งานเป่าแก้วรูปช้าง ที่ผลิตส่งคิงเพาเวอร์และขายดีมาก.“ไม่มีใครอยากเป็นคนพิการหรอกครับ...แต่เมื่อโชคชะตาทำให้ต้องกลายเป็นแบบนี้ ก็ต้องเข้มแข็ง ไม่ท้อถอยและสู้เพื่อมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อไป” นายภพต์ เทภาสิต วัย 48 ปี เกริ่นนำชีวิตตัวเองพร้อมเล่าถึงสาเหตุความพิการว่าเมื่อประมาณปี 2536 ช่วงนั้นกำลังอายุเข้าสู่ช่วงวัยเบญจเพสและทำงานอยู่ที่บริษัทอุตสาหกรรมสีทาเครื่องบินอยู่ที่ย่านจังหวัดสมุทรปราการ จำได้ว่าวันนั้นเลิกงานแล้วกำลังจะไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนร่วมงาน ได้ถูกรถยนต์คันหนึ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขับไป มีผู้นำส่งโรงพยาบาล อาการอยู่ในขั้นสาหัส แพทย์ปั๊มหัวใจถึง 11 ครั้ง และโชคดีรอดชีวิตมาได้ แป้งปั้นที่เคยทำขายแต่ไม่ประสบความสำเร็จ.จากอุบัติเหตุครั้งนั้นส่งผลให้กระดูกสันหลังหัก กล้ามเนื้อช่วงล่างไม่มี ความรู้สึกใดๆ ตอนนั้นหน้าที่การงานกำลังรุ่งเรือง ทำงานมีเงินเดือนและรายได้ พิเศษต่างๆ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาท เรียกว่าเป็นจำนวนมากอยู่ในสมัยนั้น แต่แล้วอนาคตก็ต้องหมดสิ้นลง ต้องออกจากงาน แถมยังกลายเป็นผู้พิการเดินไม่ได้ ภาพในอดีตที่นั่งขายแป้งปั้น.เมื่อกลายเป็นผู้พิการ แม้ในช่วงแรกนายภพต์จะทำใจไม่ได้จนเคยคิดฆ่าตัวตาย แต่ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งเข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมชีวิต และพยายามหาอะไรทำเพื่อเป็นรายได้เลี้ยงตัวเอง จึงไปสมัครอบรมฝึกอาชีพคนพิการ แล้วเรียนปั้นแป้ง ทำเป็นดอกกุหลาบขาย แม้จะลงทุนน้อยมีตัวเลขว่ากำไรมาก แต่ก็ขายไม่ได้ หรือบางครั้งก็ขายได้ก็แค่ชิ้นละ 10-20 บาท ซึ่งไม่สามารถสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้พอ หลังลองผิดลองถูกจนมาพบงานเป่าแก้ว.หลังมีการรวมตัวคนพิการเป็นกลุ่มเป็นก้อนกันขึ้นมาในชื่อ “สหกรณ์คนพิการ” และลองทำโน่นทำนี่ขายอยู่หลายอย่าง อาทิ ของเหลือใช้จากเกล็ดปลา ยาหม่อง ยาดม เทียนแฟนซี ทำไข่เค็ม กล้วยทอด ทำหลอด LCD ใส่ในเทียนเจลและกระเป๋าต่างๆ ภพต์หันมาเรียนเป่าแก้ว โดยเป่าตามไอเดียที่คิดขึ้นเองเป็นรูปต่างๆ ปรากฏว่ามาถูกทาง งานเป่าแก้วได้รับความสนใจและขายได้ จึงรวมตัวคนเป่าแก้วเข้าเป็นสมาชิกสหกรณ์ ผลิตงานเป่าแก้วขายต่อมา กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ กรุ๊ป มาเห็นผลงาน จึงเข้ามาให้การช่วยเหลือสนับสนุนสั่งชิ้นงานเป่าแก้วไปขายในดิวตี้ฟรี สำหรับขายลูกค้าต่างชาติ ทำให้ผู้พิการที่ยึดอาชีพเป่าแก้วมีรายได้มากพอที่จะเลี้ยงตัวเองและครอบครัว อีกทั้งสินค้าเป่าแก้วที่คิงเพาเวอร์นำไปขายก็กลายเป็นสินค้าขายดี มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกซื้อเป็นของฝากมากมาย เพราะถือเป็นงานแฮนด์เมดที่มาจากความสามารถจริงๆ ภพต์กับงานเป่าแก้วที่มาถูกทางช่วยให้มีรายได้เลี้ยงตัวเอง.