ช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2560 ชาวไทยและกัมพูชาเข้าออกจุดผ่านแดนแต่ละจุดเบาบาง“ตั้งแต่เขาสั่งเข้มงวดคนนอกพื้นที่ข้ามแดนไป คนมาเที่ยวพลอยหดหายไปด้วย” เสียงแปร่งๆของชาวไทยเชื้อสายกัมพูชาบอก พลางกระซิบเบาๆว่า “คงกลัวคนไทยเข้าไปเล่นการพนัน”ตลาดการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาช่องสายตะกู ฝั่งไทยมีทั้งชาวไทยและกัมพูชานำของมาขาย มีทั้งพืชไร่ มันประเภทต่างๆ เนื้อสัตว์ ผลไม้ และเสื้อผ้าทั้งมือหนึ่งและมือสอง บรรยากาศหากเทียบกับช่วงไม่มีคำสั่งเข้มงวดนับว่าต่างกันมากจากตลาดชายแดน นั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้าไปจุดผ่านแดนประมาณ 1 กม. จ่ายค่าโดยสารคนละ 10 บาท จากนั้นผ่านจุดผ่านแดนเข้าไปในเขตกัมพูชา สถานที่สำหรับนักท่องเที่ยวมีอยู่ 2 จุด คือ1.บ่อนกาสิโน และ 2.ตลาดค้าชายแดนฝั่งกัมพูชา บ่อนกาสิโนชื่อ กาสิโนสายตะกู ขนาดใหญ่ กว้างขวาง บรรจุคนได้นับ 1,000 คน โผล่เข้าไปในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2560 คนโหรงเหรง ไม่ว่าจะเป็นตู้เกม บาคาร่า และการพนันชนิดต่างๆ มีคนนั่งเล่นเพียงประปราย สังเกต “ชิป” ที่วางอยู่หน้านักพนันแต่ละคนมีจำนวนไม่มาก ต่างจากบ่อนย่านปอยเปต ที่อยู่ข้างตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อย่างสิ้นเชิงออกจากบ่อนไปราว 500 เมตร คือตลาดชายแดนฝั่งกัมพูชาในตลาดเต็มไปด้วยสินค้าพื้นเมืองและสินค้าที่นำเข้าจากประเทศไทยและจีน สินค้าพื้นเมืองของกัมพูชา เช่น ไต้จุดไฟ ไม่น่าเชื่อว่าจะพบไต้จุดไฟซึ่งเป็นของใช้เก่าแก่ พิจารณาจากปริมาณที่กองอยู่นั้น ทำให้ทราบได้ว่า ต้องมีลูกค้าซื้อไปใช้อยู่ไม่น้อย ใกล้ๆกันมีมันที่ขุดจากป่ากองโต สินค้าเหล่านี้น่าจะปรากฏอยู่ในตลาดในชนบทไทยเมื่อหลายสิบปีก่อนเครื่องรางของขลังก็มีเป็นแผงๆ นอกจากพระเครื่องที่น่าจะนำเข้าจากประเทศไทยแล้ว ก็มีตะกรุดขนาดต่างๆ พระพุทธรูปทรงแปลกๆ รวมไปถึงหนังสัตว์ต่างๆ ที่เชื่อกันว่ามีคุณทางด้านคุ้มครองป้องกัน ราคาองค์หนึ่งหรือชิ้นหนึ่งราว 100 บาทขึ้นไป สินค้าที่คนเข้าไปแล้วมักซื้อติดมือออกมา เช่น บุหรี่ยี่ห้อดังๆ ด่านอนุญาตให้ซื้อได้ 1 คนต่อหนึ่งคอตตอน หรือ 10 ซอง และยังมีน้ำหอม เหล้า ไพ่ และเสื้อผ้าหลากสีสัน สินค้าที่มาจากจีนก็เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ไฟฉาย ของเล่นสำหรับเด็ก และเสื้อผ้าข้อพึงระวังในการซื้อก็คือของปลอม แต่ไม่ว่าจะมีป้ายเตือนอย่างไร เสียงเตือนดังขนาดไหน แต่ละคนที่เข้าไปมักไม่กลับมามือเปล่า และในมือที่ไม่เปล่านั้นก็ยากที่จะพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าไม่ใช่ของปลอมเลาะตะเข็บชายแดนมา วัดป่าลานหินตัด บ้านสายตรี 3 ตำบลปราสาท อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ พบพระปลัดสมบูรณ์ สุมังคโล เจ้าอาวาสวัดพระอาจารย์สมบูรณ์ท่านเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ แต่ปฏิบัติแปลกไปกว่าพระภิกษุสงฆ์รูปอื่นๆ ตรงใช้รถจักรยานปั่นไปเผยแผ่ธรรม และร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานกับญาติโยม ท่านเรียกว่า “จักรยาตรา” คือไปด้วยรถจักรยาน และมี “ธรรมะติดล้อ” ไปด้วย สาเหตุที่พระอาจารย์สมบูรณ์ปั่นจักรยาน นำธรรมะติดล้อไปฝากญาติโยม เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งท่านต้องไปสอนหนังสือที่โรงเรียน