ดร.ภก.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวในการแถลงข่าวคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ยาฉบับใหม่ ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งแก้ไขแทน พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ว่า ในร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวมีเนื้อหาในส่วนที่มีการเพิ่มเติมเข้าไป ซึ่งทางสภาเภสัชฯไม่รับทราบมาก่อนคือ ในมาตรา 24 (3) ที่ระบุว่า ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการตามมาตรา 23 (11) ต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม เว้นแต่การขายปลีกยาแผนปัจจุบันที่ไม่ใช่ยาที่จ่ายโดยเภสัชกร หรือยาตามใบสั่งยา ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการจะเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและผดุงครรภ์ หรือผู้ผ่านการอบรมโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็ได้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด การระบุเช่นนี้เป็นการเปิดช่องให้ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่หรือไม่
เพราะมองแล้วเหมือนเป็นร้านขายยาประเภท ขย.2 พันธุ์ใหม่ ดังนั้น ในวันที่ 16 ต.ค.นี้ สภาเภสัชฯจึงได้ส่งหนังสือคัดค้านไปถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและ สธ. หากยังไม่มีการถอนมาตรา 24 (3) ออกทางสภาเภสัชฯก็จะคัดค้านให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องประชาชนให้ได้รับยาดีมีคุณภาพ เพราะหากเกิดปัญหาเรื่องยาจากการได้รับยาในร้านขายยา สภาเภสัชฯสามารถลงโทษเภสัชฯได้ แต่หากความผิดพลาดเกิดจากการไปรับยาในร้านสะดวกซื้อ เราคงไม่สามารถไปจัดการได้
ด้าน ภก.วรวิทย์ กิตติวงศ์สุนทร อุปนายกสภาเภสัชกรรม กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ยาฉบับนี้มีความซับซ้อน และจริงๆในมาตรา 24 (3) ไม่จำเป็นที่จะต้องกำหนดเพิ่มเติมเข้าไป เพราะในส่วนของร้านขายยา ขย.2 ในร่างพ.ร.บ.ยามีการกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลอยู่แล้ว ซึ่งพอมีมาตรานี้ออกมาเหมือนเป็นการเปิดช่องให้ร้านสะดวกซื้อให้ขายโดยไม่ต้องมีเภสัชฯใช่หรือไม่.
...