โรคหัวใจแต่กำเนิดชนิดผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่ว...เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ หากรูรั่วมีขนาดเล็กอาจยังไม่แสดงอาการ แต่เมื่ออายุมากขึ้นอาการที่ผิดปกตินั้น ก็จะแสดงออกมา เช่น อาการหอบ เหนื่อยง่าย ใจสั่น ถ้าปล่อยไว้...อาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะจนถึงหัวใจล้มเหลวได้นพ.เกรียงไกร เฮงรัศมี ผู้อำนวยการ รพ.หัวใจกรุงเทพ และในฐานะอายุรแพทย์โรคหัวใจ ชำนาญด้านหัตถการปฏิบัติรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด บอกว่า สาเหตุโรคหัวใจแต่กำเนิด หมายความว่าตั้งแต่เกิดมา เนื่องจากว่าตอนที่อยู่ในครรภ์มารดาการฟอร์มของผนังหัวใจไม่สมบูรณ์ตั้งแต่ 3 เดือนแรก ก็เลยเป็นช่องโหว่เกิดขึ้นหรือ...ผนังรั่วขึ้น ซึ่งเกิดได้ไม่บ่อย ดูจากสถิติ สมมติว่าเด็กเกิดใหม่จำนวน 1,000 คน มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ 1 คนเท่านั้นย้ำว่า...สาเหตุมาจากการพัฒนาของร่างกาย บางคน...ก็เชื่อว่าจากอาหารไม่พอ ติดเชื้อบางอย่าง ซึ่งเหล่านี้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ว่าอะไรก็ตาม...ที่มีผลต่อการฟอร์มผนังหัวใจที่ไม่สมบูรณ์อย่าเพิ่งตกใจกันจนเกินกว่าเหตุ เอาแค่ว่าโรคนี้...เป็นโรคที่เจอได้ แต่อาการที่เป็นที่มาพบแพทย์มักจะเป็นช่วงวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ เพราะปัญหาจะเกิดขึ้น กระทบต่อการดำเนินชีวิตมากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับรูรั่วว่าใหญ่หรือเล็ก ส่วนใหญ่...มักจะเป็นขนาดปานกลาง ไม่ใหญ่มากจะเริ่มมีอาการในช่วงวัยรุ่นไปจนถึงอายุมากก็พบได้ที่เคยเจอ อายุ 80 ปีก็เป็นได้ เพิ่งมาทราบในช่วงหลัง“อาการเฉพาะไม่มี ก็เหมือนกับโรคหัวใจทั่วๆไป แต่ว่าจะมีอาการเหนื่อยง่ายเวลาออกแรง ใจสั่น บางคนเป็นมากๆก็เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว หรือบางคนพออายุมากขึ้นก็จะมีหัวใจโตขึ้น เกิดภาวะเต้นผิดจังหวะ...ที่อันตรายมากๆก็คือบางคนมาด้วยอาการอัมพาต หมายความว่า...มีลิ่มเลือดที่ไหลผ่านจากหัวใจห้องขวาหลุดผ่านผนังไปห้องบนซ้ายและขึ้นไปสมอง แม้ว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นเป็นส่วนน้อย แต่ก็เป็นกรณีที่อันตราย”ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง เนื่องจากพวกนี้รูใหญ่มาก แล้วก็ความดันในหัวใจห้องซ้ายห้องขวาไม่เท่ากัน จะมาด้วยอาการเขียว...