เกือบ 1 ปีที่ตำรวจกองปราบปรามสืบสวนคดีฟอกเงินยาเสพติด ก่อนเปิดปฏิบัติการร่วมปูพรมตรวจค้น 97 จุดทั่วประเทศ หนึ่งในเป้าหมายเป็น ร้านทองชมพู (บ้วนหลี) และเครือข่ายธุรกิจที่แก๊งยาเสพติดใช้บังหน้าจับกุมผู้ต้องหากว่า 300 คน มีทั้งเจ้าของร้านทอง 10 หมายจับ เจ้าของธุรกิจน้ำมัน ผู้รับเปิดบัญชีรับโอนเงินและกดเงิน เป็นการทำงานร่วมกันของตำรวจกองปราบปราม ตำรวจปราบปรามยาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจภูธรภาค 5 กรมสรรพากร ป.ป.ส.และ ปปง. รวมมูลค่าฟอกเงินกว่าแสนล้านบาทพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. นำทีมทลายแก๊งฟอกเงินเครือข่ายร้านทองที่นักค้ายาเสพติดรายใหญ่พัฒนารูปแบบการ “ฟอกเงิน” จากเดิมเป็นเงินสดแปรเป็นทรัพย์สิน ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นรูปแบบซื้อขายทองคำเป็นสิ่งไม่ผิดกฎหมาย ยากติดตามจับกุมและตรวจสอบเส้นทางการเงิน ตำรวจแกะรอยคดีจับแก๊งยาเสพติดทีละกลุ่ม เชื่อมโยงพยานหลักฐานพบว่ามีการ “ฟอกเงิน” ในลักษณะซื้อขายทองคำแท่งเป็นเงินมหาศาล ทั้งที่เป็นร้านทองขนาดไม่ใหญ่จะซื้อขายทองคำขนาดนี้ได้อย่างไร เป็นข้อสงสัยชุดสืบสวนกองปราบปรามนำไปสู่การเข้าตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดปฏิบัติการนี้เริ่มตั้งแต่เดือน ต.ค.2562 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. นำตำรวจกองปราบปรามและชุด “หนุมาน” เปิดปฏิบัติการ “ประชาอุ่นใจ คนดีต้องมีที่ยืน” จับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาเสพติดที่เกี่ยวเนื่องกับคดีใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงใส่บ้าน นายปิยรัฐ นิดคง สมาชิก อบต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หนึ่งในผู้ต้องหาสำคัญที่เป็นผู้สั่งการยิง นายปิยรัฐคือ นายธีระพงษ์หรือนายหมี ชูเมือง ตำรวจกองปราบฯ พบข้อมูลเชิงลึกนายธีระพงษ์เป็นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญพื้นที่ภาคใต้ เกี่ยวข้องขบวนการเครือข่ายยาเสพติดฝั่งประเทศเพื่อนบ้านชายแดนภาคเหนือพล.ต.ต.จิรภพ รายงานให้ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. ก่อนได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดของแก๊งนายธีระพงษ์หรือนายหมี มอบ พ.ต.อ.วีระชัย ขุนไชยแก้ว ผกก.6 บก.ป. สืบสวนทางลับเพื่อทลายเครือข่ายนี้ร่วมกับตำรวจปราบปรามยาเสพติดผบก.ป.กำชับหากพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับใครดำเนินคดีทุกรายตำรวจกองปราบปรามพบว่า นายธีระพงษ์หรือนายหมี จำหน่ายยาเสพติด มี นายอุดมหรือนายไข่ นิลวรรณ เป็นลูกน้องคนสนิท และ น.ส.ดาวเรือง สมแสง ผู้เปิดบัญชีรับโอนเงินยาเสพติด แก๊งนายธีระพงษ์หรือนายหมีนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ภาคใต้เดินทางซื้อขายยาเสพติดกับประเทศเพื่อนบ้านหลายครั้ง เข้ามายุ่งเกี่ยวการค้ายาเสพติดตั้งแต่ปี 2553 เคยถูกจับกุมดำเนินคดีหลายครั้ง แต่ยังเป็นตัวการใหญ่สั่งซื้อยาเสพติดจากภาคเหนือส่งภาคใต้โดยใช้บัญชีของ น.ส.ดาวเรืองเป็นบัญชีซื้อขายยาเสพติด ตำรวจกองปราบฯขออนุมัติเลขา ป.ป.ส. ดำเนินคดีกับเครือข่ายนายหมี ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ต่อมาเดือน ก.พ.2563 ตำรวจกองปราบปรามได้ประสานการดำเนินคดี “ฟอกเงิน” กับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดนายธีระพงษ์หรือนายหมี กับพวกไปยังเลขา ปปง. หลังพบพยานหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับการฟอกเงินของกลุ่มผู้ต้องหา ตำรวจกองปราบฯและเจ้าหน้าที่ ปปง. ร่วมกันตรวจสอบบัญชีของ น.ส.ดาวเรืองโดยละเอียดพบว่า มีการทำธุรกรรมผิดปกติ 113 บัญชี มีการโอนเกี่ยวกับยาเสพติดตามคำสั่งของนายธีระพงษ์หรือนายหมี 80 บัญชี และพบว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีที่น่าสงสัย โอนเงินค่ายาเสพติดตรงเข้าไปที่ บริษัทชมพู (บ้วนหลี) เป็นเงิน 2,850,000 บาทพล.ต.ต.