(ภาพ: รถแห่เทียนพรรษาของ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี แชมป์เก่าปีที่แล้ว สร้างและตกแต่งสวยงามตระการตากว่าปีที่ผ่านมา โดยทีมช่างฝีมือ ทีมงานอ.ธานี เจริญผล ปราชญ์ชาวบ้านชื่อดัง อ.บางปลาม้า เพื่อให้ “งานประเพณีแห่เทียนพรรษา จ.สุพรรณบุรี” ยิ่งใหญ่อลังการ.)“วันเข้าพรรษา” เป็นวันที่พระสงฆ์เถรวาทอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝนเป็นเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่นหรือที่เรียกกันว่า “จำพรรษา”สำหรับปี 2562 นี้ “วันอาสาฬหบูชา” ตรงกับวันอังคารที่ 16 กรกฎาคม ส่วน “วันเข้าพรรษา” ตรงกับวันพุธที่ 17 กรกฎาคม“วันอาสาฬหบูชา” คือวันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงประกาศพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้ได้ 2 เดือน ได้แสดงปฐมเทศนา “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” โปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี แคว้นมคธอินเดียส่งผลให้ พระอัญญาโกณฑัญญะ บรรลุธรรมและขอบวชเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา ด้วยวิธี “เอหิภิกขุอุปสัมปทา” จึงถือว่าวันนี้มีพระรัตนตรัยครบองค์สามบริบูรณ์ครั้งแรกในโลกคือ พระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนพุทธศักราช 45 ปี การตกแต่งบายศรีขนาดใหญ่ในพิธีสำคัญระดับประเทศ ถูกจัดเข้ามาร่วมตกแต่งบายศรีใหญ่ประกอบบนรถแห่เทียนพรรษาอันงดงาม. การแสดงการรบสมัยโบราณ เพื่อรำลึกวีรกรรมความกล้าหาญของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเหล่าทหารที่ร่วมกอบกู้ประเทศ. ส่วน “วันเข้าพรรษา” ที่แปลว่า “พักฝน” นั้น หมายถึงพระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนไปในที่ต่างๆ ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำแม้ในฤดูฝนแต่ต่อมาชาวบ้านตำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่นๆจนเสียหาย พระพุทธเจ้า จึงทรงวางระเบียบการจำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือน ในช่วงฤดูฝนแม้การเข้าพรรษาจะเป็นเรื่องของพระภิกษุ แต่พุทธศาสนิกชนก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำบุญรักษาศีล และชำระจิตใจให้ผ่องใส ก่อนวันเข้าพรรษาชาวบ้านจะไปช่วยพระทำความสะอาดเสนาสนะ ซ่อมแซมกุฏิ วิหาร และอื่นๆ รถแห่เทียนพรรษาที่สร้างเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กระทำยุทธหัตถีกอบกู้ประเทศ ยังคงได้รับการออกแบบไม่ซ้ำกันทุกปี. นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผวจ.สุพรรณบุรี และ นางจุฬารัตน์ วันไชยธนวงศ์ นายกเหล่ากาชาด พ่องานแม่งานสืบสานประเพณี.นอกจากนี้ยังมีประเพณีสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ “ประเพณีหล่อเทียนเข้าพรรษา” ที่มีมาตั้งแต่โบราณกาล การหล่อเทียนเข้าพรรษานี้มีอยู่เป็นประจำทุกปี เพราะในระยะเข้าพรรษา พระภิกษุจะต้องมีการสวดมนต์ทำวัตรทุกเช้าเย็นในการนี้จะต้องมีธูปเทียนจุดบูชาด้วย พุทธศาสนิกชนทั้งหลายจึงพร้อมใจกันหล่อเทียนเข้าพรรษา สำหรับให้พระภิกษุจุดเป็นการกุศลทานอย่างหนึ่ง ด้วยเชื่อกันว่าการให้ทานด้วยแสงสว่าง จะมีอานิสงส์เพิ่มพูนปัญญา หูตาสว่างไสวตามชนบททั่วไปนั้น การหล่อเทียนเข้าพรรษาทำกันอย่างมีความสุขแถมสนุกสนานมาก เมื่อหล่อเสร็จแล้วจะมีการแห่แหนรอบพระอุโบสถ แล้วนำไปบูชาพระตลอดระยะเวลา 3 เดือน บางแห่งมีการประกวดการตกแต่ง มีการแห่แหนรอบเมืองด้วยริ้วขบวนที่สวยงาม จนถือเป็นงานประจำปีไปแล้ว รถแห่เทียนพรรษาของ อ.สองพี่น้อง ไม่ยอมน้อยหน้าอำเภออื่น ปีที่แล้วสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมงานเป็นที่กล่าวขานถึง และปีนี้ตั้งใจจะสร้างความประทับใจอีกครั้ง.