มีรายงานจากนักวิจัยแห่งสถาบันวิจัยอเมโซเนียนแห่งชาติ ในประเทศบราซิล รายงานลงในวารสารพลอส วัน (PLOS ONE) ว่าขณะนี้โลมาแห่งแม่น้ำอเมซอน 2 ชนิดคือโลมาโบโต (Boto) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าอิเนียจีโอฟเฟรนสิส (Inia geoffrensis) และโลมาตูคูซี (tucuxi) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือโซตาเลีย ฟลูวิยาสทิลิส (sotalia fluviatilis) อาจต้องเผชิญกับการสูญพันธุ์และตายอย่างรวดเร็วหากยังไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างเข้มงวดนักวิจัยประเมินว่าโลมาโลมาโบโตมีจำนวนลดลงไปถึงครึ่งหนึ่งของประชากรโลมาในทุกๆ 10 ปี ส่วนโลมาตูคูซีลดจำนวนลงไปครึ่งหนึ่งในทุกๆ 9 ปี แสดงให้เห็นว่าอัตราการลดลงของกลุ่มประชากรสัตว์ทะเลเกิดขึ้นอย่างรุนแรงที่สุด ขณะนี้สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ เผยว่ารายชื่อโลมาน้ำจืดยังเป็นข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ หมายความว่ายังไม่มีข้อมูลมากพอที่จะรู้เกี่ยวกับตัวเลขประชากรโลมาในธรรมชาติ เพื่อใช้ประเมินระดับความเป็นอันตรายต่อประชากรโลมาอย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แต่เพียงโลมาแม่น้ำอเมซอนเท่านั้นที่น่าเป็นห่วง ยังมีโลมาอีกชนิดหนึ่งที่พบในเอเชียใต้ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเช่นกัน นั่นคือโลมางู (Platanista gangetica) ที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำในอินเดียหลายสาย ทั้งแม่น้ำสินธุ แม่น้ำคงคา และแม่น้ำพรหมบุตร ส่วนในประเทศจีนมีโลมาแม่น้ำแยงซี (Lipotes vexillifer) ที่รู้จักกันในชื่อโลมาครีบขาว หรือโลมาไป๋จี (baiji) ได้ถูกประกาศว่าสูญพันธุ์ไปแล้วในปี พ.ศ.2549 เพราะถูกคุกคามจากมลพิษ การรุกรานจากการสร้างเขื่อน รวมถึงการสัญจรทางเรือ.