ติ๊งต่าง...บ้านเมืองสงบราบรื่นชนะสงครามโควิดทุกสายพันธุ์เด็ดขาด หยุดสถิติการแพร่เชื้อไว้ได้ฉมังเหมือนฝัน โดยไม่ต้องปวดสมองสับสนกับเรื่องคุณสมบัติวัคซีนแต่ละแบรนด์
กระนั้น...ก็อย่าเพิ่งดีใจที่โกดังจะไม่ถูกแปลงเป็นบ่อนอีกครั้ง หรือ “อวชาตบุตร” มหาเศรษฐี จะเสกมนตร์เป่ากระหม่อมคนคว่ำคดีรถเฟอร์รารี่ไม่สำเร็จ?
นั่นก็เพราะ “มะเร็งสังคม” ยุคปัจจุบัน...ยังดื้อคีโมและเคมีบำบัด ตั้งแต่ขบวนการค้า “ยาเสพติด” ที่ปราบกันกี่ครั้งก็มักเกิดคลื่นลูกใหม่ซัดมาแทนที่ กับสนองตอบเหล่าทาสให้หาเสพกันได้สบายๆ จนเกิดภาพสังคมพิศวงหลอนคนชิงฆ่ากันตายหนักขึ้นทุกวัน
ซ้ำร้ายยังมีดราม่ามหากาพย์ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ที่ “แกง” คนไทยล่มจมมาไม่รู้กี่มากน้อย จากการใช้เล่ห์เพทุบายหลอกล้วงข้อมูล แล้วนำเข้าสู่กระบวนการออโตเมชัน...สามารถควบคุมคำสั่งการปล้นเงียบแบบอัตโนมัติผ่านระบบออนไลน์ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
ดราม่านี้ผู้สันทัดกรณียินดี “หงายการ์ด” พฤติกรรมแก๊งชั่วให้ฟังถึงกำเนิดที่เกิดขึ้นกับบ้านเรา หากย้อนไปเมื่อราว 3-4 ทศวรรษที่ผ่านมา...จากการศึกษาลักษณะนิสัยคนไทย ส่งผลให้โจรไซเบอร์รู้จุดอ่อนตรงชื่นชอบในสิ่งของกำนัล เป็น Incentive...จูงใจด้วยบำเหน็จรางวัลพิเศษ
...
“มนุษย์พวกนี้จึงออกแบบกลยุทธ์เชิงรุก สุ่มเลือกเหยื่อที่มองว่ามีศักยภาพ แล้วส่งสารแจ้ง...คุณคือผู้โชคดีที่ได้รับเกียรติผ่านการคัดเลือกให้ร่วมเดินทางไปทัวร์ต่างประเทศฟรี...ถ้าเหยื่อหลงเชื่อก็จะกลายเป็นปลาติดเบ็ดขบวนการโฉดนั้นทันที”
ต่อมา...จะเชิญเหยื่อทั้งข้องไปร่วมฟังก์ชันในโรงแรมใหญ่ เพื่อรับรู้เงื่อนไขกติกากับรางวัลที่รีวิวขึ้นมา...ผนวกวิธีโน้มน้าวให้สมัครเป็นสมาชิก เตรียมรับสิทธิ์เดินทางและพักโรงแรมชั้นนำ 5 ดาวทั่วโลก ในราคาที่ต่ำกว่า “ทัวร์ไฟไหม้”...แต่ก่อนอื่นต้องลงทะเบียนระบุข้อมูลส่วนตัว
โดยเฉพาะธุรกรรมที่ทำไว้กับสถาบันการเงิน พร้อมเงินค่าสมัครหลักหมื่นเป็นอย่างต่ำ
ประเด็นสำคัญมีว่า “เหยื่อ” นั้นหารู้ไม่ว่า...กำลังเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ จนเมื่อ “โป๊ะแตก” ถึงรู้ว่า...ถูกแกงทั้งเงินค่าสมัคร กับเงินในบัญชีที่ถูกปล้นเงียบ...ท้ายสุดต้องวิ่งโร่พึ่งใบบุญเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับได้บ้างไม่ได้บ้าง...ส่วนเงินนั้น “ชัวร์”...ว่าเป็นอ้อยเข้าปากช้างไปเรียบร้อยแล้ว