เช่นที่ จ.สุพรรณบุรี ปีนี้ นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัด พ่อเมืองที่คนสุพรรณให้การยอมรับเป็นอย่างมาก ได้รวมพลังทีมงานช่วยกันจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาขึ้น พร้อมตั้งเป้าหมายไว้ให้ยิ่งใหญ่อลังการมากกว่าทุกปีที่ผ่านมาโดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการอนุรักษ์ สืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาวพุทธให้คงอยู่สืบไป และยังเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุพรรณบุรีให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วยงานประเพณีแห่เทียนพรรษาของจังหวัดสุพรรณบุรี ครั้งนี้จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 16-17 กรกฎาคม โดยวันที่ 16 กรกฎาคม รถเทียนพรรษาของทั้ง 10อำเภอ จะไปจอดโชว์ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้ชมความวิจิตรตระการตากันที่ วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร อ.เมืองสุพรรณบุรี นอกจากมีรถแห่เทียนพรรษาที่สวยงามแล้ว การแสดงศิลปะพื้นบ้านของชนเผ่าต่างๆ ทั้งอดีตและปัจจุบันมีให้ชมกันอย่างเต็มอิ่ม. รถแห่เทียนพรรษาที่ได้รับการตกแต่งและแกะสลักเทียนพรรษาในรูปแบบงดงามตระการตา สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศต่างทึ่งในฝีมือคนไทย.พร้อมด้วยการสื่อให้เห็นถึงวิถีการดำรงชีวิตจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งภาษาถิ่น ตำนาน วรรณคดี การแต่งกาย การละเล่นพื้นบ้าน การสอดแทรกภูมิปัญญาท้องถิ่น และการดำรงชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ ปีนี้แต่ละอำเภอได้ระดมทุกสรรพกำลังทั้งช่างแกะสลักเทียนฝีมือดีระดับประเทศ ปราชญ์ชาวบ้านผู้ปราดเปรื่องเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณีในท้องถิ่น รวมถึงทีมช่างทำบายศรีระดับชาติมาช่วยกันตกแต่งให้เกิดความสวยงาม สู้กันแบบสุดๆ และซุ่มเงียบไว้โชว์วันงาน ความร่วมแรงร่วมใจของชาวอำเภอต่างๆที่แต่งกายในชุดชนเผ่าเข้าร่วมริ้วขบวน.ในวันที่ 17 กรกฎาคม ที่เป็นวันสำคัญในการอวดโฉมความวิจิตรตระการตาทั้งรถต้นเทียนพรรษาและขบวนแห่เทียนพรรษาของ 10 อำเภอจะเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร มายังจุดพิธีเปิดงานที่หน้าแขวงทางหลวงสุพรรณบุรีที่ 1 ตั้งแต่เวลา 07.30 น.ต่อด้วยพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการโดยนายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผวจ.สุพรรณบุรี และมีนายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ปลัดจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นผู้กล่าวรายงาน โดยมีทีมงานของ จ.สุพรรณบุรี เตรียมตัวเข้าร่วมงานกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา เวทีการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยอันงดงาม เพื่อถ่ายทอดให้กับชาวไทยและชาวต่างประเทศได้ชมในงานประเพณีแห่เทียนพรรษา จ.สุพรรณบุรี.อาทิ นายภูสิต สมจิตต์ และ นายธีรชัยทศรฐ สองรองผู้ว่าฯ นางจุฬารัตน์ วันไชยธนวงศ์ นายกเหล่ากาชาด นายอำเภอ และผู้นำท้องถิ่นทั้ง10อำเภอ รวมถึงประชาชนชาวสุพรรณบุรีทุกหมู่เหล่าด้วยหลังพิธีเปิดเสร็จสิ้นขบวนเทียนพรรษาจะแห่ไปรอบตัวเมืองสุพรรณบุรีให้นักท่องเที่ยวและประชาชนได้ยลโฉม พร้อมหยุดโชว์การแสดงเป็นระยะๆตามจุดที่กำหนดไว้ ชนเผ่าต่างๆร่วมร่ายรำแสดงศิลปะพื้นเมืองนำหน้ารถแห่เทียนของอำเภอต่างๆ.จากนั้นขบวนจะมุ่งหน้าสู่วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร เพื่อประกอบพิธีถวายเทียนพรรษาให้แก่วัดทั้ง 10 อำเภอของ จ.สุพรรณบุรีต่อไปใครได้ไปร่วมงานทั้งอิ่มบุญและอิ่มใจ!เด่นชัย เด่นชัยประดิษฐ์ รายงาน