นกแก้วเทาแอฟริกัน...เป็นหนึ่งในนกแก้วโบราณของโลกที่ทั่วโลก นิยมเลี้ยงกันมากมีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา แถบประเทศคองโก ยูกันดา แคเมอรูน และกานา ลักษณะโดดเด่นตรงที่สีเทาปลอดทั้งตัว ยกเว้นขนหางมีสีแดงตอนเล็กๆ ม่านตาสีเทา พอโตเต็มที่ม่านตาจะเปลี่ยนเป็นสีขาวหรือสีครีม จะงอยปาก นิ้วตีนและเล็บตีนมีสีดำ มีขนาดยาวประมาณ 30 เซนติเมตร โตเต็มที่น้ำหนัก 400-500 กรัมเริ่มผสมพันธุ์เมื่ออายุ 4-5 ปี และออกไข่ครั้งละ 3 ฟอง ปีละ 1-2 ครอก ฟักไข่ 24-25 วัน ลูกนกต้องได้รับการป้อนอาหารจนอายุ 3 เดือน จึงเริ่มกินอาหารเองได้ โดยจะเป็นพ่อ-แม่หรือคนเลี้ยงป้อนอาหารให้เมื่อนกเริ่มโตก็จะเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่จำเป็นต้องตัดลิ้นเหมือน นกขุนทองบ้านเราสามารถเลียนเสียงพูด เจ้าของ และเสียงจากอุปกรณ์ ต่างๆ เช่น เสียงกริ่งโทรศัพท์ รถมอเตอร์ไซค์ ฯลฯ...จัดว่าเป็นนกที่ความจำดีมาก และสนใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆตลอดเวลาหากคิดจะเลี้ยง น.สพ.เกษตร สุเตชะ โรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ แนะว่า ต้องมีคนอยู่ด้วย หรือมีนกเลี้ยงเป็นคู่กันอยู่ตลอดเวลา เพราะตามธรรมชาติมักอาศัยรวมกันเป็นฝูงใหญ่หลายร้อยตัว จึงทำให้นกคุ้นเคยกับการสื่อสารกันตลอดเวลา เลยต้องการความรักความเอาใจใส่หากนกที่ถูกแยกนำไปเลี้ยงอย่างโดดเดี่ยว คู่ตาย หรือแยกคู่ จะเกิดปัญหาทางพฤติกรรม เช่น ร้องไม่หยุด กระวนกระวาย เดินวน ทำลายข้าวของ ทำร้ายเจ้าของ จิกแทะขนตนเอง ไม่กินอาหารเท่าเดิม ฯลฯถ้าปล่อยเรื่อยๆไปจะกลายเป็นปัญหาทางจิตเวช หรือโรคจิต หมายถึง บ้านั่นเอง ต้องได้รับการบำบัดจากสัตวแพทย์ หลายตัวรักษาได้ด้วยพฤติกรรมบำบัด บางตัวต้องให้ยาออกฤทธิ์ควบคุมจิตประสาททั้งหมดทั้งมวล คาดเดาไม่ได้ว่า “จะหายหรือไม่” ต้องใช้เวลาแบบค่อยเป็นค่อยไป.