เรื่องราวของปลาแถบแอฟริกา ที่ฝังตัวอยู่กับผืนดินแล้งแห้ง ...แล้วก็พลิกฟื้นคืนชีวิตอีกครั้ง เมื่อฝนมา ผมเคยดูจากสารคดีทางทีวีหลายครั้งแต่ไม่ประทับใจเท่ากับได้อ่านจากหนังสือ “หมดตัว ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าหมดใจ อะไรก็ไม่เหลือ” (สำนักพิมพ์โพสบุ๊คส์ ม.ค.2561)คุณเธียรชัย พันธ์คง เริ่มว่า “รู้จักปลาปอดบ้างไหม” ปลาปอด (lung Fish) เป็นปลาที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายปลาช่อนผสมกับปลาดุก พบที่ทวีปแอฟริกา อเมริกาใต้ และออสเตรเลียได้ชื่อว่าเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่ยังมีชีวิต เนื่องจากเป็นปลาโบราณยุคเดียวกับไดโนเสาร์ มีวิวัฒนาการมาเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ จนเป็นสัตว์บก สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีน้ำนานถึง 4 ปีในแอฟริกา ปลาพวกนี้มักอาศัยอยู่ในน้ำตื้นๆ มันต้องหายใจบนผิวน้ำบ่อยๆ เพราะมันไม่ได้ใช้เหงือกหายใจเหมือนปลาทั่วไป แต่พวกมันใช้อวัยวะที่คล้าย “ปอด” หายใจเมื่อเข้าหน้าร้อนแล้งในแอฟริกา น้ำในหนองต่างๆเหือดแห้ง ดินแตกระแหง ปลาปอดจะจำศีล ฝังตัวอยู่ในดินโคลน สร้างเมือกเคลือบลำตัวที่คุดคู้ ช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้นตลอดเวลาปลาปอดสภาพนี้ คือปลาตายที่ยังมีชีวิตถ้ามันจำศีลอยู่ในบึงหรือหนองน้ำ ก็คงไม่เดือดร้อนอะไรนัก ไม่กี่เดือนให้หลังเข้าสู่ฤดูฝน ปลาปอดก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอย่างเดิม ใช้ชีวิตแบบเดิมแต่ปลาปอดพวกหนึ่ง ไม่ได้โชคดีแบบนี้ เมื่อคนแอฟริกันนำดินโคลนจากบึงที่แห้งแล้งไปใช้ในการสร้างบ้านปลาปอดที่จำศีลในดิน จึงต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของเสา ของผนัง หรือกำแพงบ้านมนุษย์เรา ถ้าอยู่เฉยๆไม่ได้กินน้ำกินอาหาร ไม่ได้ขยับตัวเลยไม่กี่วันก็ตาย แต่ปลาปอดอยู่ได้นานถึง 4 ปีคำถาม...ปลาปอดรออะไรได้ถึง 4 ปี คำตอบ...มันรอน้ำฝนเมื่อฝนตกชุกพอที่จะทำให้ฝาบ้านที่ทำจากดินโคลนอ่อนตัว เพียงพอที่มันจะขยับตัวออกมาได้ มันก็จะออกมาเคลื่อนไหว สลัดอาการที่เหมือนตายมา 4 ปี กลับมามีชีวิตและมันก็สามารถเคลื่อนตัวจากบ้าน ไปสู่แอ่งน้ำได้โดยไม่ยากเธียรชัย พันธ์คง บอกว่า สภาพเหมือนตายของปลาปอดนี้ เกิดขึ้นได้ในสัตว์ชนิดอื่นๆ ไม่เว้นกระทั่งมนุษย์ ขึ้นอยู่กับว่า เราจำศีลอยู่ในสถานการณ์ใดด้วยวิธีการอย่างไร และเราจะอดทนต่อสภาพแบบนั้นได้นานแค่ไหน4 ปีของปลาปอด ไม่เรียกว่าตายก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรแล้ว แต่มันก็ยังรอและรอ รอโอกาสแม้เพียงน้อยนิด รอระบบนิเวศชีวิตที่เหมาะสมข้อแนะนำสำหรับมนุษย์ ในวันที่ทุกอย่างรอบตัวไม่เป็นใจ อะไรๆก็ไม่เข้าข้างเราอย่าท้อแท้ อย่าลาตาย ย้ายตัวเองหลบจากสิ่งเหล่านี้ไปสักพัก ไปอยู่กับที่แห่งความรักครั้งแรกของเรา ที่นี่ เราไม่เคยมีอะไรเลย ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองสักชิ้นเดียวทุกอย่างเป็นของแม่พ่อ แต่เราก็อยู่มาได้ อย่าอยู่เปล่าๆ ทบทวนเรียนรู้จากความผิดพลาดรวบรวมกำลังใจและพลังกายที่มีอยู่น้อยนิด ให้กลายเป็นสปริงที่หดตัว หดให้สั้นที่สุด เมื่อสบโอกาส “ดีดตัว” ให้สุดแรง สลัดตัวออกจากฝาบ้าน ไปสู่โลกที่เราเคยเผชิญหน้าหลายเรื่องในหนังสือเล่มนี้ ล้วนแต่ให้กำลังใจ ให้ยืนหยัดอยู่สู้โลกใบนี้ต่อไปผมได้หนังสือ หมดตัวไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าหมดใจ จากงานหนังสือครั้งที่แล้วครับ อ่านแล้วก็ยังมั่นใจว่า พลังจากการอ่านหนังสือ ลึกซึ้งกว่า อ่านจากสื่อสมัยใหม่หลายเท่านัก.กิเลน ประลองเชิง