โลกของเราก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แม้ว่าการพัฒนาเทคโนโลยีให้ทันสมัยจะเป็น ประโยชน์แก่มวลมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แต่ก็ต้องแลกกับการใช้จ่ายทรัพยากรธรรมชาติไปอย่างมหาศาลเมื่อหันมาตระหนักถึงผลได้และผลเสีย ก็พบว่าผลเสียบางอย่างกำลังลุกลามกัดกร่อนโลกไปทุกวันๆ ที่เห็นได้ชัดคือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เกิดภาวะโลกร้อน ส่งผลกระทบไปทุก หย่อมหญ้า จนต้องระดมสมองของนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญต่างๆมาแก้ไขปัญหา ซึ่งจริงๆแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องอาศัยความตระหนักรู้และความร่วมมือร่วมใจของมนุษยชาติอย่างจริงจังเป็นสำคัญแต่การแก้ปัญหารอช้าไม่ได้ หนึ่งในหนทางแก้ไขที่เร่งด่วนคือต้องผลิตพลังงานทดแทนให้ได้มากเพียงพอต่อการบริโภค ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานจากซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิล (fossil) เช่น ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดิบหรือที่เรียกว่าปิโตรเลียม เนื่องจากเป็นตัวการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศก่อเกิดภาวะโลกร้อนการลดละเลิกใช้พลังงานฟอสซิลเหล่านี้ ยิ่งเร็วที่สุดยิ่งดี และอย่างน้อยๆ ขณะนี้เราต่างก็รู้ว่า พลังงานจากแสงอาทิตย์ ลม น้ำ คลื่น ฯลฯ คือพลังงานหมุนเวียนใช้ได้อย่างไม่มีวันหมด แต่จะทำอย่างไรที่จะให้พลังงานเหล่านี้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง...นั่นคือโจทย์ที่สำคัญเพื่อพัฒนาสู่สิ่งที่ดีกว่าทำให้นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมาดริดในสเปน ค้นพบว่าหากควบคุมพลังงานลมได้ก็อาจปฏิวัติวิธีการผลิตพลังงานทดแทน พวกเขาเชื่อว่าการใช้ อุปกรณ์อย่างว่าวยักษ์ที่เรียกว่าแอโรฟอยล์ (aerofoil) แบบที่ใช้เล่นกีฬาทางน้ำไคต์เซิร์ฟหรือใช้โดรนมาวิเคราะห์ระบบสร้างพลังงานในระดับสูง โดยติดตั้งเครื่องกำเนิดพลังงานไว้ที่ว่าวหรือโดรน ก็จะสร้างพลังงานและส่งผ่านมาทางสายเคเบิลลงไปยังพื้นดินได้วิธีดังกล่าวน่าจะเป็นหนทางที่ดีเพราะสามารถทำงานได้ในระดับสูงมากกว่า 500 เมตร แถมยังช่วยประหยัดต้นทุนได้มากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับกังหันลมแบบดั้งเดิมที่มีราคาแพง ที่สำคัญคือการขนส่งก็ง่ายดาย เหมาะต่อการใช้ผลิตพลังงานในพื้นที่ห่างไกลและเข้าถึงยาก หรือนำไปปรับใช้ให้ผลิตไฟฟ้าได้ชั่วคราวในเขตภัยพิบัตินับว่าเป็นทางเลือกของการผลิตพลังงานสะอาดที่น่าสนใจไม่น้อย.ภัค เศารยะ