เมื่อถามถึงคนเป่าแก้วในประเทศไทยมีจำนวนเท่าใด ภพต์บอกว่า ไม่น่าจะเกิน 200 คน สำหรับในกลุ่มของตนที่ผลิตงานเป่าแก้วส่งคิงเพาเวอร์ จะจัดทำตามออร์เดอร์เพื่อไม่ให้เกิดการเหลือจำหน่าย ได้นำความรู้ความสามารถมาผลิตงานนี้เพื่อให้มีต่อไปอย่างยั่งยืน และงานเป่าแก้วเป็นงานอิสระ ทำได้มากได้น้อยขึ้นอยู่กับความขยันของตัวเองนอกจากนี้งานผลิตงานเป่าแก้วส่งคิงเพาเวอร์ ยังช่วยต่อยอดงานของคนพิการในกลุ่ม โดยให้ผลิตกล่องผ้าไหม กล่องกระจกหรือตู้กระจกสำหรับใส่ชิ้นงานเป่าแก้ว โดยงานเป่าแก้วที่ขายดีที่สุดคือ การเป่าแก้วรูปช้างที่เป็นสัญลักษณ์ของไทย และงานเป่าแก้วสองชิ้นแรกที่ทำให้คิงเพาเวอร์ ได้เป่าเป็นรูปช้างแม่ลูกกับรูปม้าพยศ หนึ่งในงานเป่าแก้วที่วางขายที่คิงเพาเวอร์.สำหรับงานเป่าแก้วของนายภพต์และกลุ่มคนในสมาชิกกลุ่มเป่าแก้ว มีวางจำหน่ายที่คิงเพาเวอร์ สาขาศรีวารี ลาดกระบัง คิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ คิงเพาเวอร์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและคิงเพาเวอร์ดิวตี้ฟรีที่พัทยาและเป็นที่น่ายินดีว่ายอดงานเป่าแก้วที่ผ่านมาคิงเพาเวอร์สั่งไปแล้วประมาณ 8 พันชิ้น สร้างรายได้ ให้แก่สหกรณ์คนพิการเป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท“ต้องขอบคุณคิงเพาเวอร์เป็นอย่างมากที่ช่วยเหลือและสนับสนุนให้คนพิการให้มีงานมีเงินได้อย่างภาคภูมิใจ” นายภพต์ กล่าว แก้วเป่ารูปช้างสัญลักษณ์ไทยที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ.ด้าน น.ส.อารยา เปล่งขำ ผู้อำนวยการส่วนงาน จัดซื้อสินค้ากลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ กล่าวถึงงานเป่าแก้วว่า เป็นสินค้าที่ขายดีเป็นที่นิยมมากของชาวต่างชาติมักซื้อติดมือเป็นของฝาก เพราะเป็นงานฝีมือ มีความสวยงาม ความประณีตและสื่อถึงความเป็นไทย สินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่มีคุณค่าเพราะทำจากความตั้งใจของผู้ผลิตจริงๆ คิงเพาเวอร์จึงสนับสนุนนอกจากงานเป่าแก้วแล้วผลิตภัณฑ์งานของกลุ่มคนพิการในความดูแลของนายภพต์แล้ว ยังมีการทำเทียนเจล ทำหัวใจจิ๋ว กับงานบุดุนโลหะ ที่เป็นงานฝีมือมากๆ ปัจจุบันมีผู้พิการผลิตงานแนวนี้อยู่ 3 คน ซึ่งภพต์บอกว่าอยากให้คนช่วยสนับสนุนเพราะเป็นงานที่ดีมีคุณค่ามาก ภพต์ ผู้พิการที่หัวใจสู้ไม่ยอมแพ้.นายภพต์ กล่าวว่า อยากเห็นสังคมไทยช่วยเหลือดูแลผู้พิการให้มากกว่านี้ ไม่ต้องการให้เอาเปรียบกัน ผู้พิการบางคนมีความสามารถมี พรสวรรค์แต่ขาดคนสนับสนุนช่วยเหลือพร้อมกันนี้นายภพต์ยังให้กำลังใจผู้พิการด้วยว่าอย่าหมดหวัง อย่าท้อแท้ ขอให้ใจสู้และเห็นความสำคัญของชีวิตตนเองให้มากที่สุด เพื่อที่จะยืนหยัดอยู่บนโลกนี้ให้ได้“ผมยึดถือคติประจำใจ อยู่ดี อยู่ได้ อยู่รอด อยู่ทน และที่อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้เป็นเวลากว่า 20 ปี ทั้งที่ต้องกลายเป็นคนพิการ เพราะมีจิตใจสู้และมีความไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต ทำให้มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขในวันนี้ จึงอยากให้กำลังใจผู้พิการคนอื่นๆว่า อย่าท้อแท้ ขอให้สู้ ทุกคนจะฝ่าฟันชีวิตไปได้” นายภพต์ กล่าวทิ้งท้ายปัจจุบันนายภพต์ อาศัยอยู่ที่ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เป็นประธานสหกรณ์บริการผลิตภัณฑ์คนพิการไทย จำกัด ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารและผลิต ใครต้องการคำแนะนำหรือสนับสนุนผลิตภัณฑ์ สอบถามได้ที่ โทร.08–6908–8258.ฐิตาภา ทรงเผ่า