วัดกับโรงเรียนที่สอนอยู่ห่างกันพอควร ครูในโรงเรียนล้วนแต่เป็นผู้หญิงไม่สามารถมารับได้ ท่านเลยปั่นจักรยานไปสอนระหว่างปั่นจักรยาน ก็เกิดแนวคิดเรื่องการใช้จักรยานเพื่อธรรมะขึ้นมาได้ดังนั้น ด้วยพื้นฐานความคิดพอเพียง ต้องการพึ่งพาตนเองและรักษาสิ่งแวดล้อม ท่านจึงใช้ “จักรยาตรา” หรือเดินทางไปโดยจักรยาน ไปประกอบความดีกับเด็กๆและญาติโยมในโอกาสต่างๆ อาทิ ปั่นพาเด็กๆไปพบปราชญ์ท้องถิ่น เพื่อเรียนรู้ปัญหาดั้งเดิมของบรรพชน ปั่นไปเก็บขยะให้กับสถานที่สาธารณะ ปั่นไปชมพิพิธภัณฑ์ เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น เป็นต้นพระภิกษุสงฆ์ปั่นจักรยานเหมาะสมหรือไม่ พระอาจารย์บอกว่า ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เพราะปั่นไปประกอบคุณงามความดี เพื่อสังคมและเด็กๆในพื้นที่บริเวณวัดป่าลานหินตัด เป็นสถานที่ที่คนอาศัยอยู่ก่อน หรือคนอาศัยอยู่ใกล้เคียงพากันมาตัดหินไปสร้างปราสาท อาจไปสร้างทั้งปราสาทหินพนมรุ้ง ปราสาทหินเมืองต่ำ และปราสาทหินปลายบัด ถึงไม่ใช่ทั้งปราสาท แต่หินส่วนหนึ่งเดินทางไปจากเนินเขาที่ตั้งของวัดนี้แน่นอนพระอาจารย์สมบูรณ์ชี้ร่องรอยอดีตบริเวณวัดให้ดู 4 จุด ทั้งหมดอยู่บนเขาที่ตั้งของวัด และอธิบายเหตุผลว่า เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ แม้จะมีจุดอื่นๆให้ดูอีกหลายจุดก็ตาม จุดแรก เป็นรูลึกลงไปใต้หิน ปากรูแคบ ภายในรูกว้าง ท่านอธิบายว่า เดิมสถานที่แห่งนั้นน่าจะเป็นทะเล น้ำพัดหินเจาะเนื้อหินลึกลงไป จนกลายเป็นรูขนาดใหญ่ ถ้าคนหรือสัตว์ตกลงไป ไม่สามารถขึ้นมาด้วยตนเองได้ ลักษณะเช่นนี้ ปรากฏอยู่ในถิ่นอื่นๆเหมือนกัน และสันนิษฐานว่าเกิดมาจากสาเหตุเดียวกันจุดที่สองคือ แหล่งน้ำซับ น้ำซับคือน้ำที่ซึมออกมาจากดิน หิน อาจจะมาจากรากไม้ หรือตาน้ำใต้ดิน บริเวณนี้อดีตเคยเป็นแหล่งน้ำซับให้ชาวบ้านมาดื่มยามกระหาย สัตว์ต่างๆได้มาดื่ม แต่ปัจจุบันหลวงพ่อบอกว่า หลังจากป่ายูคาลิปตัสเกิดขึ้นใกล้ๆวัด น้ำซับก็อันตรธานไปเหมือนถูกมนต์สะกด ข้อสันนิษฐานของท่านน่าสนใจ และทิ้งไว้ให้พิสูจน์ทราบจุดที่สาม พระอาจารย์สมบูรณ์บอกว่า “รอยเสือ” ลักษณะเป็นรอยขีดบนหินทราย คนโบราณอาจจะขีดเพื่อพิสูจน์เนื้อหิน ก่อนที่จะเซาะเอาไปสร้างปราสาท หรืออื่นใดก็ตาม มองรวมๆ แล้วเหมือนรอยเสือ จึงกลายเป็นจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวสนใจ และหยุดพิจารณาจุดที่สี่ คือลานหินตัด ปรากฏร่องรอยตัดหินเป็นริ้วยาว แต่ยังไม่ได้เซาะออกไป รอยนี้ชี้ให้เห็นว่าคนโบราณตัดหินกันอย่างไร และเป็นหลักฐานชัดเจนว่า คนโบราณนำหินจากแหล่งนี้ไปสร้างปราสาท แต่ไปสร้างปราสาทอะไรบ้าง การพิสูจน์ไม่น่าจะยาก เพราะสามารถนำเนื้อหินจากแหล่งตัดนี้ไปเปรียบเทียบกับหินที่ปราสาทใกล้เคียงได้การนำหินออกไปจากแหล่งตัด พระอาจารย์สมบูรณ์บอกว่า น่าจะใช้แรงช้างชักลากไป เพราะบริเวณใกล้ๆวัดมีร่องลึกคู่ขนานกันไปคล้ายรางรถไฟ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นรอยช้างชักลากหินออกไปใช้งานริมชายแดนไทย-กัมพูชา นอกจากโบราณสถานอย่างปราสาทหินพนมรุ้ง ปราสาทหินเมืองต่ำ ปราสาทหินปลายบัดแล้ว ยังมีสถานที่และเรื่องราวผู้คนให้ศึกษามากมาย อาทิ ตลาดชายแดนช่องสายตะกู และแหล่งหินตัด วัดป่าลานหินตัด เป็นต้นบ่อนกับวัดแม้จะเดินคนละสาย ไปคนละทาง แต่ทั้งสองสถานที่คือแหล่งให้เรียนรู้ เพื่อความเข้าใจกิเลสในตัวคน.