สีม่วง เนื่องจากคนธรรมดาเลือดฝาดจะสีแดง มีออกซิเจนในเลือดสูง ที่เป็นคือเลือดดำเลือดแดงอยู่ปนกัน ก็เลยกลายเป็นสีม่วงๆเนื่องจากออกซิเจนในเลือดน้อย... เลือดช่องทางขวาสีดำที่ยังไม่ได้ฟอกที่ปอดมาปนห้องซ้ายถูกสูบฉีดไปเลี้ยงร่างกาย เมื่อถึงจุดนี้แล้วก็ทำอะไรไม่ได้เลย จะติดอุปกรณ์หรือจะผ่าก็รักษาไม่ได้เลย“เลือดไหลย้อนทางอันตรายมาก ถ้าเป็นแล้ว...ส่วนใหญ่ที่ทำได้ก็คือการให้ยาประคับประคอง แล้วถ้าอายุไม่มากก็พิจารณาเรื่องการเปลี่ยนปอดและหัวใจ เป็นการรักษาที่อยู่ในขั้นสูงสุดของความรุนแรงของโรคนี้”ธรรมดาแล้วเลือดห้องขวาเป็นเลือดดำ ห้องซ้ายเป็นเลือดแดง นพ.เกรียงไกร บอกว่า พอเลือดไหลย้อนทางปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นก็คือความดันในช่วงปอดสูงมาก เลือดจะไม่ค่อยไปปอด ก็เหมือนกับเลือดเลี้ยงปอดไม่พอ ถ้าจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้ก็ต้องเปลี่ยนปอดและหัวใจคำถามสำคัญมีว่า...โรคนี้เป็นได้ตั้งแต่เด็กแล้วจะสามารถตรวจก่อนได้ตั้งแต่เนิ่นๆ หรือไม่อย่างไร?“ตรวจได้ ส่วนใหญ่เด็กๆที่เป็นมักจะมีปัญหาเรื่องของติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อย เจ็บคอ ปอดอักเสบบ่อยๆ แล้วหมอก็จะเอาหูฟังของหมอฟังหัวใจตำแหน่งที่ผิดปกติ เสียงเหมือนฟู่ขึ้นมา แต่เด็กเล็กๆ จะฟังยากสักหน่อยเพราะดิ้น...ไม่นิ่ง หัวใจเต้นเร็ว พวกนี้เราตรวจร่างกายหากสงสัยก็จะส่งไปทำเอ็กโค่ อัลตราซาวนด์หัวใจ”เอ็กโค่ส่งสัญญาณคลื่นเสี่ยงจะเห็นภาพหัวใจ เห็นผนัง ลิ้นหัวใจถ้ามีการรั่ว เป็นการวินิจฉัยที่เป็นมาตรฐานแน่นอนว่าเป็นรูรั่ว แล้วพอเจอรั่วแล้ว ก็พิจารณาดูว่าขนาดเล็ก ปานกลาง หรือใหญ่ มีหัวใจโตหรือยัง...มีความดันในหลอดเลือดเลี้ยงปอดสูงหรือยัง ถ้าหัวใจโตแล้วมีความดันหลอดเลือดปอดสูงแล้ว คนไข้มีอาการเหนื่อยแล้ว...ก็ต้องปิดรูรั่ว ซึ่งการปิดรูรั่วก็มีสองวิธี คือ ปิดโดยการใช้อุปกรณ์ไปอุด ไม่ต้องผ่าตัดใช้วิธีเจาะขาหนีบผ่านเส้นเลือดดำ ใส่สายเข้าไป เอาอุปกรณ์ไปวาง แล้วก็ปล่อยอุปกรณ์ กับอีกแบบคือการผ่าหน้าอกเข้าไป เย็บปะรูรั่วเหมือนกับปะผ้าโดยตรง อันนี้สามารถทำได้ทั้งสองวิธี ปัจจุบันในรายที่มีขอบของรูรั่วชัดเจน มีขอบที่จะเอาอุปกรณ์ยึดได้ ถ้าขอบเหลือน้อยอุปกรณ์ก็อาจหลุดได้ ยึดไม่อยู่...วิธีนี้ทำได้ตั้งแต่ขนาดเล็กๆ 1 เซนติเมตรขึ้นไป ถึง 3.5 เซนติเมตร หรือ 35 มิลลิเมตร เพราะอุปกรณ์ปัจจุบันใหญ่ที่สุดคือ 4 เซนติเมตรให้ทำความเข้าใจอีกว่า...ผลของโรคนี้ที่เกิดกับช่วงวัยผู้ใหญ่จะเป็นมาตั้งแต่วัยเด็ก ส่วนใหญ่สัก 90 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปเจอในผู้ใหญ่ เหลืออีก 10 เปอร์เซ็นต์เป็นเด็กที่ต้องมาพบแพทย์ เนื่องจากรูไม่ใหญ่มากปานกลางก็จะมาพบแพทย์ในช่วงที่อายุมากขึ้นแล้วหรืออยู่ในช่วงวัยกลางคนช่วงระยะเวลาการรักษา การสังเกตอาการ...