จิรภพ สั่งขยายผลเกี่ยวกับบริษัทชมพู (บ้วนหลี) พบว่า มีเครือข่ายยาเสพติดอีกหลายเครือข่ายเกี่ยวข้องทางธุรกรรมกับ บริษัทชมพู (บ้วนหลี) โดยเฉพาะเครือข่ายขนาดใหญ่ 5 เครือข่ายโอนเงินเข้าไปที่บริษัทชมพู (บ้วนหลี) รวมเป็น 6 เครือข่ายวงเงินกว่า 590 ล้านบาทตำรวจกองปราบปรามขออนุมัติไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อเป็นพนักงานสอบสวนรับผิดชอบทำสำนวนคดีนี้ ผบ.ตร.มอบหมาย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.และ ผอ.ศปอ.ตร. มาขับเคลื่อนการทำงานบูรณาการร่วมกันทั้งหน่วย บก.ป. บช.ปส. ป.ป.ส. ปปง. และตำรวจพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลตำรวจกองปราบปรามและตำรวจ บช.ปส. ที่ทำงานมากว่า 1 ปี เกี่ยวกับบริษัท ร้านทองชมพู (บ้วนหลี) นอกจาก “แก๊งดาวเรือง” ของนายหมี ที่ตำรวจกองปราบฯขยายผลจากคดีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.ตรัง แล้วยังพบว่าเกี่ยวพันกับแก๊งยาเสพติดรายใหญ่ทั่วประเทศ ธุรกรรมทางการเงินของ ชมพู (บ้วนหลี) เกี่ยวพันกับ นายสุทธิชัย ไกรกวี เครือข่ายยาเสพติด “แม็ก-มิกส์” แฝดทมิฬนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ภาคกลางที่ถูกวิสามัญก่อนหน้าและเกี่ยวข้องร้านทองใน จ.กาญจนบุรี ตำรวจพบมีการโอนเงินต่อไปที่ บจก.ชมพู (บ้วนหลี) ปลายทาง ตรวจสอบพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาเปิดบัญชีธนาคารไว้ทำธุรกรรมฟอกเงิน 16 บัญชี ยอดเงินหมุนเวียน 3,000 ล้านบาทเกี่ยวข้องกับแก๊ง “นักบิน รถแต่ง” เครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ภาคอีสานก่อน พล.ต.อ.สุชาติ ให้เปิดปฏิบัติการสืบสวนขยายผลยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด เป้าหมายรายสำคัญระหว่างวันที่ 14-16 มิ.ย. บก.ป. โดยชุด “หนุมาน” รับผิดชอบเป้าหมายร้านทองชมพู (บ้วนหลี) หมายจับ 28 หมายและหมายค้น 17 หมาย บช.ปส. รับผิดชอบเป้าหมายร้านทองชมพู (บ้วนหลี) ร้านทองทรัพย์ทวี 9 ร้านทองทรงศิริ อ.แม่สอด จ.ตาก เป้าหมายตามหมายจับ 15 หมายและหมายค้น 80 หมาย บช.ภ.8 รับผิดชอบเป้าหมายร้านทองชมพู (บ้วนหลี) และร้านทองอีกแห่งหมายจับ 134 หมาย จับกุมผู้ค้ายาเสพติด 9 เครือข่าย บช.ภ.5 รับผิดชอบ 2 ร้านทองเป้าหมาย 109 จุดขยายผลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องชุดสืบสวนได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์ภาพรวมของเครือข่ายยาเสพติด พบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชี 70 ล้านบาท ทลายแก๊งค้ายาเสพติดที่พัวพันร้านทอง เจ้าของธุรกิจน้ำมัน บริษัทส่งสินค้าเกษตร ผู้รับเปิดบัญชีรับโอนเงินและกดเงิน ผู้บงการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง ทั้งนอกคุกและอยู่ในคุก ถูกจับกุมดำเนินคดีกว่า 300 ราย พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “คดีนี้สั่งให้ กก.6 บก.ป.สืบสวนสอบสวนดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดทุกราย กองปราบฯเริ่มเห็นพฤติกรรมน่าสงสัยของขบวนการยาเสพติดนี้ตั้งแต่ปีที่แล้วในช่วงที่นำทีมไปจับกุมคดีคนร้ายใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงใส่บ้านสมาชิก อบต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง มีหนึ่งในผู้ต้องหาเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ภาคใต้ได้ร่วมกับ บช.ปส. สืบสวนมาโดยตลอด พบเส้นทางการเงินขบวนการค้ายาเสพติดเชื่อมโยงบริษัท ชมพู (บ้วนหลี) นำไปสู่เปิดปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับกุมผู้ต้องหาขบวนการนี้ได้เกือบทั้งหมด ทลายเครือข่ายฟอกเงินรายใหญ่ของประเทศได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานและขยายผลดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม”ผลงานสำคัญของตำรวจกองปราบปราม ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตำรวจท้องที่ขยายผลจากคดีผู้มีอิทธิพลโยงมาจับกุมเครือข่ายยาเสพติดระดับประเทศ ปิดฉากแก๊งค้ายาเสพติดที่เปลี่ยนรูปแบบใช้ร้านค้าทองคำหลบเลี่ยงการถูกยึดทรัพย์ สุดท้ายไม่รอดฝีมือตำรวจกองปราบปรามและตำรวจปราบปรามยาเสพติดทุกคดีขยายให้สุดทำให้จบ ใครเกี่ยวข้องว่าไปตามหลักฐาน เป็นงานตำรวจกองปราบปราม.ทีมข่าวอาชญากรรม