ช่วง Stay Home หญิงสวยเก่ง นุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ บิ๊กบอส OCEAN LIFE ไทยสมุทร ไม่กล้า เดินทางไปบ้านเขาใหญ่หรือบ้านพัทยา จึงชวนน้องสามี คุณปุ๊ย–นภสร ประนิช เจ้าแม่สปาช่า ลุยทำ DIY Face Shield กันทั้งเดือน ได้กว่าแสนชิ้น โดย คุณนุช กับสามี คุณปิง ทำเองที่บ้าน 2,000 นอกนั้นลูกน้องที่ไทยสมุทรทำ 70,000 กว่าชิ้น และ คุณปุ๊ย ก็เอาไปทำที่บ้าน และให้ลูกน้อง Spasha ช่วยทำได้อีก 30,000 กว่าชิ้น ระหว่างประดิษฐ์หน้ากาก คุณนุช ให้ลูกน้องถ่าย vdo ส่งให้ รพ.ชุมชน รพ.จังหวัดในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขได้ดูด้วยว่า ทุกคนทำจากใจ และได้ผู้สนับสนุนเงิน คือไทยสมุทรประกันชีวิต-อมรินทร์กรุ๊ป-Emerald Hotel-Toyota Paragon-Spasha-Doctor Life-S&P และเพื่อนๆบางคนก็ขอออกเงินสมทบ และได้สายรัดจาก วีนัสเทคโนโลยี กล่องบรรจุจาก Herbal Life SCG อนุเคราะห์ค่าส่งฟรี โดยไปรษณีย์ไทย ส่งตรงถึง รพ.ต่างจังหวัดทั่วประเทศ 77,000 ชิ้นโดย คุณนุช ตั้งไลน์กลุ่มกับหัวหน้าพยาบาลและผู้ใหญ่ในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อกำหนดจำนวน ตามขนาดโรงพยาบาล ทำรายชื่อให้เห็นกันว่าใครได้มากน้อย และจัดส่งตรงให้ ผอ.รพ.ทุกแห่งแล้วก็ไปมอบเพิ่มให้ รพ.บำราศนราดูร และ หมอหนู–อนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งพอทุก รพ.ได้รับ ก็ถ่ายภาพกลับมาให้ดูว่าเขาใช้เลย ทำให้คนทำอกฟู ปลื้มใจ แม้ 2 แม่งานใหญ่ คุณนายมหาเศรษฐี คุณนุช และ คุณปุ๊ย จะหลังเดี้ยงไปแล้วทั้งคู่.0 0 0 0 0 อังกฤษเป็นประเทศที่มีไฮโซไทยอยู่มากที่สุด ทั้งซื้อบ้านอยู่ ไปเรียนหนังสือ และไปเที่ยว พอเกิดโรคระบาดและมีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันพุ่งกระฉูด และอัตราตายสูงลิ่ว จนคาดการณ์ว่าอัตราตายที่อังกฤษอาจจะสูงที่สุด ทำให้ลูกท่านหลานเศรษฐีรีบอพยพกลับมาอยู่เมืองไทยกันหมด จึงมีคนถาม นพ.ต่อพงศ์–พญ.โมนา อัศวิษณุ ว่าทำไมไม่ให้ลูกสาว คือ พญ.กัลลประภา กลับมาเมืองไทย แต่ยังอยู่ที่นั่นและดูแลคนไข้โควิด ซึ่งถ้าพลาดก็อันตรายถึงชีวิต ซึ่ง คุณหมอโมนา บอกว่า ในเมื่อลูกเลือกแล้วที่จะเป็นหมอ ก็ควรจะรับผิดชอบและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แต่ก็แล้วแต่ลูก พ่อแม่เคารพในการตัดสินใจของเขา และไม่ได้บอกความคิดนี้ให้ลูกรู้ แต่ก็ปรากฏว่าลูกคิดเหมือนแม่ หมอกัลลประภา จึงยังคงอยู่ทำหน้าที่ต่ออายุรแพทย์วอร์ด AMU (Acute Medical Unit) โรงพยาบาล St. George ในลอนดอน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษต่อ ท่ามกลางความขาดแคลนของอุปกรณ์ป้องกันตัวต่างๆ เช่น หน้ากาก ชุดป้องกันการติดเชื้อ และต้องใช้หน้ากากธรรมดา และไม่มีชุดป้องกันในการตรวจคนไข้ จะได้รับหน้ากากพิเศษและชุดก็ต่อเมื่อต้องทำหัตถการที่มีละอองฝอย เช่น ใส่ท่อช่วยหายใจเท่านั้นและมีการลดสเปกของอุปกรณ์ป้องกันตัวที่ใช้ลง และในแต่ละวันต้องทำงานชั่วโมงยาวนานขึ้น อยู่เวรมากขึ้น เพราะคนไข้ล้นจากที่เคยบินกลับเมืองไทยทุก 2 เดือน สลับกับคุณพ่อคุณแม่บินไปทุก 2 เดือน จึงทำให้ได้เจอครอบครัวทุกเดือน ก็กลายเป็นว่ายังไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ถึงจะได้มีโอกาสเจอกันอีก ซึ่งก็คงอีกนาน แต่ถึงจะห่วงลูกสุดหัวใจ คุณหมอโมนา ก็ยอมรับกับการที่ลูกเลือกทำหน้าที่หมอ และขอเป็นกำลังใจให้กับลูกสาว และฟรอนต์ไลน์ แพทย์ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุขทั่วโลก ซึ่งเป็นฮีโร่--ได้ยินเรื่องนี้แล้ว เห็นเลยว่าเลือดหมอครอบครัวนี้เข้มข้นจริง.โสมชบา