กระแสการกินเพื่อสุขภาพ ได้กลายมาเป็นเทรนด์ใหม่ของการใช้ชีวิตในยุคนี้ โดยเฉพาะการเลือกปฏิเสธอาหารประเภทที่ย่อยยาก เช่น เนื้อสัตว์ หรืออาหารปิ้งย่าง มาเป็นการกินผักและผลไม้แทน ที่นอกจากจะไม่เพิ่มน้ำหนักแล้วยังมีส่วนในการป้องกันโรคหลายชนิดได้อีกด้วยมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากที่สนับสนุนว่า การบริโภคผลไม้ที่นอกจากจะเป็นแหล่งรวมของวิตามิน เกลือแร่และใยอาหารแล้ว ผลไม้ยังเป็นแหล่งของสารพฤกษเคมีที่ช่วยชะลอความเสื่อมและป้องกันโรคเรื้อรังต่างๆได้มากมาย โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากอิทธิพลของอนุมูลอิสระที่มีผลต่อการทำลายระบบเซลล์ต่างๆในร่างกายผลไม้ที่ถือว่าเป็นสุดยอดของการต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดีมีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น พรุน ซึ่งมีปริมาณสารโพลีฟีนอลสูง และมีใยอาหารสูง ทั้งใยอาหารชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ มีฤทธิ์ระบายท้องและบำบัดอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี องุ่นแดง ซึ่งมีวิตามินและสารฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระอยู่สูง ทั้งยังมีสารอาหารสำคัญ คือ เรสเวอราทรอล (Resveratrol) ซึ่งช่วยยับยั้งการก่อตัวของสารอุดตันในหัวใจ ที่อาจช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ แคน– เบอร์รี่ ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซี ช่วยลดการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะของผู้หญิง ที่เป็นสาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นต้น และล่าสุด ทับทิม ได้กลายมาเป็นผลไม้ยอดฮิตอีกชนิดหนึ่งที่คนนิยมบริโภคกันมาก โดยเชื่อว่ามีผลดีต่อสุขภาพ โดยเป็นผลไม้ที่มีสารโพลีฟีนอล ซึ่งมีประโยชน์ในการรักษาโรคหัวใจได้ทับทิม (Pomegranate) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Punica granatum อยู่ในวงศ์ของ Lythracea มีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคเปอร์เซียและเทือก เขาหิมาลัยตะวันตก มีการปลูกกัน มากในอิหร่าน เมดิเตอร์เรเนียน แคลิฟอร์เนียและอีกหลายภูมิภาค จากการศึกษาพบว่า มีการใช้ ทับทิมเพื่อบำบัดโรคต่างๆ มานานหลายศตวรรษในบันทึกของอียิปต์โบราณบนกระดาษปาปิรุสอีเบอร์ (Papyrus Ebers) บันทึกไว้ว่า ชาวอียิปต์ใช้ทับทิมรักษาพยาธิตัวตืดและพยาธิอื่นๆ ตำราอายุรเวทของอินเดีย มีการใช้ทับทิมในการรักษาเบาหวานและพยาธิ รักษาโรคทางเดินอาหาร เช่น แผลร้อนใน ท้องร่วงและแผลในกระเพาะ ฯลฯด้วยสรรพคุณมากมายดังกล่าว ทำให้ทับทิมได้รับการขนานนามว่าเป็น “ซุปเปอร์ฟรุต” (Super fruit) ที่ได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก เนื่องจากมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญมากมาย เช่น วิตามินซี ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ วิตามินเอ ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์บุผิวและพัฒนาการของเซลล์ รวมทั้งช่วยลดการอักเสบของเซลล์ วิตามินอี ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของผิว นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยสารพฤกษเคมีต่างๆ ทั้ง แทนนิน ฟลาโวนอยด์, แอนโทไซยานิน, แคททีชิน, กรดเอลลาจิก และ เอลลาจิแทนนิน โดยเฉพาะ สารพูนิคาลาจิน, พูนิคาลิน และ กรดกัลลาจิก เป็นต้นการศึกษาด้านฤทธิ์ของสารสกัดจากทับทิมในการต้านขบวนการออกซิเดชัน ที่เกี่ยวกับการอักเสบและการต้านอนุมูลอิสระพบว่า สารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านขบวนการออกซิเดชั่นสูงกว่าใบชาเขียวถึง 3 เท่า ซึ่งเข้มข้นกว่าในกลุ่มน้ำผลไม้อื่นๆ เช่น ส้ม องุ่น แคนเบอร์รี่ ลูกแพร แอปเปิ้ล และยังมีฤทธิ์ต้านสารอนุมูลอิสระได้สูง โดยสามารถยับยั้งฤทธิ์ต้านขบวนการออกซิเดชั่นของไขมันชนิดแอลดีแอล ชนิด copper ion-induced LDL oxidation ได้ถึง 94% และฤทธิ์ต้านขบวนการเปอร์ออกซิเดชั่นของไขมัน (lipid peroxidation) ได้สูงถึง 38% สำหรับสาวๆที่อยากมีผิวพรรณอ่อนกว่าวัย มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ทับทิมมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ ที่นอกจากจะช่วยให้มีผิวอ่อนกว่าวัยแล้ว ยังป้องกันผิวจากการเสื่อมสภาพตามวัยจากรังสีอัลตราไวโอเลต ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้กับผิวส่วนผู้สูงอายุ การดื่มน้ำทับทิม จะช่วยรักษาโรคเรื้อรังรังต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน และไขมันในเลือดสูง ลำไส้อักเสบเรื้อรัง และยังสามารถยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิดได้ด้วยงานวิจัยของ Sharma, Mc Clees and Afaq ล่าสุดในปี 2017 ระบุว่า สารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ยับยั้งการเกิดเซลล์กลายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดเซลล์มะเร็งตามมา และช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ขณะที่งานวิจัยของ Sreeja et al ระบุว่า ทับทิมมีศักยภาพในการประยุกต์ใช้เป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ในการบำบัดทดแทนฮอร์โมน เนื่องจากมีความเข้มข้นของฮอร์โมนหญิงจากพืชสูงที่สุดปัจจุบันการดื่มน้ำทับทิมและการบริโภคผลไม้ชนิดนี้ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่า เป็นผลไม้ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยเฉพาะด้านหัวใจและหลอดเลือด จากสารโพลีฟีนอลที่มีฤทธิ์ต้านขบวนการออกซิเดชั่นที่เกี่ยวกับการอักเสบ ลดการสะสมไขมันในเซลล์เม็ดเลือดขาวและผนังหลอดเลือดหัวใจ และยับยั้งการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวแมคโครฟาจ ที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ ทำให้สามารถป้องกันและช่วยในการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้แต่แม้ว่าทับทิมจะมีสรรพคุณดีมากในเรื่องของโรคหัวใจ แต่ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ก็ยังคงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง รับประทานผักและผลไม้ รวมถึงอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้แจ่มใส เบิกบาน ไม่เครียด รวมถึงการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆเปลี่ยนก่อนป่วยย่อมดีกว่าป่วยแล้วรักษาแน่นอน...!!