ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลราง กรุงเทพฯ-สวรรคโลก-ศิลาอาสน์ เข้าเทียบชานชาลาสถานีศิลาอาสน์ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลยได้มีโอกาสอรุณสวัสดิ์ทริป นั่งรถไฟ...ไปกินทุเรียน กันตั้งแต่สถานีรถไฟกันเลยทีเดียว...ก็เพราะสถานีรถไฟแห่งนี้มีความน่าสนใจตั้งแต่ เป็นสถานีรถไฟที่มีอาคารสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์สวยงาม ทั้งยังเป็นย่านสถานีรถไฟที่สำคัญของภาคเหนือ เป็นจุดตัดขบวนรถไฟขึ้นภาคเหนือ บริเวณด้านหน้าสถานีมีการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง โดยนำเอา หัวรถจักรไอน้ำแปซิฟิก (ฮาโนแมค) เลขที่ 274 ซึ่งเป็นหัวรถจักรรุ่นแรกๆที่นำเข้ามาจากประเทศเยอรมนี ความสำคัญของหัวรถจักรไอน้ำคันนี้ คือ เป็นหัวรถจักรที่ใช้ในการลากจูงขึ้นบริเวณที่เป็นภูเขา สันนิษฐานว่าน่าจะเคยวิ่งประจำเส้นทางสายเหนือช่วง อุตรดิตถ์-เด่นชัย ซึ่งถ้ามาถึงศิลาอาสน์แล้วไม่ได้ถ่ายรูปกับเจ้าฮาโนแมค...คันนี้ ถือว่ามาไม่ถึงอย่างที่บอก ทริปนี้...จุดมุ่งหมายคือการมากินทุเรียน...ลับแล ที่ได้ชื่อว่าเป็นทุเรียนที่อร่อย หากินยาก สำคัญคือราคาไม่ถูกนักทริปนี้เราโชคดี ได้ท่านรองนายก อบต.แม่พูล สามารถ เสริมสกุล นำทางขึ้นเขาไปกินทุเรียนหลง-หลิน บนแหล่งปลูกทุเรียนเลื่องชื่อของ อ.ลับแล...ที่ต้องบอกว่าเอกซ์คลูซีฟ...สุดๆ ต้องขอบคุณ ผอ.ยุ้ย...สิรินาถ ฉัตรศุภกุล ผอ.ททท.สำนักงานแพร่...ที่ช่วยเป็นธุระประสานจัดการให้ รถค่อยๆไต่ระดับขึ้นไปบนเขา ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยต้นผลไม้ ทั้ง มังคุด ลางสาด ลองกอง แบบนี้กระมังจึงเป็นที่มาของคำว่า อุตรดิตถ์เมืองมหัศจรรย์แห่งผลไม้ ภูเขากินได้ โดยเฉพาะที่อำเภอลับแล เป็นแหล่งสวนผลไม้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเขตภาคเหนือ ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาและที่ราบสูง นอกจากนี้ยังมีต้นหางนกยูงสีแดงสด บานทักทายผู้มาเยือน อย่างสวยสดงดงามรองนายก อบต.แม่พูล บอกว่า ถ้าเป็นทุเรียนก็จะปลูกกันบนภูเขา ส่วนพื้นราบก็มีมะยงชิดบ้าง มังคุดบ้าง สวนผลไม้ ที่ลับแลนี้ เขาว่ากันว่าเป็นสวนเทวดาเลี้ยง เพราะฝากความหวังไว้กับฝน เนื่องจากอยู่ในพื้นที่สูง ปีไหนที่ฝนทิ้งช่วง ผลผลิต ก็จะไม่ค่อยดี คือออกน้อย แต่การันตีเรื่องคุณภาพ เพราะดินที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์มาก คุยเพลินๆ ราวครึ่งชั่วโมงเราก็ขึ้นมาถึง จุดชมวิวห้วยเรือ ต.แม่พูล ในเขต อ.ลับแล ทุเรียนทั้งหลงลับแลและหลินลับแล ถูกสอยลงมารอไว้แล้ว คุณสามารถ ลงมือปอกทุเรียนให้พวกเรา ได้ชิมด้วยตัวเอง พร้อมกับเล่าเรื่องของทุเรียนหลง-หลิน ไปพลางๆว่า เพราะปลูกบนภูเขา ทำให้ทุเรียนที่นี่ไม่ชุ่มน้ำ รสชาติจึงหวานหอม และเนื้อแห้งทั้งทุเรียนหลงและหลินลับแล เป็นทุเรียนกลิ่นอ่อน ลูกเล็กหนักไม่เกิน 2.5 กิโลกรัม“หลงลับแลเขาจะลูกกลม เนื้อสีเหลืองทอง เนื้อเนียน รสชาติหวานหอม เม็ดเล็ก ส่วนหลินลับแลจะเป็นรูปทรงกระบอก เนื้อเหนียว รสชาติหวานมัน เม็ดเล็กลีบ” รองนายก อบต.