อธิบายได้ว่าก็เหมือนโรคหัวใจทั่วไป ถ้ามีอาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น หรือว่ามีใจเต้นผิดปกติ หรือในเด็กที่มีปัญหาปอดอักเสบบ่อยๆ ติดเชื้อบ่อยๆก็เข้าข่ายน่าสงสัยให้มาตรวจดู ประเด็นสำคัญที่สุดคืออย่าให้เลือดไหลย้อนทาง ถ้าย้อนทางเมื่อไหร่ก็หมายถึงว่าทำอะไรไม่ได้แล้ววิธีที่เมื่อรู้แล้วรักษาก็คือ ต้องปิด...แต่บางรายก็รอได้ รอให้โตมากขึ้น อายุมากขึ้นหน่อยค่อยมารักษาก็ได้ เพราะหากทำตั้งแต่อายุยังน้อย การใช้อุปกรณ์ปิดต้องดมยาสลบ เด็กจะอยู่ไม่นิ่ง ต่างกับผู้ใหญ่แค่ฉีดยาชาแล้วก็ทำได้ ให้ความร่วมมือดี ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้ว“ทำเสร็จเรียบร้อย พักฟื้นโรงพยาบาลสักสองวันก็กลับบ้านได้ หรือพักงานสักสองสัปดาห์ให้แผลที่ขาหายดี แล้วก็ห้ามยกของหนักสักหนึ่งเดือน”ประเด็นน่าสนใจทิ้งท้ายมีว่า...โรคที่ว่านี้มักจะ (พบ) เป็นกับผู้หญิง (สวย) ทำไม?จึงเป็นเช่นนั้น คงเป็นคำถามที่หลายๆคนก็คงอยากจะรู้ นพ.เกรียงไกร บอกว่า ก็เพราะคนไข้ที่มาหาเราตั้งแต่เด็กไม่เป็นปัญหา แต่คนไข้ผู้ใหญ่มาปรึกษาในช่วงที่มีครอบครัว หรือว่าต้องการมีบุตรเสร็จแล้วก็ตรวจเจอพบว่าเป็นผนังหัวใจรั่วบางกลุ่มเจออย่างนี้...ก็ปิดรูรั่วได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ปิดเสร็จก็คุมกำเนิดสัก 1 ปี หลังจากนั้นก็พร้อมมีบุตรได้แล้วตามปกติ ซึ่งเจอใน “ผู้หญิง” มากกว่า “ผู้ชาย” 2 เท่าคอยสังเกตบุตรหลานท่าน มีอาการเหนื่อยง่าย ผิดปกติไหมบ่นใจสั่นหรือเปล่า หรือมีประวัติในเรื่องของเจ็บคอ ปอดอักเสบบ่อยๆไหม ก็ให้สงสัยว่าเป็นโรคนี้ไว้ก่อน ไปพบแพทย์...กุมารแพทย์โรคหัวใจก่อนถ้าเป็นวัยเด็กอายุในช่วงต่ำกว่า 15 ปี...แต่ก็มีช่วงว่า 0-12 ปี...เป็นวัยเด็กจริงๆ...12-15 ปีเป็นวัยเด็ก ถ้าอายุ 15 ปีขึ้นไปก็จะเป็นวัยรุ่น“เราเจอได้ทุกกลุ่มวัย จะมาหาเราช่วงไหน รูใหญ่ก็มาหาแพทย์เร็วหน่อย ถ้าสงสัยให้รีบมาตรวจ รักษาได้ทันก่อนอายุ 25 ปี...หัวใจที่โตๆจะยุบมากลับเป็นปกติหมดเหมือนคนธรรมดาแต่ถ้ารักษาช้าปล่อยให้เนิ่นนานหลังจากอายุ 25 ปีไปแล้ว เนื่องจากรั่วมานาน ตัวหัวใจห้องขวาก็จะบานออกๆ รักษาแล้วจะยุบเหมือนกันแต่ไม่กลับมาเป็นปกติ...จะยังคงโต เต้นผิดจังหวะอยู่บ้าง ไม่หายขาดเหมือนทำตอนอายุน้อยกว่า 25 ปี”“โรคหัวใจแต่กำเนิดชนิดผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่ว” หรือ “Atrial Septal Defect (ASD)” แม้ว่าจะน่ากลัว แต่เป็นแล้วหากรู้แต่เนิ่นๆ อาการยังไม่รุนแรงถึงที่สุดก็มีวิธีรักษาได้.