ตำรวจสืบใหญ่ บช.น.และ สน.บางมด บุกจับ 25 นักพนันคาดแมสก์เล่นกำถั่วภายในตลาดนัดอินดี้ดาวคะนอง ดำเนินคดีลักลอบเล่นการพนันพ่วงฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก่อนส่งฟ้องศาลแขวงธนบุรี พิพากษาจำคุกเจ้ามือ 3 เดือน ปรับ 12,500 บาท ที่เหลืออีก 24 คน จำคุก 15 วัน ปรับคนละ 12,000 บาท โทษจำคุกทั้งหมดให้รอการลงโทษตำรวจบุกจับนักพนันกำถั่วไม่กลัวโควิดฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 6 มิ.ย. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น.และ พ.ต.อ.ปริญญา เหลืองอุทัย ผกก.สน.บางมด นำกำลังบุกจับกุมบ่อนการพนัน ในลานจอดรถตลาดอินดี้ดาวคะนอง ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงดาวคะนอง เขตจอมทอง กทม. หลังมีพลเมืองดีแจ้งข้อมูลว่ามีกลุ่มหญิงชายรวมตัวเข้าออกจำนวนมากอย่างน่าสงสัยและเป็นที่น่าหวั่นเกรงว่าจะเป็นการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19ที่เกิดเหตุเป็นอาคารอเนกประสงค์ชั้นเดียว ขนาดประมาณ 150 ตารางเมตร อยู่ในลานจอดรถตลาดอินดี้ดาวคะนอง ตลาดไนต์มาร์เกตชื่อดัง ลักษณะเป็นอาคารปิด ภายในเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ทำพื้นปูกระเบื้อง ตีฝ้าเพดาน มีไฟส่องสว่าง ติดเครื่องปรับอากาศเป็นอย่างดี มีการแบ่งโซนเป็นเคาน์เตอร์แลกเงิน โซนเล่นการพนัน ตำรวจจับกุมบุคคลที่อยู่ในอาคารได้ทั้งสิ้น 25 ราย แบ่งเป็นชาย 13 ราย และหญิง 12 ราย ยึดของกลางเป็นอุปกรณ์การเล่นถั่วหยิบ 1 ชุด เงินสด 4,000 บาท นอกจากนี้ยังพบตู้เกมยิงปลาอีก 1 เครื่อง เชิญตัวผู้ต้องหา ทั้ง 25 ราย ไปสอบสวนหาตัวเจ้ามือ คัดแยกผู้เล่นการพนัน และตรวจยึดของกลางทั้งหมดไปดำเนินคดีที่ สน.บางมด และนำตัวส่งฟ้องศาลต่อไปต่อมาเวลา 11.00 น. ที่ศาลแขวงธนบุรี พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 7 (แขวงธนบุรี) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพงศกร คำศรี กับพวกรวม 25 คน เป็นจำเลยในฐานความผิด ร่วมกันลักลอบเล่นการพนัน (กำถั่ว) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่มีพระราชกฤษฎีกาอนุญาตให้เล่นได้ ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2473 และร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548บรรยายฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. จำเลยทั้ง 25 คน ได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกัน โดยจำเลยทั้งหมดลักลอบเล่นพนัน (กำถั่ว) เป็นการพนันประเภทห้ามเด็ดขาด ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 และนายพงศกร จำเลยที่ 1 รับว่าเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ส่วนจำเลยที่ 2-25 เป็นลูกค้าเข้าร่วมเล่นพนัน ในห้องเช่าไม่ทราบเลขที่ กลางซอยสุขสวัสดิ์ แขวงจอมทอง กทม. เป็นสถานที่แออัดในเขตพื้นที่ที่ได้มีการประกาศกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ทั้งที่ในคำฟ้องได้ระบุว่าการกระทำของจำเลยทั้ง 25 คน แสดงถึงความขาดการรับผิดชอบต่อส่วนรวมในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ให้แพร่ระบาดออกไปในวงกว้าง ขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพศาลพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 25 คน มีความผิดตามฟ้อง การกระทำของจำเลย 25 คน เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 จำเลยทั้ง 25 คน ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานร่วมกันลักลอบเล่นการพนันคงจำคุกจำเลยที่หนึ่งซึ่งเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ มีกำหนดโทษจำคุก 3 เดือนและปรับ 2,500 บาท ส่วนจำเลยที่เหลือให้ปรับคนละ 2,000 บาท สำหรับความผิดฐานชุมนุมหรือมั่วสุมในสถานที่แออัดอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 25 คนละ 15 วัน และปรับเงินคนละ 10,000 บาทรวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 เดือน 15 วันและปรับเงิน 12,500 บาท ส่วนจำเลยที่ 2-25 จำคุก 15 วันและปรับเงิน 12,000 บาท แต่โทษ จำคุกจำเลยที่ 1 ให้รอลงโทษไว้ 2 ปี ส่วนโทษจำคุกจำเลยที่ 2-25 ให้รอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ริบของกลาง ให้จำเลยทั้ง 25 จ่ายสินบนนำจับกึ่งหนึ่งตามกฎหมาย