จากการใช้ข้อมูลดาวเทียมที่ไม่ได้จัดประเภทเมื่อเร็วๆนี้เป็นเวลา 20 ปี นักวิทยาศาสตร์คำนวณว่านับตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 เป็นต้นมา ธารน้ำแข็งบนภูเขา 220,000 แห่งของโลกสูญเสียน้ำแข็งและหิมะมากกว่า 328 พันล้านตันต่อปี ซึ่งนั่นเพียงพอที่น้ำจากการละลายจะไหลลงสู่มหาสมุทร จนระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านธารน้ำแข็งจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธรัฐสวิสในซูริก สวิตเซอร์แลนด์ และมหาวิทยาลัยตูลูสในฝรั่งเศส เผยว่า อัตราการละลายประจำปีตั้งแต่ปี พ.ศ.2558-2562 อยู่ที่ 78 พันล้านตันต่อปี พร้อมระบุว่าการสูญเสียน้ำแข็งครึ่งหนึ่งของโลกมาจากสหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดยเฉพาะอัตราการละลายของน้ำแข็งในอลาสกานั้นสูงที่สุดในโลก ทั้งนี้ การวิจัยยังพบว่าธารน้ำแข็งเกือบทั้งหมดของโลกละลายแม้กระทั่งในทิเบตที่เคยมีความเสถียร ยกเว้นเพียงไม่กี่แห่งในไอซ์แลนด์และสแกนดิเนเวีย
การละลายที่ใกล้เคียงกันสะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิทั่วโลก ซึ่งมาจากการเผาไหม้ของถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ ทีมวิจัยกังวล ว่าธารน้ำแข็งขนาดเล็กบางแห่งกำลังหายไปทั้งหมดด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้เป็นครั้งแรกที่ใช้ภาพถ่ายดาวเทียม 3 มิติ มาตรวจสอบธารน้ำแข็งทั้งหมดของโลกที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับแผ่นน้ำแข็งในกรีนแลนด์และแอนตาร์กติก และก็ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆว่าการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจะเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นเมื่อมนุษยชาติก้าวผ่านศตวรรษที่ 21.