ภาพอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตั้งเด่นเป็นสง่า ดูประหนึ่งเป็นศูนย์กลางกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าตอนนั่งรถยนต์หรือรถไฟฟ้าผ่าน... ก็พอรู้กัน เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างเพื่อรำลึกถึงทหารกล้าผู้พลีชีพในสงครามหนังสือปกิณกคดีประวัติศาสตร์ไทย เล่ม 6 (กรมศิลปากร จัดพิมพ์ พ.ศ.2554) เล่าว่า จอมพล ป.พิบูลสงคราม สร้างเป็นอนุสาวรีย์แห่งชัยชนะของไทย ในการรบกับฝรั่งเศส กรณีพิพาทอินโดจีน เมื่อ พ.ศ.2484หลังฝรั่งเศสยึดกัมพูชาและลาว ก็เริ่มมีเรื่องกระทบกระทั่งกับไทย เรื่องอาณาเขตแถบชายแดนด้านแม่น้ำโขง จอมพล ป.นายกฯไทย ยื่นข้อเสนอให้ฝรั่งเศสปรับปรุงเส้นเขตแดนให้ถูกต้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศฝรั่งเศสต่อรองประวิงเวลา จนถึง พ.ศ.2483 ช่วงเวลาที่เยอรมนีได้เปรียบการรบ ฝรั่งเศสจึงขอทำสัญญาสงบศึก รัฐบาลไทยขอคำมั่น ถ้าฝรั่งเศสปราชัยในสงครามโลกครั้งที่ 2 จะต้องคืนลาวและกัมพูชาให้ไทยต่อมาเมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรเริ่มเป็นฝ่ายได้เปรียบการรบ ฝรั่งเศสปฏิเสธข้อเสนอกรณีพิพาทที่เริ่มบาดหมางกันอยู่แล้วก็ทวีความรุนแรง และยิ่งลุกลาม เมื่อฝรั่งเศสยิงเรือรบไทยในแม่น้ำโขง28 พ.ย.2483 เครื่องบินฝรั่งเศสเข้ามาทิ้งระเบิดที่นครพนม ทั้งสองฝ่ายต่างเคลื่อนกำลังทหารเข้าประชิดชายแดน เกิดการปะทะกันอย่างจริงจังเดือน ม.ค.2484 ไทยเข้ายึดดินแดนในอินโดจีน ส่วนที่เคยเป็นของไทย เริ่มที่ดินแดนฝั่งขวาของหลวงพระบางขณะที่หนุ่มไทยตื่นตัวกับการอาสารบรักษาดินแดน มีคำกล่าวขาน “ใครจะจารึกชื่อในอนุสาวรีย์ก่อนกัน”ในกรุงเทพฯก็มีการเดินขบวนต่อต้านฝรั่งเศส28 ม.ค. การปะทะชายแดนยุติลง 31 ม.ค. ญี่ปุ่นเสนอตัวเป็นประเทศกลางไกล่เกลี่ยข้อพิพาท จัดให้มีการลงนามสงบศึกบนเรือลาดตระเวน นาโตริ ของญี่ปุ่น ที่อ่าวหน้าเมืองไซ่ง่อน11 มี.ค. มีพิธีลงนามในสัญญาสันติภาพระหว่างสองประเทศ เมอซิเยอร์ อาแซง ลองรี เป็นผู้แทนฝรั่งเศส หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ ผู้แทนไทย โดยมีนายมัดซีโอเกะ ตัวแทนญี่ปุ่นเป็นสักขีพยานผลการลงนามครั้งนี้ ฝรั่งเศสยอมคืนดินแดนอินโดจีนบางส่วนให้แก่ไทย เช่นดินแดนหลวงพระบางฝั่งขวา จำปาสัก ศรีโสภณ และพระตะบองในการรบครั้งนั้น ไทยสูญเสียทหารกล้า 59 นาย มีทั้งทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือนรัฐบาลไทยจัดพิธีสวนสนามของกองทหาร ฉลองชัยชนะสงครามอินโดจีนที่ถนนราชดำเนิน เมื่อ 27 เม.ย.2484 มีการนำรถถังที่ไทยยึดได้จากสมรภูมิปอยเปต และเครื่องบินที่ยึดได้จากสงขลา มาจัดตั้งแสดงให้ชมที่สวนอัมพรรัฐบาลมีมติให้จัดสร้างอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นอนุสรณ์สถานเชิดชูเกียรติและเทิดทูนความดีของเหล่าวีรชน ประกอบการรัฐพิธีวางศิลาฤกษ์ วันที่ 24 มิ.ย.2484บริเวณที่สร้างอนุสาวรีย์ ตอนนั้นยังเป็นตำบลค่อนข้างห่างไกลใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ชื่อตำบลยังเรียก “ทุ่งพญาไท” แสดงว่าบริเวณนี้ยังมีการทำนา ใช้เวลาก่อสร้างปีเศษ ค่าใช้จ่าย 5 แสน 5 หมื่นบาทบริเวณฐานอนุสาวรีย์ มีแผ่นทองแดง จารึกนาม 59 วีรชน ต่อมา รัฐบาลได้มีมติให้นำอัฐิทหารที่พลีชีพจากสงครามเกาหลีมาบรรจุรวมไว้ด้วยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นประธานเปิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2485 ตอนนั้นถือเป็นวันชาติอ่านเรื่องอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิจบ...ผมก็รู้สึกได้ว่า มองอนุสาวรีย์ชัย ...ที่ดูเหมือนใกล้ตาแต่ไกลใจมานาน ตอนนี้ใกล้ใจขึ้นมาอีกหน่อยแล้วก็นึกถึงเนื้อเพลงชาติไทย ท่อน “ไทยนี้รักสงบ แต่ก็รบไม่ขลาด” ...ยืนยันในการรบหลายๆครั้งนั้น อย่างน้อยเราก็ชนะแน่ๆ...ครั้งหนึ่งในสงครามอินโดจีนน่าเสียดาย ดินแดนที่ยื้อคืนได้จากนักล่าอาณานิคมนั้น เรารักษาไว้ได้แค่สามปี...กิเลน ประลองเชิง