แฟนๆ คอลัมน์ซอกแซกคงจะทราบเป็นอย่างดีแล้วว่า หัวหน้าทีมซอกแซกเป็น “คนชอบชิม” ตัวฉกาจ วันดีคืนดีอย่างน้อยก็ปีละ 4 หรือ 5 ครั้ง จะเขียนถึงร้านอาหารอร่อยๆ อยู่เสมอตั้งแต่อาหารคนยากริมถนนไปจนถึงอาหารไฮโซ ทั้งฝรั่งทั้งจีนตามภัตตาคารในโรงแรมต่างๆ แต่ที่ชอบเขียนและเขียนบ่อยกว่าเพื่อนก็คือ การตามไปกิน “ร้านเก่า” ที่เคยโด่งดังเมื่อ 40-50 ปีก่อน แล้วก็กลับมารายงานว่ารสชาติของร้านในตำนานเหล่านั้นจะยังเหมือนเดิมหรือไม่อย่างไรจนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อน ได้ข่าวว่าร้านที่อาจไม่เก่าเท่าไรนัก แต่เจ้าของร้านกับเชฟเป็นมือเก่าอยู่ในแวดวงอาหารฝรั่งเศสมาร่วมๆ 40 ปี และต่อมาออกไปตั้งร้านเอง ประสบความสำเร็จอย่างชนิดก้าวกระโดดจากร้านเล็กๆ คูหาเดียวกลายเป็น 2-3 และ 4 คูหาในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีนั่นยังไม่พอ...อีกแผล็บเดียวกลายเป็นร้านใหญ่แบบ “สแตนด์อโลน” สถานที่กว้างขวางโอ่โถง รองรับลูกค้าได้ถึง 150-180 คน ในแต่ละมื้อ ซึ่งเปิดให้บริการไปเมื่อวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2562เป็นเหตุให้หัวหน้าทีมซอกแซกชักชวนลูกทีมสายชิม บึ่งไปเยี่ยมร้านใหม่ของ “มือเก่า” แห่งวงการอาหารฝรั่งเศสเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาคนชอบชิมที่เป็นแฟนอาหารฝรั่งเศสคงจะทราบดีแล้วว่า ร้านเก่าแก่ร้านแรกๆ ของเมืองไทยเมื่อ 40-50 ปีก่อนโน้นก็คือ ร้าน “เลอวังโดม” อยู่ในซอยมหาดเล็กหลวง มีมาดาม ซูซาน แบลเลิฟ เป็นเจ้าของและเป็นเชฟด้วยตัวเองต่อมาก็ถึงยุคของ เลอบิสโทร ซอยร่วมฤดี แล้วก็ร้าน ลียอง เฟร้นช์ ควิซีน ในซอยร่วมฤดีเช่นกัน ซึ่งยังอยู่ยั้งยืนยงมาจนถึงวันนี้สำหรับที่ร้าน เลอวังโดม อันเก่าแก่ที่สุดนั้นเอง แฟนรุ่นเก่าคงจำได้ว่ามีเด็กหนุ่มหน้าใสวัย 17 ปี คนหนึ่งมาคอยรับแขกพร้อมแนะนำเมนูอาหารต่างๆ ด้วยกิริยานอบน้อมคล่องแคล่ว และจดจำลูกค้าได้แม่นยำมากต่อมาเด็กหนุ่มคนนี้ก็โยกย้ายไป เลอบิสโทร และ ลียองฯ ซึ่งก็ยิ่งเป็นที่รู้จักและจดจำของลูกค้าคออาหารฝรั่งเศสมากขึ้นไปอีกเท้าความมาถึงตรงนี้ใครที่เป็นแฟนอาหารฝรั่งเศสคงจะนึกใบหน้าและชื่อของเขาออกบ้างแล้วละว่าบุคคลที่มีคุณลักษณะเช่นนี้ มีอยู่ไม่มากนักในวงการร้านอาหารเมืองไทยและหนึ่งในจำนวนนี้ก็คือ คุณ “แดง” หรือ สมพร ชลมหาสวัสดิ์ อดีตพนักงานที่ไต่เต้าตั้งแต่อยู่ก้นครัวจนขึ้นสู่ระดับผู้จัดการของทั้ง 3 ร้านในตำนานนั่นเองหลังจากคร่ำหวอดอยู่กับร้านของคนอื่นมากว่า 30 ปี วันหนึ่งคุณแดงก็เริ่มคิดถึงอนาคตของตนเองและตัดสินใจไปเปิดร้านเล็กๆคูหาเดียวกับ สุทิศา ชลมหาสวัสดิ์ ภรรยาคู่ชีวิตที่เคยเป็นผู้ช่วยเชฟที่ ลียองฯ มาหลายปี และพบรักกับเขาที่ร้านนี้ตั้งชื่อร้านใหม่ของเขาว่า “ดิ ไอเฟล” เพื่อให้มีสัญลักษณ์ของความเป็นฝรั่งเศส