ตำนานชายผู้มีชื่อว่า “สมชาย คุณปลื้ม” หรือ “กำนันเป๊าะ” ผู้กว้างขวางในภาคตะวันออก ยังคงถูกเล่าขานจากความเป็น “คนกว้างขวาง” กลายเป็นเรื่องของความดี “มีบารมี” ตั้งใจมุ่งมั่นพัฒนาบ้านเกิดตัวเองในพื้นที่ จ.ชลบุรี และมีบทบาทเบื้องหลังสนับสนุนนักการเมืองภาคตะวันออกหลายๆคน...ตอนนี้ “ชลบุรี” ที่รู้จักกันว่า “เมืองพัทยา” กลายเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ และเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวสวยงามของประเทศ ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งมาจากแรงผลักดันของ “กำนันเป๊าะ” ผู้ที่มีความเมตตามักชอบช่วยเหลือผู้คน กลายเป็นบุคคลสำคัญของคนเมืองชลฯ ต่างให้ความชื่นชม เคารพรัก ตลอดมา...บารมี...ความดีเหล่านี้ กลายเป็น “มรดก” ตกทอดไปสู่ “รุ่นลูก” สืบสานรับ “ไม้ต่อ...เจตนา” ของการพัฒนาเมืองชลบุรี ทำให้ลูกๆ “ตระกูลคุณปลื้ม” ถูกผลักดันส่งเข้าทำงานการเมืองท้องถิ่นและการเมืองระดับประเทศ มีผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคยเคารพรัก “กำนันเป๊าะ” เอื้อเฟื้อสนับสนุน...หากย้อนชีวิตของชายคนนี้ “สมชาย คุณปลื้ม” เขาเล่ากันว่า เดิมมีอาชีพกระเป๋ารถสองแถวในพื้นที่หาดบางแสน ต.แสนสุข มีโอกาสเข้าคลุกคลีติดตาม “เสี่ยจิว” หรือ “จุมพล สุขภารังสี” ผู้กว้างขวางแห่งภาคตะวันออกเบอร์ 1 สามารถเข้าออกบ้านหลังนี้เสมือนบ้านตัวเองยุค “บุญชู โรจนเสถียร” ลงสมัคร ส.ส.พรรคกิจสังคม ในพื้นที่ จ.ชลบุรี มี “เสี่ยจิว” เป็นหัวคะแนนในการหาเสียง และมี สมชาย คุณปลื้ม เป็นลูกมือหนุนผลักดัน ที่เรียกกัน “เลือกตั้งสีม่วง” กระทั่งชื่อของ “สมชาย” ผงาดขึ้นมาในวงการนักเลงเมืองชลบุรี กลายเป็นคนสนิทเบอร์ 1 ของเสี่ยจิว ที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจและหันมาเล่นการเมืองท้องถิ่น เริ่มจาก “ผู้ใหญ่บ้าน” และก้าวขึ้นมาในตำแหน่ง “กำนัน ต.แสนสุข” จนเป็นที่มาของ “กำนันเป๊าะ”...จนถึงวันนี้ในช่วงนั้น “เสี่ยจิว” รุ่งเรือง...มีเงินร่ำรวยจากธุรกิจขนถ่ายแร่พลวงไปต่างประเทศ ส่งผลให้มีอิทธิพลร่ำรวยยิ่งขึ้น มีลูกน้องคนสนิท 2 คน คือ ชัยขาว มีบุคลิกสุขุมเด็ดขาด และ ชัยดำ ที่มีความเข้มโผงผางและแล้วยุคเสี่ยจิว...ก็สิ้นสุดลง...จากการแย่งชิงผลประโยชน์แร่พลวงกันขึ้นอย่างรุนแรง ในปี 2524 มีมือปืนใช้อาวุธสงครามยิงเสียชีวิตในรถเบนซ์สีเขียว 280 เอส หมายเลขทะเบียน 8888 หลัง เสี่ยจิวเสียชีวิต ลูกน้องคนติดตาม บริวารทั้งหลาย ต่างแตกกลุ่ม...หลายซุ้ม...แย่งชิงความเป็นใหญ่ในเมืองชลบุรี“ชัยดำ” แยกตัวสร้างอิทธิพลของตัวเอง และชื่อบทบาทในวงการนักเลง...