ถ้าวันนี้เราเปลี่ยนจากคำว่า “ทำไมถึงเกิด” มาเป็นที่ว่า “ทำอย่างไรจะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น” คงทำให้เราได้นำเหตุการณ์อาชญากรรมเหล่านี้เป็นบทเรียน คุกเปรียบเสมือนโรงเรียนสอนสังคม โรงเรียนที่มีผู้ต้องขังเป็นครูและการกระทำผิดเป็นบทเรียน สอนให้รู้ว่าถ้าคุณทำผิดกฎหมาย จุดจบจะเป็นเช่นไร ทุกวันนี้ เราสร้างสมาชิกในสังคมที่มีความคิดพฤติกรรมที่ผิดเพี้ยนไปจากกรอบบรรทัดฐานทางสังคมมาได้อย่างไรเป็นคำถามที่น่าค้นหาคำตอบการมองอาชญากรรมหรือพฤติกรรมกระทำผิดเป็นปลายทางที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็น “สมคิด” ที่ฆ่าหมอนวดหลายศพ “ไอซ์ หีบเหล็ก” ที่มีความเลือดเย็น “ผอ.กอล์ฟ” ผอ.โรงเรียนที่บุกปล้นร้านทองยิงสามศพแม้กระทั่งเด็ก 2 ขวบ พ่อเลี้ยงที่ข่มขืนลูกโดยมีแม่แท้ๆ รู้เห็นเป็นใจ ครูที่ข่มขืนนักเรียนกว่า 200 ครั้งคนเหล่านี้ไม่ใช่อาชญากรโดยกำเนิด แต่เกิดขึ้นจากการเรียนรู้พฤติกรรมอาชญากรจากคนใกล้ชิด จากสื่อที่เสพ ขาดพร่องทางกระบวนการขัดเกลาทางสังคม หรือขาดซึ่งความผูกพันทางสังคมเพราะความโดดเดี่ยว ปัญหาความกดดัน หนี้สิน ความโลภ โกรธหลงและไม่รู้จักพอ ต้นทางที่สาเหตุแห่งการเกิดพฤติกรรมอาชญากร เป็นสิ่งที่สังคมควรช่วยกันตั้งคำถามแล้วหาคำตอบ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริงหลายประเทศทั่วโลกมีหน่วยงานศึกษาวิจัยและเก็บข้อมูลอาชญากรที่เป็นอันตรายต่อสังคม ทั้งในกลุ่มฆาตกรต่อเนื่อง ฆาตกรรมคนหมู่มาก ฆาตกรรมบุพการี ทั้งหมดถูกหล่อหลอมมาจากการเลี้ยงดู การเรียนรู้และพัฒนาการทางจริยธรรมที่บกพร่อง หากนับเวลาที่คนเหล่านี้เติบโตมาในสภาพครอบครัว สิ่งแวดล้อมที่ “มืดบอด” คงเทียบไม่ได้กับจำนวนปีที่ถูกจำคุกในเรือนจำ แล้วหวังว่าคนเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงปัจจัยที่อยู่ภายใต้การควบคุมไม่อาจเทียบเคียงกับปัจจัยภายนอกทางสังคม นอกเหนือจากอำนาจการควบคุม จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมขณะอยู่ในเรือนจำถึงมีพฤติกรรมที่อยู่ในระเบียบวินัย แต่เมื่ออยู่ภายนอก กลไกการควบคุมตนเองถึงต่ำ คนกลุ่มนี้เป็นส่วนน้อยมาก ผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวโดยมีเงื่อนไขคุมประพฤติกลับมากระทำผิดซ้ำไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่การทำผิดซ้ำของคนกลุ่มนี้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกหวาดกลัวของคนในสังคมและเป็นสิ่งที่สื่อให้ความสนใจวันนี้อยากชวนให้กลับมาคิดทบทวนว่า นอกจากการแก้ไขปัญหานี้โดยหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ตำรวจ อัยการ ศาล คุมประพฤติ ราชทัณฑ์ หากสังคมให้ความร่วมมือตระหนักรู้ถึงการป้องกันปัญหาอาชญากรรมว่า แท้จริงต้องเริ่มแก้ที่รากเหง้าของปัญหา ตั้งแต่สถาบันครอบครัวซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดต้องเข้มแข็ง ชุมชนสังคมมีส่วนร่วม ถ้าบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วน เชื่อได้ว่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยช่วยกันทำไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างถูกต้องและยั่งยืน.“เพลิงพยัคฆ์”pluengpayak@thairath.co.th