ตาข่ายดักเล็น แต่ก็ยังไม่ลงตัวเปิดหนังสือสำนวนไทย กาญจนาคพันธุ์อธิบาย จึงรู้ว่า สำนวนนี้คนไทยใช้กันเพี้ยนจากเดิมในเรื่องตัดทุ่นล้อมวง พระราชนิพนธ์ ร.4 มีตอนหนึ่งว่า“เมื่อเวลาเสด็จ ก็มีจุกช่องล้อมวง เกณฑ์แห่แหนแน่นไป แพเรือนโรงร้านฤาประตูบ้านราษฎร ก็ให้ปิดหมดไม่ให้เห็นตัวคน ที่มิใช่ข้าราชการการที่ในหลวงไว้ยศ การที่พนักงานยอยศ แก่ในหลวงใหญ่ยิ่งนักอย่างนี้ เมื่อรำพึงไปก็ไม่ควรเข้าใจว่าเป็นดีเพราะเป็นอันถี่ลอดตัวช้าง ห่างลอดตัวเล็นถ้าหากว่าจะมีศัตรูซุ่มอยู่กลางทาง จะซุ่มอยู่ในเรือนแพโรงร้านที่ปิดก็ซุ่มอยู่ได้ เมื่อเสด็จมาใกล้จะคึกคักออกมา ทหารแห่หน้า ฤาเรือดั้งที่แห่ไปแล้ว จะกลับมาช่วยทันฤา”กาญจนาคพันธุ์บอกว่า ตามที่ยกมานี้ทรงใช้คำว่าถี่ลอดตัวช้าง ห่างลอดตัวเล็น และทรงกล่าวเป็นเหมือนอย่างคำอธิบายไปในตัว คือสำนวนนี้เป็นคำพูดประชดแปลตามคำก็ว่า ทำถี่แต่ว่าช้างลอดได้ทั้งตัว ก็คือว่าไม่ถี่จริงนอกจากเรื่องจุกช่องล้อมวงถวายอารักขาพระเจ้าแผ่นดินแล้ว กับเรื่องอื่นๆทั่วไป ที่ทำอะไรๆดูเหมือนถี่ถ้วนละเอียดลออดี แต่ความจริงไม่รอบคอบ มีช่องโหว่หละหลวมคนทำการค้าพิถีพิถัน แต่ไม่เห็นช่องรั่วไหล แสดงว่าไม่ถี่ จริง จึงขาดทุนได้กาญจนาคพันธุ์สรุป สำนวนถี่ลอดตัวช้างเป็นสำนวนตั้งใจ ส่วนห่างลอดตัวเล็นเป็นคำเอามาเทียบคำ ถี่กับห่าง ช้างกับเล็นให้พูดคล้องจองกันไปตามนิสัยเจ้าบทเจ้ากลอนของคนไทยย้อนมาคุยเรื่องโควิด-19 ปัญหาทหารอียิปต์ ลูกอุปทูตซูดาน จะเป็นต้นเหตุให้ปรับแก้กฎกติกาใหม่ โอกาสที่หวังจะฟื้นคืนเศรษฐกิจในเร็ววัน ด้วยการผ่อนคลายยอมให้คนต่างชาติเข้าไทยได้ง่ายๆก็ต้องเลื่อนต่อไปอีกนี่คือประเด็นของเชื้อนำเข้า ที่พอจะควบคุมกันได้ เพราะช่องนำเข้าจำกัด เดิมทีอยู่ที่ด่านสุวรรณภูมิและดอนเมือง ตอนนี้มีบทเรียนสอนให้ต้องเพิ่มอู่ตะเภาเข้าไป ไม่รวมช่องทางธรรมชาติเรื่องที่ควรเป็นห่วงให้มากกว่าก็คือ เชื้อที่เกิดจากคนไทยในประเทศ ที่จะเป็นเชื้อส่งออก แม้หมอทวีศิลป์จะย้ำ ขออย่าให้การ์ดตก แต่ไปไหนมาไหนคนใส่หน้ากากเริ่มน้อยลง โอกาสที่คนไทยจะแพร่เชื้อให้กันเองใช่ว่าจะไม่มีว่ากันตามวิถีชีวิตมนุษย์ ดื่มกินกันไปก็พูดคุยกันไป ใคร...ล่ะ จะถอดจะใส่หน้ากากเวลาดื่มเวลากินยิ่งเป็นในผับในบาร์ ถ้ามีกติกาให้ต้องใส่หน้ากากก็คงไม่มีลูกค้าเข้าไปใช้บริการเรื่องเหล่านี้เหมือนโบราณว่า ถี่ลอดตาช้าง ห่างลอดตาเล็น เกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ต้องทำใจอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เมื่อเกิดแล้วก็ตามแก้ ตามป้องกันกันต่อไป คนไทยเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครเลยนี่นา!กิเลน ประลองเชิง