ก็ค่อยๆหายไป ส่วน “ชัยขาว” หันมาเล่นการเมืองท้องถิ่น แต่ยังเข้าออกบ้านกำนันเป๊าะอยู่เป็นระยะว่ากันว่า...ช่วงเวลานี้ “กำนันเป๊าะ” ยังคงโลดโผนในวงการนักเลง และหันมาทำประมงได้ระยะหนึ่ง...โอกาสทางธุรกิจ...ก็เข้ามา...เมื่อนักธุรกิจชาวฝรั่งเศสชักชวนร่วมกิจการค้าน้ำมันอยู่ในเขมร และได้รับสัมปทานนำเรือเข้าไปทำประมงในน่านน้ำกัมพูชาและมาทำธุรกิจเอเย่นต์เหล้าต่างประเทศ สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ มีกำไรมากมาย ก่อนหันมาจับธุรกิจทำบ่อลูกรัง รับเหมาก่อสร้าง กระทั่งขยายเป็นธุรกิจโรงแรมความร่ำรวย...มาพร้อมกับอำนาจบารมี พรรคพวก บริวาร เพื่อนฝูง ตามมาด้วยความมีชื่อเสียง “อิทธิพล” แผ่ขยายออกไปในภาคตะวันออก แต่ด้วยบุคลิกของ “กำนันเป๊าะ” เป็นคนใจดี...ใครเดือดร้อนมาหาก็ให้ความช่วยเหลือ...มักให้เงินกับทุกคน...แจกกันว่าเล่น ทำให้ชาวบ้านรัก...มีลูกน้องมากมาย...ที่มีหลายคนให้ความเคารพ อย่างเช่น “ยุทธเป๋” หรือ “ประยุทธ สิทธิโชติ” คนดังอ่างศิลา ถือว่าเป็นคนสนิท ต่อมา พ.ต.ท.ไชยันต์ วิชัยดิษฐ เดิมอยู่พื้นที่ภาคใต้ ถูกย้ายมา สภ.เมืองชลบุรี ตำแหน่ง รอง ผกก.จร.สภ.เมืองชลบุรี ก็เข้ามาสนิทกับกำนันเป๊าะเช่นกัน ต่อมาในยุค พ.ต.อ.พงศ์สันต์ วัชราธร ผกก.สภ.เมืองชลบุรี เข้ามารับตำแหน่งใหม่ มีคำสั่งย้าย พ.ต.ท.ไชยันต์ ไปที่ สภ.พานทอง จ.ชลบุรี และมีคำสั่งใหม่อีกครั้ง ให้กลับมาในหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เข้ามากวาดล้างผู้มีอิทธิพล ไล่จับไม่เลือกหน้า ทำเอาผู้กว้างขวางหลายคนไม่พอใจกระทั่งข่าวว่ามีการ “ลงขันกัน” ได้ให้เงิน 7 แสนบาท เกณฑ์คนมา 600 คน เพื่อไปประท้วงยื่นหนังสือหน้ากระทรวงมหาดไทย ให้ย้าย ผกก.สภ.เมืองชลบุรี คนนี้ แต่กำนันเป๊าะทราบเรื่องส่งคนเรียก “แกนนำ” มาที่บ้าน และสั่งให้ยกเลิกการไปประท้วงหน้ากระทรวงมหาดไทยในครั้งนั้นเวลาผ่านไปนานเสมือนเมืองชลบุรีกำลังเข้าสู่ความสงบเงียบ ก็เกิดเรื่องใหญ่ในวงการนักเลงอีกครั้ง เมื่อปี 2532 “พิพัฒน์ โรจน์วานิชชากร” หรือ “เสี่ยฮวด” ผู้กว้างขวางแห่ง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี มีธุรกิจรับซื้อขายรถมือสองและอสังหาริมทรัพย์ ประมูลซื้อที่ดินใน อ.ศรีราชา 2,500 ไร่ ทำโครงการศรีราชาคอมเพล็กซ์เป็นผลสำเร็จในระหว่างเดินทางมากราบไหว้บรรพบุรุษที่สุสานในตำบลหนองรี ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต และในปี 2543 ยุทธเป๋ถูกอุ้มหายจาก “กาแล็กซี่อาบอบนวด” มาถึงวันนี้ยังเป็นบุคคลหายสาบสูญ...ในปี 2545 พ.ต.ท.ไชยันต์ขับรถไปย่านสถานบันเทิงชายหาดบางแสน ก็ถูกคนร้ายดักรอสังหารในยุคนั้นการทำธุรกิจสุจริต...ไม่สามารถเติบใหญ่ในวงการนักเลงของภาคตะวันออกได้แน่นอน ยกเว้น “มีอิทธิพล”...