นพ.ธีระเกียรติร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ...ถือเป็นทิศทางที่ดีในการ “ปฏิรูปการศึกษาชาติไทย” ในวันนี้ แต่ทว่า...ยังมีประเด็นความเห็นที่บิดเบือนอยู่นิดหน่อยนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ บอกว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ปัญหาอยู่ที่ขณะนี้เกิดการตีกันเองภายใน เรื่องอยากได้ 25,000 ล้านบาท...งบ 5 เปอร์เซ็นต์สำคัญอันดับหนึ่ง...เราต้องมองเป้าหมายของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ก่อนว่ามีความสำคัญแค่ไหน เราอย่ามาทะเลาะกันเรื่องมาตรการ ทุกอย่างตรงตามแนวทางที่วางไว้ ความคิดเห็นที่ว่าจะใช้งบประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ ก็มีคนตั้งคำถามเยอะในแง่ที่ว่า “5%” เอาตัวเลขมาจากไหน แล้ว...วิธีการจัดสรรงบของประเทศ ทำอย่างนั้นได้ไหม?“ไม่ใช่ว่าสำนักงบประมาณไม่ยอมเปลี่ยนแปลง...เพราะตอนนี้มีคนพูดออกมาว่ารัฐบาลไม่เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ เดี๋ยวจะทำงานไม่ได้โดยเฉพาะฝ่ายกรรมการอิสระฯ ผมอยากจะบอกอย่างนี้ว่า ผมไม่ได้ออกมาพูดเพื่อจะมาค้านกับกรรมการอิสระฯหรือไม่ค้าน แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจบริบทของประเทศ”“กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา” มีวัตถุประสงค์ทั่วไปเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา ซึ่งรวมทั้งการดำเนินการ ดังต่อไปนี้ 1.ส่งเสริมเด็กปฐมวัยให้มีพัฒนาการสมวัยและพร้อมเข้าสู่ระบบการศึกษา โดยสนับสนุนและร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน หรือภาคประชาสังคม เพื่อให้เด็กปฐมวัยได้รับการพัฒนาทางร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาสมวัย และพร้อมเข้าสู่ระบบการศึกษา2.ช่วยเหลือและสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์สำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยการสนับสนุนเงินและค่าใช้จ่ายให้แก่เด็กและเยาวชนซึ่งขาดแคลนทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาส 3.ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ทุกช่วงวัยได้รับการพัฒนาศักยภาพ โดยการสนับสนุนให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์...ผู้ด้อยโอกาสได้รับการพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพตามความถนัด และศักยภาพที่จะพึ่งพาตนเองในการดำรงชีวิตได้4.เสริมสร้างครูให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ เพื่อให้ครูมีความสามารถในการจัดการเรียนการสอนสามารถพัฒนาและจัดการเรียนการสอนให้เด็กและเยาวชนตามพื้นฐานและศักยภาพที่แตกต่างกัน 5.ศึกษาวิจัยแนวทางการพัฒนาครูต้นแบบ เพื่อพัฒนาครูให้มีจิตวิญญาณของความเป็นครู มีคุณธรรม มีจริยธรรม มีความรู้ความสามารถ รวมทั้งสนับสนุนให้จัดตั้งสถาบันต้นแบบในการผลิตและพัฒนาครู6.ส่งเสริมสถานศึกษาให้เอื้อต่อการพัฒนาผู้เรียนได้ตามความถนัดของตน สนับสนุนให้สถานศึกษาสามารถพัฒนาและจัดการเรียนการสอนให้แก่ผู้เรียนที่มีพื้นฐานและศักยภาพที่แตกต่างกันได้ตามความถนัดของตนคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ...ของคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปทางการศึกษา ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป และมอบหมายให้หน่วยงานและกองทุนอื่นๆ ตามกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ที่สอดคล้องตามนัยมาตรา 6 ของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ ดำเนินการตามข้อสังเกตของสำนักงบประมาณต่อไป...สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ ได้แก่ 1.สถานะและวัตถุประสงค์ ของกองทุน (1) ให้กองทุนเป็นหน่วยงานของรัฐและมีฐานะเป็นนิติบุคคล (2) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิที่จะรับและเข้าถึงการศึกษาและพัฒนาอย่างทั่วถึง รวมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่เด็ก...เยาวชนซึ่งขาดแคลนทุนทรัพย์จนสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐาน...ศึกษาวิจัย และพัฒนาองค์ความรู้เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์2.