หลังจากเหตุการณ์พายุ “แฮเรียต” ถล่มแหลมตะลุมพุก และภาคใต้จนนำความเสียหายมาสู่ภาคใต้ทั้งภาคอย่างรุนแรง เมื่อ พ.ศ.2505 หรือ 56 ปีเศษ ดังที่ผมสรุปไว้เมื่อวานนี้แล้วภาคใต้ยังคงเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติต่อมาอีกหลายต่อหลายครั้ง แต่ที่เป็นข่าวใหญ่ และยังอยู่ในความทรงจำของคนไทยก็คือเหตุการณ์กรณี “น้ำป่า” จากภูเขานำโคลนและต้นซุงพุ่งเข้าใส่ “ตำบลกะทูน” อ.พิปูน และ “หมู่บ้านคีรีวง” ตำบลกำโลน อ.ลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช เช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2531ทั้ง 2 พื้นที่เป็นหมู่บ้านในหุบเขาแทบจะจมอยู่ในโคลน โดยเฉพาะที่กะทูน ในขณะที่คีรีวง บ้าน วัด โรงเรียน ฯลฯ พังไปจำนวนมากกลายเป็นเศษหินจมอยู่ในลำน้ำ ส่วนที่เป็นไม้ก็ลอยหายไปจากสายตารวมทั้ง 2 พื้นที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตประมาณ 230 คนแต่ด้วยใจสู้ของพี่น้องทั้ง 2 หมู่บ้าน ทุกวันนี้ต่างพลิกฟื้นกลับมาแล้วทั้งสิ้น ที่กะทูนกลายเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ด้วยอ่างเก็บน้ำในพระราชดำริส่วนที่ “บ้านคีรีวง” ปัจจุบันมีรีสอร์ตและโฮมสเตย์โผล่ผุดขึ้นมากมาย กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโด่งดังของภาคใต้ผมมีโอกาสติดตามท่าน ผอ.กำพล วัชรพล ที่ตัดสินใจไปสร้าง โรงเรียนไทยรัฐวิทยา แทนโรงเรียนเดิมที่ถูกกระแสน้ำป่าและโคลนพัดจมสูญหายไปทั้งหลังได้แก่ ไทยรัฐวิทยา 74 (ชุมชนบ้านคีรีวง) ซึ่งก็ยังเป็นแหล่งให้การศึกษาขั้นต้นแก่ลูกหลานชาวคีรีวงมาจนถึงทุกวันนี้ถัดมาอีกเพียงปีเดียวในเดือนพฤศจิกายนเช่นกัน 1-10 พฤศจิกายน พ.ศ.2532 ก็เกิด “พายุเกย์” เข้าถล่มภาคใต้ตอนบนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอำเภอท่าแซะ อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เสียหายหนักมากรวมทั้งบางส่วนของประจวบคีรีขันธ์ก็พลอยโดนไปด้วยมีผู้เสียชีวิต 446 คน บาดเจ็บ 154 คน บ้านเรือนเสียหาย 38,002 หลัง เรือล่ม 391 ลำ ถนนเสียหาย 579 เส้น โรงเรียนพัง 160 โรง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 80,900,105 ไร่นับเป็นความสูญเสียที่ใหญ่หลวงอีกครั้งหนึ่งของภาคใต้นสพ.ไทยรัฐ โดยท่าน ผอ.กำพล นำขบวนคาราวานขนข้าวของที่จำเป็นและอาหารลงไปช่วยเหลือพี่น้องชาวชุมพรทันทีที่พายุสงบและทางการอนุญาตให้เดินทางไปได้หลังจากนั้นท่าน ผอ.กำพลก็ตัดสินใจสร้างโรงเรียน ไทยรัฐวิทยา ให้อีก 3 หลัง แทนโรงเรียนเก่าที่พังทลายไป เพราะพายุเกย์ ได้แก่ ไทยรัฐวิทยา 76 (บ้านพละ) อ.ปะทิว, ไทยรัฐวิทยา 77 (บ้านเนินสันติ) อ.ท่าแซะ และ ไทยรัฐวิทยา 78 (วัดสามัคคีชัย) อ.ปะทิวจากความช่วยเหลือของทุกภาคส่วนและด้วยหัวใจที่เข้มแข็งของพี่น้องชาวชุมพร โดยเฉพาะชาวปะทิวและท่าแซะที่เสียหายหนัก...ทุกวันนี้ใครที่มีโอกาสไปจังหวัดนี้ก็คงจะเห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองแทบไม่เหลือภาพอันหฤโหดอย่างที่ผมเคยเห็นเมื่อ พ.ศ.2532 อีกเลยยังมีเหตุการณ์ที่แสดงถึงความแข็งแกร่งของชาวใต้อีกมาก เช่น เหตุการณ์นํ้าท่วม หาดใหญ่ และจังหวัดอื่นๆอีกหลายครั้งมาจนถึงเหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุด นำความเสียหายมาสู่ภาคใต้มากที่สุด ได้แก่ ภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์ “สึนามิ” ที่เข้าถล่ม 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย เมื่อ 26 ธันวาคม 2547 มีผู้เสียชีวิตที่ยืนยันแล้วเกือบ 5,400 คนแม้จะโศกเศร้าเสียใจอย่างใหญ่หลวง แต่พี่น้องชาวใต้ก็ยังยืนหยัดกัดฟันสู้ร่วมกันฟื้นฟูทั้งจิตใจและสภาพสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการลงทุนใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ภูเก็ต, พังงา, กระบี่ ที่เสียหายอย่างหนักยังสามารถยืนหยัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกได้ตราบทุกวันนี้หวังว่าเมื่อพายุ “ปาบึก” คลี่คลายลงไปแล้วทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนทั่วไทยจะร่วมแรงร่วมใจกันฟื้นฟูจิตใจ อาชีพ ตลอดจน ความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวใต้ทุกจังหวัดที่ประสบเคราะห์ครั้งนี้จนสามารถกลับมายืนหยัดได้อีกครั้งหนึ่งผมเชื่อว่ากลับมาได้แน่นอน และจะไปไกลกว่าเดิมด้วยซํ้า ผมมั่นใจในหัวใจที่เข้มแข็งของพี่น้องชาวใต้ครับ.“ซูม”- ชีวิตต้องสู้ของ “คนใต้” จากวันนั้นถึงวันนี้และต่อไป