ช่างละม้ายคล้าย “ทัวร์เพื่อชาติ” ที่กำลังดับเครื่องชนกันสนั่นลั่นทุ่งเวลานี้
“แผนกลลวงใหม่ตามมา...เป็นการใช้โทรศัพท์เจาะตรงถึงเหยื่อ ซึ่งไม่รู้ไปได้เบอร์ส่วนบุคคลนั้นมาจากแหล่งใด แล้วอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร แจ้งเงินคืนภาษีที่เหยื่อกำลังจะได้รับ...แต่มีข้อแม้คือต้องยื่นคำร้องด่วนให้เสร็จภายในเย็นวันนี้ มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิ์”
เอาละสิ...กลเม็ดนี้ดูจะขลังกับคนใจจ่อรอเงิน ยิ่งถ้าแสดงอาการให้จับทางได้ โจรนิรนามจะรีบอาสาช่วยเหลือทันควัน โดยขอให้แจ้งเลขบัญชีธนาคารพร้อมรหัสบัตรเอทีเอ็มเพื่อเร่งดำเนินการให้ทันก่อนเย็นวันนั้น และถอนเงินได้ตามวันเวลาเดียวกัน งานนี้...นอกจากเงินคืนภาษีไม่มีปรากฏ
“เงิน” ใน “บัญชี” ที่มีอยู่ก็พลอยถูก “โจรกรรม” ไปอย่างเจ็บยิ่งกว่าเจ็บ
วิธีการเช่นที่เกิด...เคยมีคนรู้ทันย้อนถามโจร “ไม่มีงานทำรึไง? ถึงมาหากินแบบนี้” ก็ถูกโจรสาวย้อนเกร็ดตอบกลับ “ถ้ามีงานทำ แล้วจะมารับจ้างเสี่ยงคุกตะรางทำไม?”
เหตุอัปยศนี้...ขอโทษที ใช่ว่าจะตกอยู่กับกลุ่มผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ คนระดับอาจารย์มหาวิทยาลัยก็เคยถูกแกงสูญเงินหลักแสนถึงล้าน เป็นคดีความคาศาลกับธนาคารนานปีสองปีมาแล้ว...แต่ยังดีที่ตำรวจชุดปราบปรามอาชญากรทางเศรษฐกิจขยันบุกทลายแก๊งถึงรังไม่รู้กี่แห่ง
แต่ละแห่งสามารถรวบแกนนำจากจีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไต้หวัน ได้สำเร็จ พบว่ามีคนไทยเป็นมือตุ๋น กับทำตัวเป็นสุนัขรับใช้เปิดบัญชีธนาคาร เป็นช่องทางส่งเงินผ่านฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ ไปสู่จีน...และตำรวจไทยเคยประสานทางการจีนรวบแก๊งโฉดพวกนี้ได้ กระนั้นไม่วายมีตัวตายตัวแทนผุดมาเติมดราม่าเดิมๆ
...แต่นวัตกรรมออโตเมชันนั้นกลับกระชับฉับไวปลอดภัยขึ้น
ฝ่ายธนาคารไทยทุกยี่ห้อก็ร่วมเขียนเสือให้วัวกลัวด้วยคำเตือน “การเปิดบัญชีให้ผู้อื่นผิดกฎหมาย” โดยแก๊งโจรไม่ยี่หระที่จะติดเครื่องยนต์เดินต่อไป...แบบไม่กลัวลูกสูบสำลักติดขัด
