วันเสาร์สบายๆวันนี้ไปคุยเรื่องของ “Libra coin” เงินดิจิทัล “cryptocurrency” สกุลใหม่ของโลก ที่ facebook เพิ่งประกาศเปิดตัวเมื่อสองวันก่อน จะนำออกใช้ในช่วงต้นปีหน้า 2020 กันนะครับ งานนี้เฟซบุ๊กเปิดตัวพันธมิตรอีก 27 ราย ล้วนเป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจดิจิทัลด้วยกันทั้งสิ้น เช่น วีซ่า มาสเตอร์การ์ด อูเบอร์ เพย์เพล อีเบย์ โวดาโฟน ฯลฯ ในฐานะ ผู้ร่วมทุน ลิบรา คอยน์ และเป็น “สมาชิกผู้ก่อตั้ง” ซึ่ง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เจ้าของเฟซบุ๊ก ต้องการสมาชิกที่เป็นธุรกิจยักษ์ใหญ่ในโลกร่วมเป็นสมาชิกก่อตั้ง 100 ราย ครอบคลุมธุรกิจทั่วโลกถือเป็น ความฝันครั้งยิ่งใหญ่ อีกฝันของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กที่จะ สร้างเงินดิจิทัลสกุลใหม่ของโลก ที่สามารถใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของประชาชนหลายพันล้านคนทั่วโลกผมเปิดเข้าไปอ่าน white Paper ของ Libra ที่ถือเป็นกติกาของการออกเงินสกุลดิจิทัล cryptocurrency จะต้องมีการบอกรายละเอียดของเงินดิจิทัลสกุลใหม่ แบบเดียวกับหนังสือชี้ชวนในการเสนอขายหุ้นทั่วไป “ลิบรา” จะช่วยให้ประชากรโลกหลายพันล้านคนเข้าถึงบริการทางการเงินมากขึ้นในต้นทุนที่ถูกลงกว่าปัจจุบัน ภารกิจหลักของ “ลิบรา” คือ การสร้างเงินตราสกุลใหม่ของโลก และ โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินง่ายๆที่ให้อำนาจแก่ประชาชนหลายพันล้านคน จะมีการ สร้างศูนย์กลางบล็อกเชนใหม่ที่มีความเสี่ยงต่ำ และ แพลตฟอร์มสมาร์ทคอนแทกต์ใหม่ เพื่อรับผิดชอบต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมการเงินใหม่ๆไวท์เพเปอร์ ระบุว่า ประชากรโลกหลายพันล้านคน แม้จะมีโทรศัพท์มือถือที่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร แต่มีประชากรจำนวนมากที่ยังถูกทิ้งอยู่ข้างหลัง มีประชากรผู้ใหญ่กว่า 1,700 ล้านคนทั่วโลกที่ยังอยู่นอกระบบการเงิน ไม่เคยมีบัญชีในธนาคาร แม้ว่าคนเหล่านี้กว่าพันล้านคนจะมีโทรศัพท์มือถือ และกว่า 500 ล้านคนมีอินเตอร์เน็ตใช้ก็ไม่รู้ เฟซบุ๊ก เอาข้อมูลมาจากไหน เพราะ ไม่มีแหล่งอ้างอิงแต่ นสพ.ไฟแนนเชียลไทม์ สื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯได้ออกมาแฉข้อมูลของเฟซบุ๊กทันทีว่า ไม่เป็นความจริง ที่เฟซบุ๊กอ้างว่า เงินดิจิทัลสกุลใหม่ “ลิบรา” จะช่วยอุดช่องว่าง ของคนกว่า 1,700 ล้านคนที่ไม่มีบัญชีในธนาคาร ไม่เป็นความจริง จากการสำรวจของ สถาบันประกันเงินฝากแห่งชาติสหรัฐฯ (Federal Deposit Insurance Corporation) ปี 2017 ระบุว่า เหตุผลหลักที่ทำให้คนกลุ่มนี้ไม่มีบัญชีในธนาคาร เพราะไม่มีเงินมากพอที่จะรักษาบัญชีธนาคาร โดยประชากร 34% ที่ไม่มีบัญชีธนาคารให้เหตุผลว่ามีเงินไม่พอ 15.6% บอกว่าไม่ทราบ 12.6% บอกว่าไม่ไว้วางใจธนาคารเป็นการฉีกหน้า เฟซบุ๊ก อย่างตรงไปตรงมาว่า ไวท์เพเปอร์ ของ เงินดิจิทัล “ลิบรา” ที่นำมาเปิดเผยกับประชาชน เป็นข้อมูลที่ไม่มีพื้นฐานความจริงใน White Paper ยังอ้างว่า เงินดิจิทัล “ลิบรา” ของ เฟซบุ๊ก มีความเสี่ยงน้อย เพราะมี “เงินทุนสำรอง” หนุนอยู่เบื้องหลังเหมือนเงินตราทั่วไป ไม่เหมือนเงินดิจิทัลทั่วไปที่ไม่มีเงินทุนสำรองหนุนหลัง และกล่าวว่า “เงินทุนสำรอง” คือกลไกหลักที่ทำให้ค่าเงินของ “ลิบรา” มีมูลค่าที่แน่นอน ไม่สวิงขึ้นลงเหมือนเงินดิจิทัลสกุลอื่นๆ ซึ่งจะช่วยป้องกัน “การเก็งกำไร” จากเงินดิจิทัลสกุลอื่นๆ โดยเฟซบุ๊กอ้างว่า “เงินทุนสำรอง” ของ เงินดิจิทัล “ลิบรา” จะมาจาก เงินลงทุนของนักลงทุน และ ผู้ใช้เงินดิจิทัลลิบรา“เงินทุนสำรอง” ของ “ลิบรา” จะนำไป ลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงตํ่าที่ให้ผลตอบแทนดี เพื่อให้เงินทุนสำรองมีการเติบโตที่มั่นคงผมคิดว่า เป็นการคุยโม้ของเฟซบุ๊กก่อนที่จะออก Libra Coin มากกว่า เงินดิจิทัล Libra ก็เหมือน Bitcoin แต่ที่แตกต่างกันก็คือ Libra มีเจ้าของและผู้ดูแลมูลค่าที่ชัดเจน การตัดสินใจออกเงินดิจิทัล Libra coin ของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก คงเห็นว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้เฟซบุ๊กทั่วโลกเกือบ 2,400 ล้านบัญชี ก็อยากแปลงตัวเองเป็น “สถาบันการเงิน” ไปเสียเลย เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ผมไม่เชื่อว่า “ลิบรา” จะมาแทนที่ เงินตราสกุลหลักของโลก.“ลม เปลี่ยนทิศ”