เปิดฟ้าส่องโลกเขียนเรื่องญี่ปุ่น อินเดีย และจีน ไปเมื่อวันอังคารที่ 5 มีนาคม 2562 ปรากฏว่า ได้รับความสนใจมากครับ มีหลายท่าน ส่งข้อความมาที่ไลน์แอทไอดี @ntp5 บอกว่าไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าอินเดียกับญี่ปุ่นจะคบกันลึกซึ้งขนาดนี้ปัจจุบัน อินเดียมีความสามารถในการผลิตพลังงานไฟฟ้า 1.48 แสนเมกะวัตต์ ถ้าหากต้องการการเติบโตให้ได้ร้อยละ 8-10 ต่อปี อินเดียจำเป็นต้องผลิตพลังงานไฟฟ้ามากกว่า 8 แสนเมกะวัตต์ การจะผลิตพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาขนาดนี้เป็นเรื่องยากมาก มีทางเดียวที่จะไป ให้ถึงดวงดาวได้ก็คือ การใช้พลังงานนิวเคลียร์ผลิต แต่อินเดียสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ในตอนนี้ได้แค่ 4.7 พันเมกะวัตต์เท่านั้นที่อินเดียไปไม่ถึงดวงดาวเพราะขาดแร่เชื้อเพลิง และปัญหาความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศ อินเดียเคยตั้งเป้าว่า จะต้องผลิตพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ได้ 6.3 หมื่นเมกะวัตต์ ใน พ.ศ.2575 อินเดียจำเป็นจะต้องสร้างเตาปฏิกรณ์เพิ่มอีก 48 เตาทั่วประเทศชาติที่ช่วยอินเดียได้ในเรื่องนี้คือญี่ปุ่น ญี่ปุ่นมีชื่อเรื่องความปลอดภัยในเทคโนโลยีนิวเคลียร์ แต่ที่พลาดเมื่อหลายปีก่อนเกิดจากภัยธรรมชาติ ญี่ปุ่นผลิตพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ 4 หมื่นเมกะวัตต์ ตั้งแต่ พ.ศ.2528 แล้วที่ญี่ปุ่นใช้ไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์และถีบตัวเองจนเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจของโลก ระหว่าง พ.ศ.2530-2554 ญี่ปุ่นมีพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์มากถึงร้อยละ 30 ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด โดยมีเตาปฏิกรณ์ 54 เตาในโรงไฟฟ้า 17 แห่งญี่ปุ่นเคยมีแผนการที่เพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ 6.8 หมื่นเมกะวัตต์ภายในปี 2573 แต่เมื่อ พ.ศ.2554 มีภัยพิบัติครั้งใหญ่ ทำให้เกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ไดอิจิ จึงเกิดปัญหาข้อโต้เถียงในสังคมญี่ปุ่น ว่าจะเดินหน้ากับพลังงานนิวเคลียร์ตามยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศในระยะยาว ตามแผนเดิมหรือไม่ญี่ปุ่นยืนยันจะร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์กับอินเดีย หากความร่วมมือนั้นอยู่บนหลัก 3 ประการ คือ เคารพต่อหลักการไม่แพร่ขยายนิวเคลียร์และยุติการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ เข้มงวดในการส่งออกนิวเคลียร์ ญี่ปุ่นกับอินเดียประชุมว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์กันบ่อยมาก และมีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติระหว่างญี่ปุ่นกับอินเดียเป็นที่เรียบร้อยแล้วญี่ปุ่นและอินเดียอยากเป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ขณะนี้สมาชิกถาวรมีเพียง 5 ประเทศคือ สหรัฐฯ รัสเซีย จีน อังกฤษ และฝรั่งเศส บางประเทศสนับสนุน แนวความคิดเก่าว่า ควรจะมีแค่ 5 ประเทศนี่แหละ แต่ทั้งอินเดียและญี่ปุ่นต่างดิ้นรนสนับสนุนการปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงฯ เพราะต่างคนต่างอยากเข้าเป็นสมาชิกถาวรด้วย อินเดียพูดอยู่บ่อยๆว่า สมาชิกถาวรมีแต่พวกตะวันตกมากกว่าประเทศมหาอำนาจอื่น ญี่ปุ่นก็เออออห่อหมกด้วยว่าควรจะมีประเทศอื่นๆอีก เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น บราซิล เยอรมนี ฯลฯปัจจุบัน คณะมนตรีความมั่นคงฯมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และไม่ถาวร 10 ประเทศ หลายประเทศ (รวมทั้งอินเดียกับญี่ปุ่น) ต้องการให้เพิ่มสมาชิกถาวรขึ้นเป็น 10 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 14 ประเทศ แต่มีบางกลุ่มประเทศบอกว่าสมาชิกแค่นั้นมันน้อยไป ต้องการขยายที่นั่งในคณะมนตรีความมั่นคงฯ เป็น 25 ประเทศ โดยยังคงให้ถาวร 5 ประเทศ ที่เหลือเป็นสมาชิกไม่ถาวร ที่แต่ละประเทศผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเป็นสมาชิกเปิดฟ้าส่องโลกเห็นว่า การดำรงอยู่ในสังคมระหว่างประเทศในปัจจุบัน โดยเฉพาะท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจ มีความจำเป็นจะต้องรู้ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน ความสัมพันธ์จีน-อินเดีย ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-อินเดีย ความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-จีน และความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-อินเดีย อย่างละเอียดลึกซึ้ง ข้อมูลและความรู้ทางด้านนี้ นอกจากจะใช้เดินประเทศให้มีสถานะดีในสังคมระหว่างประเทศแล้ว ยังทำให้เราสามารถจะวางยุทธศาสตร์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพผู้อ่านท่านครับ อย่างที่ผมเรียนไปแล้วว่าจีนเหล่ความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-อินเดียอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก สักวันหนึ่งในอนาคต หากมีปัญหากันรุนแรง ผมคิดว่าญี่ปุ่นและอินเดียจะไปยืนเคียงข้างกับสหรัฐฯ เมื่อสหรัฐฯและจีนมีข้อขัดแย้งกันครับ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com