พอถึงปลายปี 2562 กรณีบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เคยเป็นเป้าให้โจรนำมาแอบอ้าง ด้วยวิธีร่อนแบบสอบถามสมอ้างการอัปเดตข้อมูลจากผู้ใช้บริการ หยอดคำลวงผู้ตอบมีสิทธิ์ลุ้นรางวัล “สมาร์ทโฟนฟรี” ทำเอาหน่วยงานต้องรีบชิงปฏิเสธผ่านสื่อออนไลน์และออฟไลน์ว่า...ไม่จริง
แต่ช้าไป...มีผู้หลงกลก่อนหน้าจำนวนไม่น้อย และต้องสูญเสียทรัพย์ไปแบบคิดไม่ทัน
ล่าสุด...เมื่อเดือนมีนาคมปีนี้เองก็มีอีเมลอ้างเป็นบริษัท ไปรษณีย์ไทยฯ อีกครั้ง ไม่ปรากฏเมลผู้ส่ง และน่าฉงนสงสัยตรงที่ว่าไปหยิบเมลส่วนบุคคลนั้นมาจากที่ใด สารฉบับที่ว่านี้...ระบุย้ำเป็นประกาศครั้งสุดท้ายของพัสดุที่ส่งจากต่างประเทศ ซึ่งยังไม่ได้ชำระค่าภาษีศุลกากร 36.14 บาท จึงไม่อาจจัดส่งให้ได้
แต่หากผู้รับยืนยัน...ไปรษณีย์ไทยก็พร้อมจะดำเนินการให้ภายใน 8 วัน โดยต้องมอบข้อมูลส่วนตัวตามคลิกที่กำหนด เพื่ออำนวยความสะดวกให้...
นี่คือกลลวงรูปแบบใหม่ที่เหยื่อดูน่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งของจากต่างประเทศ...ใครหลงกล...แล้วถ้ายิ่งโลภมากๆ มีตัวเลขมากๆมาชวนให้ลุ่มหลงถลำตัวลงลึกแล้ว อารมณ์ก็อาจจะทำให้แทบสิ้นเนื้อประดาตัวได้เลยเช่นกัน
ยุทธการสุดแสนจะเลวร้ายนี้ สังเกตให้ดีๆ...เป้าใหญ่ที่ถูกแก๊งทรชนต่างชาติกับสุนัขรับใช้คือคนไทยประเภทที่จ้องฉวยโอกาส ได้แก่...องค์กรรัฐภาคบริการประชาชนต่อการดำรงชีวิต อย่างเช่นกรณีกลลวงเงินคืนภาษีสรรพากร หรือการสวมรอยบริษัท ไปรษณีย์ไทยฯ เพื่อหวังล้วงลูกไปแอบโอนเงิน
ทำให้เชื่อได้ว่า...“ดราม่า” บทต่อๆไปน่าจะถึงคิวหน่วยงานรัฐอื่นๆ อาทิ การไฟฟ้า ประปา รถไฟ สายการบิน ส่งออกสินค้าไทย ฯลฯ ที่ง่ายต่อการนำข้อระเบียบมาปรับเป็นโจทย์เพื่อการ “ต้มตุ๋น”...
แน่นอนว่าหากหน่วยงานใดขาดการตั้งรับ...บริหารความเสี่ยงป้องกันปัญหา คนที่รับกรรมอ่วมสุดคงไม่พ้นพ่อแม่พี่น้องคนไทย...จะถูกแจ็กพอตเข้าวันใด?
ยิ่งวันนี้...ออโตเมชัน คอลเซ็นเตอร์ (โจร) ได้แผ่พลังอานุภาพไปถึงขบวนการจอมปลอมชวนคนมาร่วมลงทุนค้าน้ำมัน แสร้งว่า...มีผลกำไรตอบแทนมหาศาล สุดท้าย...กลายเป็น “วิชามาร” ให้ผู้เสียหายสูญทั้งเงินลงทุนและกำไรที่หวังจะได้รับ
นับรวมไปถึง “บ่อนพนันออนไลน์” ก็เช่นกัน ที่ฉุดชีวิตคนไทยให้ตกต่ำย่ำแย่ แถมแก้ยากยิ่งกว่าลิงพันแห เพราะเกาะกุมจิตใจคนที่ถูกมอมเมาจนแทบถอนตัวไม่ขึ้น
เกิดเป็น “คนไทย” ยุคนี้สุดแสนจะสุ่มเสี่ยง โปรดระวัง...ดูแลตัวเองกันให้ดีๆก็แล้วกัน.