เงินและทรัพย์สินของกองทุน (1) เงินและทรัพย์สินที่ได้รับโอนมาจากเงินงบประมาณสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเฉพาะในส่วนสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (2) เงินที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นทุนประเดิม 1,000 ล้านบาท (3) เงินรายปีที่ได้รับจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลตามที่ ครม. กำหนด (4) เงินและทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้ (5) เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี ตามแผนการใช้เงินที่คณะกรรมการและคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว โดยให้รัฐบาลจัดสรรให้เพียงพอตามแผนการใช้เงิน3.สิทธิประโยชน์ทางภาษีผู้บริจาคเงินให้แก่กองทุน มีสิทธินำไปหักเป็นค่าลดหย่อนหรือรายจ่ายเช่นเดียวกับการบริจาคเพื่อการศึกษาตามประมวลรัษฎากร 4.ขอบเขตการใช้จ่ายของกองทุนให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาส โดยอาจดำเนินการโดยวิธีการให้เปล่า ให้ยืม หรือให้กู้ยืมก็ได้5.คณะกรรมการบริหารกองทุนและสำนักงานกองทุน ให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย เป้าหมาย และแนวทางการดำเนินงานของกองทุน โดยมีสำนักงานกองทุนทำหน้าที่ในการดำเนินงานของกองทุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน ...6.การกำกับและดูแล นายกรัฐมนตรีเป็นผู้กำกับและดูแลการดำเนินกิจการของกองทุนให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปประเทศ นโยบายรัฐบาล และมติคณะรัฐมนตรีย้ำว่า “การปฏิรูป”...จำเป็นต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของโครงสร้างที่มีอยู่ อย่างวิธีการจัดสรรงบประมาณ กำหนดตัวเลขอยู่ที่ 5 เปอร์เซ็นต์...สำหรับนักวิชาการหลายท่านก็มีคำถามว่ามาอย่างไร ถัดมา...วิธีการทางงบประมาณก็ไม่สามารถที่จะกำหนดขึ้นมาแล้วบอกเอาไป 25,000 ล้านบาท คุณจะไปทำอะไรแล้วค่อยมาว่ากัน”วิธีการจัดสรรงบประมาณของประเทศ จะต้องมี “แผนงาน”...ในอดีตก็มีบางองค์กรที่กำหนดว่าให้ใช้งบกี่เปอร์เซ็นต์ แล้วเป็นยังไง ก็เกิดปัญหาขึ้นมา “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน...บ้านเราถ้ายังไม่รวยมาก แล้วเราจะจัดการกับเรื่องงบประมาณ เราก็ต้องใช้วิธีว่า คิดว่าจะทำอะไร เริ่มจากแผน...ไม่ได้เริ่มจากเงิน เอาเงินไปก่อนแล้วเริ่มคิด”นพ.ธีระเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ บอกอีกว่า อยากให้สังคมเข้าใจอย่างเห็นภาพ ข้อแรกในแง่เชิงวิชาการ...อย่าทะเลาะกันเรื่องนี้เลย อย่ามาโต้เถียงกัน เพราะเกินขั้นตอนไปแล้ว อยู่ในการพิจารณาของ สนช. การจะใช้เงินของรัฐสัดส่วนเท่าไหร่นั้น จะต้องผ่านสภาฯ...ตัวแทนประชาชน ก็กำลังพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ก็ว่ากันไปตามกระบวนการ แต่...ถ้าออกเป็นข่าว พยายามสร้างกระแสให้ชาวบ้านเข้าใจในทำนองกดดัน ท่าทางรัฐบาลจะไม่เอาจริงกับกฎหมายฉบับนี้...คิดว่าไม่ถูกต้อง เป็นการเบี่ยงเบนประเด็น ทำให้สิ่งดีงามที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองถูกแปรเจตนาผิด “ถ้าไม่ใช่งบ 5 เปอร์เซ็นต์ แสดงว่านายกรัฐมนตรีไม่เอาจริง...แสดงว่ารัฐบาลไม่เอาจริง หรือว่าทำงานไม่ได้ ก็พูดกันไปอย่างนี้”...เดินหน้า “ปฏิรูปการศึกษา”...เดินหน้า “ปฏิรูปประเทศไทย” ต้องตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงของโลก คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ฝากย้ำทิ้งท้ายว่า เราอย่าเพิ่งมาทะเลาะกัน โดยเอาเรื่อง “เงิน” เป็นตัวตั้งเลย ให้มองเจตนาของ พ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาฯ ฉบับนี้ว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก บ้านเราการปฏิรูปอะไรมีข้อจำกัดก็ต้องมีจุด...ทิศทางอยู่ ทั้งเรื่องงบประมาณปริมาณ...วิธีจัดสรร ยืนยันว่าถึงแม้จะไม่ใช่ตัวเลข 5 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็เห็นด้วยกับความเห็นหลายท่าน“กระทรวงศึกษาฯมีงบอยู่เกือบ 3 พันล้านฯ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ถ้ากองทุนนี้เกิดแล้ว ถ้าเขียนแผนงานมาก็ยินดีที่จะโอนงบส่วนนี้ให้กองทุนไปบริหารจัดการได้เลย....ลดความซ้ำซ้อนไปในที”ในปีแรกที่ พ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาฯ คลอดออกมาแล้ว ถ้าเดินหน้าได้ดีทำให้ประสบความสำเร็จตามแผนงานที่วางเอาไว้ ในที่สุดอาจจะได้เงินงบประมาณมากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ก็ได้“ปฏิรูป”...ต้องเดินหน้าไปด้วยกัน ทุกฝ่ายทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องก้าวไปพร้อมๆกัน หากแต่มัวมาทะเลาะกัน...ฝ่ายเอ็งฝ่ายข้า พวกเอ็งพวกข้า ...เอ็งได้...ข้าไม่ทำ...ข้าได้...เอ็งไม่ทำ ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร “ประเทศชาติ” ก็มีแต่สาละวันเตี้ยลง อยู่กันแบบไทยๆอายประเทศเพื่อนบ้าน.