และ “มีเงิน” ทุกคนเกิดความเกรงกลัวและเกรงใจ และเล่าลือกันถึงขั้นที่ว่าเพียงแค่บ่นไม่ชอบเรื่องนั้นเรื่องนี้...ก็มีลูกน้องคอยทำความสะอาด...โดยบางครั้งไม่มีคำสั่งด้วยซ้ำ...เมืองชลบุรีที่ดูเสมือนมีคลื่นลมแปรปรวนภายใต้ผืนทะเลอันสงบราบเรียบ กระนั้นเอง “ใครๆ...ก็รัก...อยากคุยกับกำนันเป๊าะ เพราะเป็นคนกว้างขวาง มีหัวใจนักเลง แต่กลับไม่มีบุคลิกความเป็นนักเลง มีแต่ความอ่อนน้อมถ่อมตน...ใครกล้าขอเขาก็กล้าให้ กลายเป็นว่าใครเดือดร้อนก็เข้าไปขอความช่วยเหลือมากมาย และเป็นที่มาของการบอกเล่ากันว่า...กำนันเป๊าะชอบออกมานั่งหน้าบ้านแจกเงินทุกเช้า...”ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น...เพราะกำนันเป๊าะชอบออกไปนั่งกินกาแฟโบราณร้านหนึ่งในตลาดหนองมน เริ่มแรกมีชาวบ้านไม่กี่คนเข้ามาขอเงินกับกำนันเป๊าะ ก็ไม่ปฏิเสธ จนมีคนทยอยมามากขึ้น และทุกคนก็ได้เงินกันตลอด กลายเป็นข่าวลือออกไป ทำให้ทุกเช้า...มักมีชาวบ้านมาดักรอขอความช่วยเหลือมากมายตลอดมา...ในคราวหนึ่ง...เคยมีชายคนหนึ่งเดือดร้อนเงิน นำโฉนดที่ดินติดกับหาดบางแสน พยายามมาขายให้ วันนั้นกำนันเป๊าะต่อว่าชายผู้นั้นด้วยซ้ำ เพราะรำคาญ แต่ผลสุดท้ายก็ซื้อที่ดินแปลงนั้นไว้...ผ่านไปไม่กี่ปี...ที่ดินผืนนั้นมีราคาสูงขึ้นหลายร้อยเท่า...จากนั้นทุกครั้งที่...กำนันเป๊าะพบเห็นชายคนนั้นมักเรียกมารับเงินตลอดเสมือนว่าทำบุญให้กับคนพ้นทุกข์มากเท่าใด...และบุญนั้นก็กลับมาให้ทวีคูณ...คนชลบุรีโดยเฉพาะชาวบ้านหนองมน มีความรักให้กับกำนันเป๊าะมาตลอด เพราะพัฒนาตำบลแสนสุข แม้ว่างบประมาณส่วนกลางยังไม่มีมาด้วยซ้ำ แต่กำนันเป๊าะก็ยอมควักเงินส่วนตัวไปก่อน ในการพัฒนาพื้นที่ จนหาดบางแสนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวมีชื่อเสียงระดับประเทศกระทั่งเปลี่ยนสมัยมาถึง “รุ่นสอง” ในยุคที่คำว่า “อิทธิพล” ถูกกลืนหายไปกับกาลเวลา...คงเหลือ “บารมีทางการเมือง” ต้องสะสมทำงานเพื่อสังคม ทำความดี มุ่งมั่นพัฒนาสร้างบ้านเมืองให้มีความเจริญก้าวหน้า...อย่างเช่น “สนธยา คุณปลื้ม” ที่เคยบอกไว้ว่า จะทำให้ “เมืองชลบุรี” เกิดการขยายตัว ในแผนพัฒนาเมืองปีงบประมาณ พ.ศ.2559-2563 และมีเป้าหมายสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยว การค้าการลงทุนพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจครบวงจรนี่เป็นการเปลี่ยนแปลงยุคใหม่ที่เคยถูกเรียกว่า “เมืองเจ้าพ่อ” หรือ “ซุ้มอิทธิพลภาคตะวันออก” ตอนนี้ไม่หลงเหลืออีกต่อไป คงไว้แต่เรื่องราวของมรดก “บารมี” ที่ต้องสะสมทำความดี ให้คนพื้นที่รัก ...ผูกพัน ในการสนับสนุน...มากกว่าความเกรงกลัว...หรือเกรงใจกัน อีกต่อไป.