“ตำบลหน้าโคก” อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บันทึกไว้ในไทยตำบลดอทคอมว่า ในอดีตสมัยกรุงศรีอยุธยา บริเวณนี้มีชาวญวนอาศัยอยู่มากด้วยผู้หญิงเชื้อสายญวนชอบเกล้าผมมวยทำให้เห็นหน้าผากผิดกับชาวบ้านในท้องถิ่นอื่นๆ หนุ่มๆในท้องถิ่นอื่นเห็นจึงเรียกว่า “ผู้หญิงหน้าโคก” ต่อมา...คำว่าผู้หญิงได้เลือนหายไปเหลือแต่คำว่าหน้าโคกเท่านั้นว่ากันว่านับแต่นั้นจึงเรียกบริเวณนี้ว่า “ตำบลหน้าโคก” โดยผู้คนส่วนใหญ่ในพื้นที่ยึดอาชีพทำนาเป็นหลัก มีอาชีพเสริมด้วยการเลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงปลา มีแม่น้ำน้อยไหลผ่านตลอดปี ปัจจุบันตำบลหน้าโคกที่ว่านี้ ด้านทางทิศเหนือเขตติดต่อกับตำบลบางจัก อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ทว่า...ในอีกบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับคำว่า “ตำบลหน้าโคก” นั้น ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเกิดขึ้นเมื่อใดกันแน่ สันนิษฐานว่าด้านทิศตะวันออกที่ติดกับตำบลโคกช้าง มีเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่าในสมัยโบราณนานมาแล้ว มีควาญช้างนำช้างหลายเชือกมาอาบน้ำเป็นประจำที่ริมแม่น้ำน้อย ด้านตะวันออกของแม่น้ำน้อยแล้วพักอาศัยอยู่...บริเวณนี้เองมีเนินดินสูงพอสมควร หรือที่เรียกกันว่า “โคก” เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเชื่อกันว่าเป็นที่มาของชื่อเรียกตำบลแห่งนี้ว่า “หน้าโคกช้าง” ด้วยอยู่ติดด้านหน้าของตำบลโคกช้างนานวันเข้าคำว่าช้างก็ได้เลือนหายไป...เหลือไว้แต่คำว่า “หน้าโคก” เมื่อครั้งเก่าก่อนสมัย รัตนโกสินทร์จึงเกิดชื่อนี้ขึ้นมา พร้อมๆกับประเทศสยามที่ได้แบ่งเขตเป็นจังหวัด อำเภอ ตำบลO O O Oองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าโคกบันทึกประวัติไว้ว่า ตำบลหน้าโคกเกิดขึ้นก่อนสมัยรัตนโกสินทร์ เพราะเมื่อพุทธศักราช 2445 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เคยเสด็จฯทางชลมารค มาทอดกฐินส่วนพระองค์ ณ วัดตึก เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2451 ซึ่งเป็นวัดที่พระสหายของพระองค์ท่านถวายบ้านตึกเป็นวัด พระสหายของพระองค์มีนามว่า “ช้าง” ภรรยานายช้างชื่อ “เงิน” วัดตึกจึงได้นามต่อท้าย “คชหิรัญ”...เมื่อทอดกฐินเสร็จแล้วกลับมาลงเรือครุฑเหินเห็จขึ้นไปตามลำแม่น้ำน้อย เมื่อถึงวัดหน้าโคกจึงหยุดพักเสวยพระกระยาหาร พระองค์ทรงพักผ่อนอิริยาบถตามสมควร ขณะนั้นมีชาวบ้านมาเฝ้าจำนวนหนึ่งจึงมีพระดำรัสว่า “ที่นี่ลมพัดเย็นสบายดีมาก”...วัดนี้น่าจะมีชื่อใหม่ว่า “วัดสว่างอารมณ์เจริญ” ทางวัดมีหลักฐานที่พอจะเชื่อได้ เพราะพระสหายช้างถวายเตียงนอนแบบพิเศษไว้หลังหนึ่ง ปัจจุบันยังตั้งอยู่ที่หอสวดมนต์ ...เป็นเตียงที่วิจิตรพิสดาร สวยงามมากO O O Oวัดหน้าโคกแห่งนี้เอง....เป็นที่ประดิษฐานของ “หลวงพ่อแก่”ตำนานความเชื่อ ความศรัทธา...“หลวงพ่อแก่” จากคำบอกเล่าสืบๆต่อกันมา เดิมทีนั้นท่านประดิษฐานอยู่บนเนินดินสูงเรียกว่า...“โคก” อยู่ข้างต้นโพธิ์นั่งบนแท่นฐานบัวก่อด้วยอิฐก้อนใหญ่ หลังคามุงด้วยสังกะสี ในสภาพแวดล้อมที่ชำรุดทรุดโทรมมาก แถมยังมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมรกเรื้อเต็มไปหมดหลวงพ่อแก่เป็นพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัย เนื้อหินทรายแดงแบบเกศตุ้ม สันนิษฐานกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่มากอายุน่าจะกว่า 1,000 ปี ศรัทธาจากผู้คนที่มีต่อหลวงพ่อแก่นั้นมีมาต่อเนื่องยาวนานนับแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน...นับว่าเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพนับถือเป็นอย่างมากทั้งในตำบลหน้าโคกเองและตำบลพื้นที่ใกล้เคียงวันพระบุญใหญ่ พุทธศาสนิกชนยิ่งหลั่งไหลเข้ามากราบไหว้สักการบูชา ถวายอาหารคาวหวาน ดอกไม้ พวงมาลัย และไม่น้อยก็มีละครรำชาตรีจัดถวายผู้คนที่มีศรัทธาวาดหวังเข้าไปกราบไหว้ขอพรหลวงพ่อแก่ ขอให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆที่มุ่งหวังตามประสงค์ เมื่อสมหวังดั่งใจแล้วก็มีจิตศรัทธาทำบุญ ถวายองค์ผ้าป่าแล้วก็สำเร็จศรัทธาอันยิ่งใหญ่ด้วยการก่อสร้างมณฑป “วิหารหลวงพ่อแก่” ให้เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อแก่อย่างยิ่งใหญ่ งดงาม...อย่างที่เห็นกันในปัจจุบันนี้ กล่าวกันว่า...ผู้ใดที่ได้มาเยือนกราบไหว้ขอพร บนบานศาลกล่าว “หลวงพ่อแก่” ในเรื่องราวต่างๆต่อหน้าพระพักตร์องค์หลวงพ่อ จะประสบความสำเร็จ มีความเจริญรุ่งเรือง สมปรารถนาทุกประการคำขอขมาพระรัตนตรัย...นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุท ธัสสะ (ว่า 3 จบ) สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตังสัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเตฯ“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่ออย่างไรโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.รัก–ยม