แม่พูล บอก ขณะที่มือค่อยแกะทุเรียนแต่ละพูออกมาวาง หลินลับแลจะแพงกว่าหลงลับแลนิดหน่อย ชาวสวนที่นี่บอกว่า หลินลับแล มีชื่อชั้นฉายาอีกอย่างว่า ทุเรียนนักเลง...ซึ่งน่าจะมาจากคนกินต้องใจนักเลงพอ เพราะบางทีเสียเงินซื้อไปหลายร้อย แกะออกมาแล้วบางทีก็ไม่มีเนื้อทุเรียนเลย ทั้งลูกอาจจะมีแค่พูหรือสองพู...เท่านั้นนอกจากทุเรียนคู่พระนางอย่างหลงและหลินลับแลแล้ว ที่อุตรดิตถ์ยังมีทุเรียนพันธุ์พื้นเมือง ที่บางครั้งเรียกชื่อตามแหล่งที่ปลูก เช่น ทุเรียนลำห้วย ทุเรียนม่อนดอย...สมัยก่อนคนไม่นิยมกินเพราะกลิ่นแรง เนื้อน้อย จึงขายกันในราคาถูกๆ บางทีก็ถูกแปรรูปเป็นทุเรียนกวน...เรียกว่าขายไม่ค่อยได้ราคา แต่ต่อมาเมื่อมีการปรับปรุงขยายพันธุ์ตามหลักวิชาการเกษตรทุเรียนของอุตรดิตถ์ โดยเฉพาะที่ลับแลก็เริ่มเป็นที่นิยมและรู้จักมากขึ้น หลง และ หลิน ลับแล ก็เป็นหนึ่งในทุเรียนที่ได้รับการพัฒนายกระดับมาแล้วทุเรียนคำแรกถูกกัดเข้าปากอย่างละเมียดละไม หวาน หอม กลิ่นไม่แรงเหมือนทุเรียนทั่วไป... พี่นิด ปุณยนุช ทองชั้น พีอาร์คนเก่ง ของ อบต.แม่พูล บอกว่า พวกเราโชคดีมากที่ได้มีโอกาสมาชิมทุเรียนหลง-หลินลับแลที่นี่ เพราะหลังจากนี้ทุกต้นมีออเดอร์เกือบหมดแล้ว ทั้งขายส่งและ ขายปลีก รวมทั้งขายในระบบออนไลน์ ที่ทาง อบต.รับจัดการประสานส่งให้ถึงบ้าน ตอนนี้มีลูกค้าประจำสั่งล่วงหน้ากันเป็นหลายเดือน หรือบางทีก็ข้ามปีกันเลยทีเดียว เพราะบางปีผลผลิตอาจไม่เป็นไปตามเป้า บางต้นที่ออกลูกมากๆ มาหลายปี ชาวสวนจะลดการเร่งผล ให้ต้นทุเรียนได้พักโดยปกติทุเรียนลับแลจะเริ่มติดผลในช่วงเดือนมีนาคม-กรกฎาคม และผลผลิตจะเริ่มออกสู่ตลาดราวเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม พอหมดทุเรียนก็จะเป็นช่วงของลางสาด ลองกองประมาณ สิงหาคม-ตุลาคม และช่วงมีนาคม-เมษายน ก็จะเป็นฤดูของมะยงชิดลงจากเขาในเขตห้วยเรือ ตอนใกล้เที่ยง รองท้องเบาๆด้วย หมี่พัน ที่น้องๆ ททท.สำนักงานแพร่ แนะนำ ร้านป้าหว่าง...เป็นร้านดั้งเดิม รสชาติอร่อย ราคาไม่แพง แต่ถ้าอยากกิน ข้าวพันผัก อีกเมนูขึ้นชื่อ ก็มีร้านข้าวพันผักอินดี้ และอีกหลายร้าน...ซึ่งรสชาติก็ใกล้เคียงกัน อยู่ที่คนชอบรสไหน...เท่านั้น เสร็จภารกิจพิชิตทุเรียนลับแล ก่อนกลับพวกเรา แวะเที่ยว พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ภายในวัดพระแท่นศิลาอาสน์ ซึ่งดัดแปลงจากศาลาการเปรียญหลังเก่า ตกแต่งแบบล้านนาจัดแสดงภาพเขียน ภาพถ่ายในอดีตของวัดพระแท่นศิลาอาสน์ ชุดและผ้าไทยโบราณ มีพระพุทธรูปเก่าแก่ พระพุทธรูปที่แกะสลักจากไม้ และเครื่องมือเครื่องไม้ที่แสดงถึงวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนอุตรดิตถ์...ทั้งหม้อ ไห ถ้วย ชาม เครื่องมือจับสัตว์น้ำแบบโบราณ ฯลฯ ลากลับจากลับแล...ตอนใกล้ค่ำ รถไฟขบวนที่แล่นมาจากเด่นชัยเข้าเทียบชานชาลา...รถไฟทิ้งเสียงหวูดอำลา...หลง-หลิน ปีหน้าจะกลับมาชิมใหม่แต่งตัวคอยท่านะแม่ราชินีผลไม้แห่งเมืองลับแล...!!!