สภา กทม. ตั้ง คกก.วิสามัญศึกษา กรณี กทม.เสนอขอใช้งบสะสมจ่ายขาด 8 พันล้าน ก่อนพิจารณาให้ความเห็นชอบที่อาคารไอราวัตพัฒนา กทม.2 (ดินแดง) เมื่อวันที่ 22 เม.ย. เวลา 10.00 น. นายนิรันดร์ ประดิษฐกุล ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สอง (ครั้งที่ 2) ประจำปีพุทธศักราช 2563 โดยมี สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมทั้งนี้ กทม.ได้ยื่นญัตติ เรื่องกรุงเทพมหานครขอความเห็นชอบจ่ายขาดเงินสะสมกรุงเทพมหานคร จำนวน 8,000 ล้านบาท ซึ่งได้เลื่อนการพิจารณาจากการประชุม สภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สอง (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2563 โดย กทม.ระบุว่า มีความจำเป็นต้องจ่ายรายจ่ายพิเศษจากเงินสะสมจ่ายขาดเป็นการเร่งด่วน เพื่อใช้บริหารจัดการกิจการที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจความรับผิดชอบที่เกี่ยวกับด้านการโยธาและระบบจราจร ด้านการบริหารทั่วไป ด้านการระบายน้ำและบำบัดน้ำเสีย ด้านการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย ด้านการศึกษา ด้านการพัฒนาและบริการสังคม ด้านการสาธารณสุขและเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ปัจจุบัน กทม.มียอดเงินสะสมหลังจากหักภาระผูกพันและกันสำรองไว้ใช้จ่ายตามกฎหมาย เป็นจำนวน 38,131,232,090.44 บาท (สามหมื่นแปดพันหนึ่งร้อยสามสิบเอ็ดล้านสองแสนสามหมื่นสองพันเก้าสิบบาทสี่สิบสี่สตางค์) ขณะที่การจ่ายขาดเงินสะสมต้องได้รับความเห็นชอบจากสภา กทม.ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง เงินสะสม พ.ศ. 2562พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า จำนวนเงินกว่า 8 พันล้านที่ กทม.เสนอขอความเห็นชอบจากสภา กทม.ในครั้งนี้ จะนำไปใช้ในภารกิจสำคัญ และนำไปใช้ในการบริการชุมชนและสังคม รวมทั้งสมทบงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ซึ่ง กทม.ได้นำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่บุคลากรเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกสภา กทม.ได้อภิปรายและแสดงความคิดเห็นหลากหลาย อาทิ เห็นด้วยให้เร่งจ่ายงบดังกล่าวเพราะบางโครงการมีความจำเป็นเร่งด่วนและงบประมาณที่มีอยู่ไม่เพียงพอ ขณะเดียวกัน มีบางโครงการไม่เข้าเงื่อนไขการขอใช้เงินสะสมจ่ายขาด ที่ประชุมสภา กทม.จึงมีมติตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาญัตติดังกล่าวก่อนรับหลักการ เพื่อให้การดำเนินโครงการที่ได้เสนอมามีความถูกต้อง ครบถ้วน เหมาะสม และสามารถสนับสนุนการทำงานของ กทม.ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความคุ้มค่าสูงสุด โดยตั้งคณะกรรมการวิสามัญจำนวน 19 ท่าน กำหนดระยะเวลาศึกษา 30 วัน.