รองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แสดงความเห็นเอาไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะมีการประมูลโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 5 จี ที่เพิ่งจะผ่านไปสดๆร้อนๆว่า หลังจากที่ กสทช. จัดการประมูลคลื่น 5 จีแล้ว จะมีเม็ดเงินเป็นรายได้เข้าประเทศ ที่ 100,521.17 ล้านบาท และ จะมีการลงทุนจากภาคเอกชนและธุรกิจ ที่ประมูล 5 จีได้อีกไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท ระบบ 5 จี จะเป็นการนำร่องไปสู่เศรษฐกิจในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริงเม็ดเงินที่รัฐได้รับในครั้งนี้ แน่นอนว่าส่วนหนึ่งนำไปพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบโทรคมนาคม ของประเทศอย่างต่อเนื่อง พัฒนาดิจิทัลชุมชน การพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่หรือสตาร์ตอัพ โดยมีการมอบหมายให้ อุตตม สาวนายน รมว.คลัง ไปศึกษาข้อกฎหมายว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้างทั้งนี้ รมว.คลัง อุตตม ชี้แจงว่าในการประมูล 4 จีที่ผ่านมา รัฐนำรายได้เข้าเป็นรายได้ของแผ่นดินทั้งหมด แต่ในการประมูล 5 จีจะมีการพิจารณาว่าจะนำรายได้ไปใช้ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ ทางด้านดิจิทัล อาทิ อาจเก็บเงินไว้ที่ กสทช. กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ จากนั้นจึงค่อยจัดสรรลงไปตามโครงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาดิจิทัลของประเทศไทยเนื่องจากคลื่น 5 จี โดยเฉพาะในย่านความถี่ 2600 เมกะเฮิรตซ์ เป็นคลื่นที่มีความเหมาะสมมากที่สุดมีความเป็นสากลในด้านอุปกรณ์การรองรับและโครงข่ายทำให้มีการแข่งขันในการประมูลคึกคัก และในที่สุด เอไอเอส ชนะการประมูลในเกือบทุกคลื่นความถี่ ทั้ง 700-2600 เมกะเฮิรตซ์และ 26 กิกะเฮิรตซ์ ด้วยมูลค่า 42,060 ล้านบาท ทรูมูฟ ชนะการประมูลคลื่นย่าน 2600 เมกะเฮิรตซ์และ 26 กิกะเฮิรตซ์ ด้วยมูลค่า 21,449.6 ล้านบาท ดีแทค ได้ไป 1 คลื่นความถี่ 26 กิกะเฮิรตซ์ มูลค่า 910.4 ล้านบาท แคท หรือ บมจ.กสท โทรคมนาคม ประมูลได้คลื่นความถี่ 700 เมกะเฮิรตซ์ มูลค่า 34,306 ล้านบาท และ บมจ.ทีโอที ประมูลได้คลื่นความถี่ 26 กิกะเฮิรตซ์ มูลค่า 1,795 ล้านบาทโดย ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า การประมูลคลื่น 5 จีครั้งนี้ จะเป็นอีกก้าวของนวัตกรรมดิจิทัลที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์กับธุรกิจและความมั่นคงของประเทศในอีกระดับหนึ่ง สอดคล้องกับระบบโทรคมนาคมของสากลในยุคปัจจุบันการเปิดให้บริการ 5 จี คาดว่าจะเปิดได้เร็วกว่ากำหนดเดิมคาดว่าจะเปิดให้ใช้บริการได้ในไตรมาสที่สามของปีนี้ แต่ด้วยความพร้อมของเอกชนที่ได้รับการประมูล มีการสั่งอุปกรณ์ 5 จีมาทดสอบการใช้งานเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น การเปิดใช้บริการน่าจะเร็วขึ้น ประมาณเดือน พ.ค.นี้ก็น่าจะใช้ได้แล้ว ทำให้มูลค่ารายได้จาก 5 จีจะเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาในการใช้งานด้วยสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับสาธารณะคือการนำมาใช้กับการสาธารณสุข การรักษาพยาบาลที่ทันสมัย การใช้กับระบบการศึกษา และการนำมาใช้ในการพยากรณ์เศรษฐกิจได้ล่วงหน้าที่จะเป็นประโยชน์กับสตาร์ตอัพ และสินค้าการเกษตรโดยตรง นำประเทศเข้าสู่ความสามารถในการแข่งขันยุคเศรษฐกิจดิจิทัล.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th