ในวงการเมืองไทย ยังมีการพูดถึงปัญหา “งูเห่า” อย่างต่อเนื่อง ทั้งเสียงวิจารณ์ในสื่อมวลชน และการพูดในเวทีเสวนาของนักการเมือง เมื่อเร็วๆนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ แฉในเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ระหว่าง 7 พรรคการเมือง กับนักศึกษา 30 สถาบัน ว่ามีห้องเฉพาะกิจซื้องูเห่าหัวหน้าพรรคประชาชาติพูดถึงปัญหา ส.ส.งูเห่า ทั้งในเวทีเสวนาและให้สัมภาษณ์นักข่าว ในวันต่อมา ระบุว่าตนอยู่ในการเมืองมา 40 ปี เป็น ส.ส.มาหลายสมัย เห็นว่ารัฐธรรมนูญ 2560 เป็นฉบับที่แย่ที่สุด ได้รัฐบาลที่แย่ที่สุดสร้าง ส.ส.งูเห่า มีห้องเฉพาะกิจเพื่อซื้องูเห่าขายประชาชน ขายอุดมการณ์นักการเมืองอาวุโสอีกท่านหนึ่ง ซึ่งพูดถึงปัญหา ส.ส.งูเห่า ได้แก่ นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรัฐมนตรียุติธรรม จากพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเมืองแทนที่จะอยู่ด้วยอุดมคติ กลับกลายเป็นที่ชุมนุมของคนสารพัด ต้องมีกล้วยเยอะๆ ไว้เลี้ยงลิง มีงูเห่าไว้รักษาเสถียรภาพรัฐบาล จึงต้องผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญในการให้สัมภาษณ์นักข่าว หัวหน้าพรรคประชาชาติกล่าวว่า เคยเห็นในช่วงรัฐบาลพรรคประชากรไทยมีการย้ายพรรคเปลี่ยนรัฐบาล “แต่คราวนี้มีการตั้งตลาดซื้อรายตัว เหมือนกับตลาดสด เมื่อมีการต่อรอง หรือตกลงจะให้เรื่องใหญ่ๆผ่าน” ขอให้รอดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจในปลายเดือนธันวาคม จะเห็นงูเห่าหรือไม่เรื่องนี้เป็นข่าวเล็กๆข่าวหนึ่งแล้วเงียบหายไป คล้ายกับจะถือเป็นเรื่องปกติ เป็นประเพณีการเมืองไทยที่มีการซื้อขาย ส.ส.เป็นเรื่องธรรมดา นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานรัฐสภา เคยเล่าว่า ในสมัยของท่านเมื่อ 50 ปีก่อน เคยมีเรื่องอื้อฉาว “ส.ส.โสเภณี” ขายตัว ต่อมาวิวัฒนาการเป็นงูเห่าน่าแปลกใจที่ไม่มีใครหรือองค์กรใดที่สนใจจะนำเอาปัญหานี้มาร้องเรียนต่อองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ ทั้งๆที่เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก ทั้งด้านการเมือง ด้านจริยธรรม และด้านกฎหมาย ป.อาญาระบุว่า ถ้าสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ ส.ส.รับสินบน ต้องระวางโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตในทางการเมืองอาจเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายพรรค มีโทษถึงยุบพรรค ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และอาจต้องโทษทางอาญา แต่ไม่มี “นักร้อง” คนใด ที่สนใจจะตรวจสอบทำความจริงให้ปรากฏ เป็นข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จหรือเป็นจริง อาจมองว่าการซื้อขาย ส.ส.เป็นเรื่องปกติเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ.