ประวัติศาสตร์จีน ชุดที่อาจารย์ถาวร สิกขโกศล แปลไว้ใน “แลหลังแดนมังกร” (พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ.2542 นานมีบุ๊คส์จำกัด) ไม่ใช่ประวัติศาสตร์บางบ้านเมือง ที่มักเขียนแบบเขียน “ยอยศพระลอ” จึงเชื่อถือได้ในหัวข้อ “บูเช็คเทียน” มีคำเกริ่นนำเป็นนักการเมืองที่ปรีชาสามารถที่สุดของจีนพ.ศ.1170 บูเช็คเทียนอายุ 17 ปี กิติศัพท์ความงามบวกสติปัญญา พระเจ้าถังไทจง จึงให้รับตัวไปอยู่ในวัง สถาปนาเป็น “นางปัญญา” พระเจ้าถังไทจงทิวงคต ถูกส่งไปบวชเป็นภิกษุณี...พ.ศ.1197 พระเจ้าถังเกาจงให้ลาสิกขาไปอยู่ในวัง ในฐานะพระสนมเอก ไม่นานก็เลื่อนเป็น “ฮองเฮา”...เกิดเสียงคัดค้านต่อต้าน ข้อครหาเป็นเมียพ่อ แล้วก็ต่อมาเป็นเมียลูก ไม่มีใครกล้าพูดถึงกล้าพูดกันแต่พื้นเพเป็นแค่ธิดาพ่อค้าไม้ ร่วมโค่นล้มราชวงศ์สุย...เป็นเจ้าเมืองจิงโจว อธิบดีกรมโยธาธิการ...ไม่ใช่เชื้อสายเจ้าแท้ เป็นแค่ไพร่บูเช็คเทียนกำจัดฝ่ายต่อต้าน บีบหัวเรือใหญ่ฆ่าตัวตาย ถอดถอนโยกย้ายพวกที่ไม่เอออวยพ.ศ.1203 พระเจ้าถังเกาจงสุขภาพทรุดโทรม บูเช็คเทียนร่วมบริหารราชการ จนถูกยกย่องควบฮ่องเต้ เป็นสองธีรราช พ.ศ.1226 พระเจ้าถังเกาจงทิวงคต ยุพราชหลีเสี่ยนเสวยราช พระนาม ถังจงจงบูเช็คเทียน ในฐานะพระพันปีหลวง ผู้กำกับราชการ ปลดฮ่องเต้ลงเป็นหลู่หลิงอ๋อง ยกหลี่ตั้น โอรสอีกองค์เป็นฮ่องเต้ พระนามถังญุ่ยจง แสดงชัด อำนาจทั้งปวงอยู่ในกำมือพระนางขุนนางหัวเก่าไม่พอใจ รวมหัวกับมหาเสนาบดีราชสำนักเผยเยี่ยนก่อกบฏที่เมืองหยางโจว บูเช็คเทียนสั่งทัพ 30 หมื่น ปราบกบฏได้ราบคาบ ประหารเผยเยี่ยน แม่ทัพเฉิงหวูกิงช่วยพูดขอโทษ พระนางก็สั่งประหารเป็นคนที่สองพ.ศ.1231 เหตุเพราะตระกูลหลี่... (ตระกูล พระเจ้าถังไทจง) เสื่อมอำนาจ หลังหยาอ๋อง ขุนนางตระกูลหลี่ก่อกบฏ ที่เมืองป๋อโจว เยว่อ๋อง กบฏที่เมืองหยีโจว บูเช็คเทียนปราบได้ราบคาบมีคำถาม อะไรทำให้บูเช็คเทียน จึงใช้อำนาจได้อย่างเข้มแข็งเด็ดขาดมั่นคงบูเช็คเทียนเล่นเกมอำนาจทีละขั้น เริ่มปรับปรุงหนังสือ ประมวลสายสกุล จัดสกุลบู (หวู่) เป็นอันดับ 1 สกุลอื่นตามลำดับตำแหน่งราชการ เปิดโอกาสให้ “ไพร่” ได้เลื่อนฐานะสูงขึ้นขั้นที่ 2 ปรับปรุงระบบสอบแข่งขันใหม่ พ.ศ.1233 พระนางกำกับการสอบระดับสูงสุดเอง นี่คือการสอบ “จอหงวน” ครั้งแรกของจีน ทั้งยังมีการสอบจอหงวนบู๊ขึ้นอีกด้วยคนดีมีปัญญา ไม่จำกัดชาติตระกูลทั่วจีน ได้เลื่อนฐานะตามฝีมือความสามารถคนสำคัญมาจากตระกูลไพร่ ชื่อ “ตี้เหญินเจี่ย” ขณะเป็นตุลาการสูงสุด ชำระคดีตกค้างลุล่วงถึง 17,000 ราย บูเช็คเทียนแหวกขนบเดิมๆ ตั้งให้เป็น “อัครมหาเสนาบดี” ทันทีตี้เหญินเจี่ย กล้าหาญสุจริต ไม่เกรงอิทธิพลใดๆ เคยตำหนิความฟุ่มเฟือยของบูเช็คเทียน พระนางก็ยอมรับฟังลู่ปันหวาง หนึ่งในสี่ผู้โดดเด่นต้นราชวงศ์ถัง เขียนบทวิจารณ์โจมตีบูเช็คเทียน เห็นแววปัญญา ตำหนิตี้เหญินเจี่ย ทำไมไม่รีบเอาตัวเข้ามารับราชการเลือกสุดยอดตุลาการเป็นนายก เลือกใช้คนเก่งคนดีทำงานอื่นๆ รัฐบาลพระนางจึงได้ชื่อว่า สนับสนุนการเกษตรา การเลี้ยงไหม ใส่ใจป้องกันชายแดน ปรับปรุงความสัมพันธ์กับชนกลุ่มน้อยพ.ศ.1233 พระเจ้าถังญุ่ยจง อัญเชิญบูเช็คเทียนเป็นฮ่องเต้เปลี่ยนชื่อราชวงศ์ เป็นราชวงศ์โจว เฉลิมพระนาม “จาวตี้” ฮ่องเต้หญิงองค์เดียวของจีนปลายปี พ.ศ.1248 บูเช็คเทียนทิวงคต ขณะอายุ 80 ปี หลังกุมอำนาจจากการเมืองต่อเนื่องถึง 50 ปี ประวัติศาสตร์บันทึกว่า พระนางมีพระปรีชาสามารถเหนือคนสามัญ โดยเฉพาะเรื่องการเลือกใช้คนถ้าพระนางเลือกตุลาการ...ที่ไม่ใช่ตี้เหญินเจี่ย แต่เป็นตุลาการที่เก่งไปทางสอพลอปอปั้นแบบศรีธนญชัย...เป็นนายกรัฐมนตรี เมืองจีนยุคนั้นคงจะร้อนเป็นไฟ ประวัติศาสตร์จีนก็ต้องเปลี่ยนไป.กิเลน ประลองเชิง