สำหรับสื่อถึงอาหารฝรั่งเศสจะหาร้านค่าเซ้งถูกๆหน่อยก็ต้องไปไกลถึง ศาลายา โน่น อยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยมหิดลพอดิบพอดี“ผมตั้งใจเปิดร้านอาหารฝรั่งเศส ในราคาที่คนรายได้ปานกลางพอจะรับประทานได้ จึงตัดสินใจมาอยู่ที่นี่”“ผมเป็นคนโชคดี ลูกค้าเก่าๆ จาก 3 ร้านดั้งเดิม พอรู้ว่าผมกับแม่บ้านมาเปิดร้านที่นี่ ก็ตามมาอุดหนุนต่อ ไม่อุดหนุนอย่างเดียว ยังชวนลูกค้าใหม่มาให้ด้วย...ทำให้ร้านเราเต็มทุกวันทุกโต๊ะ ในที่สุดก็ต้องขยายจนกลายเป็น 4 คูหา”“แม้จะ 4 คูหาแล้วก็ยังแน่นอยู่ดี หลังจากอยู่ที่นี่ใกล้ 12 ปี ผมก็มองหาลู่ทางที่จะขยายต่อ เพราะช่วงหลังๆ ลูกชายคนโตของผม กฤตย์ ชลมหาสวัสดิ์ ซึ่งเรียนจบหลักสูตร กอร์ดองเบลอ เมื่อปีที่แล้วก็ขันอาสามาเป็นผู้ช่วยเชฟ ช่วยแม่เขาอีกแรง”“ในที่สุดเรา 3 คน พ่อแม่ลูก ก็ปรึกษากันและตัดสินใจขยายร้านใหม่อีก...คราวนี้ไปได้ที่ใหม่ อยู่ห่างจากศาลายาไปนิดเดียว”“ที่ผมมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะ มาดามซูซาน แบลเลิฟ เจ้าของร้านอาหารฝรั่งเศส ร้านแรกของประเทศไทย ผมไปทำงานกับท่านตั้งแต่ 17 ขวบ ท่านรักผมเหมือนลูก ถ่ายทอดวิชาบริหารร้านอาหารฝรั่งเศสให้ทุกอย่าง” คุณแดงสรุปบทสนทนากับทีมงานซอกแซกด้วยประโยคนี้ร้านใหม่ของคุณแดงอยู่เลยร้านเดิมไปเพียงไม่กี่กิโลเมตร ใครที่ขับรถเข้าศาลายาผ่านด้านข้างมหาวิทยาลัยมหิดลไปจนถึงสุดถนนที่มีหอนาฬิกา พอยูเทิร์นปุ๊บให้ชิดซ้ายแล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนแรกไปเลย มีป้ายบอกทางไปตลอดที่ตั้งของร้านใหม่ก็คือเลขที่ 32 ซอยศาลายาธรรมสพน์ 64 (ซอยศาลายาอินเตอร์) หมายเลขโทรศัพท์ 08-6898-1279, 09-2695-5034ข้อเขียนวันนี้จะจบลงอย่างสมบูรณ์ไม่ได้เลย ถ้าจะไม่บอกว่าเมนูไหนในหลายๆสิบเมนูของ ดิไอเฟล ที่หัวหน้าทีมซอกแซกชอบที่สุดอันดับ 1 เลยก็คือ “ฟัวร์กราส์” หรือ “ตับห่าน” นั่นแหละครับ ไม่เคยกินตับห่านที่ไหนอร่อยและสะใจเท่าที่นี่ เพราะชิ้นโตเหลือเกินเหมือนเจาะจงเลือกเฉพาะ “ห่านตับโต” มาขายเท่านั้นอันดับ 2 รองลงมาก็มี ปลาหิมะอบย่างพริกไทยแดงเยอรมัน กับ ซี่โครงแกะย่าง แล้วก็ ขากบทอดอาหารอร่อยอื่นๆ เขามีแยะกว่านี้ก็ลองไปขอคำแนะนำจากคุณแดงเอาเองก็แล้วกันครับถามว่าสนนราคาเป็นอย่างไรบ้าง?ก็คงต้องตอบว่า ยังไงอาหารฝรั่งก็ต้องแพงกว่าอาหารอื่นๆ โดยเฉพาะอาหารไทยเราอยู่แล้ว เพราะวัตถุดิบส่วนใหญ่ต้องสั่งมาจากเมืองนอกแต่สำหรับที่ ดิไอเฟล ถึงอย่างไรก็ไม่แพงกว่าร้านดังๆ ในระดับเดียวกันหรือตามโรงแรมต่างๆ เพราะคุณแดงกับเชฟภรรยาและลูกชายจะบอกเสมอๆว่า “เราทำกันเองไม่ต้องเสียเงินค่าจ้างเชฟแพงๆ ราคาของผมจึงถูกกว่า”ขอให้โชคดีและยืนหยัดต่อไปนานๆต่อยอดตำนานอาหารฝรั่งเศสในประเทศไทยให้ยั่งยืนตลอดไปนะครับ."ซูม"