‘ไก่อู’แจงเหตุไม่แถลง
“มีชัย” ย้ำจุดยืนเสียงแข็ง เก็บเงินค่าสมาชิกพรรคเพื่อความมีส่วนร่วม ชี้เจอของแปลกใหม่ว้าวุ่นใจเรื่องธรรมดา สั่งสอนเตือนสติชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า หยันพรรคการเมืองจ้องซิกแซ็กไม่ตรงไปตรงมา ฉุนข้อ ครหา กรธ.ชงเองกินเอง หวังเสียบตำแหน่งตุลาการศาล รธน. “วิษณุ” หนุนเก็บเงินสมาชิกพรรค ย้ำโรดแม็ปยังเหมือนเดิม “สมเจตน์” นั่งประธาน ก.ม.ลูกพรรคการเมือง เล็งส่งข้อสรุปเบื้องต้น 19 พ.ค. “นิพิฏฐ์” เหน็บเจ็บจุดธูปเชิญให้คนมาเป็นสมาชิกพรรคฟรีๆยังลำบาก เก็บ 100 บาทเจตนาฆ่าพรรค การเมือง “บิ๊กป้อม” ระบุซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ให้กองทัพเพื่อแสดงพลังอำนาจรักษาประโยชน์ชาติเผย ครม.เห็นชอบซื้อเรือดำนํ้าจีนแล้ว “ไก่อู” บอกเป็นเรื่องลับ ห้ามกระโตกกระตาก สปท.สรุปผลสอบ “ป๋าจอมเขก” แค่ว่ากล่าวตักเตือน
ส่อเค้าเป็นประเด็นทุ่มเถียงกันอีกพักใหญ่ สำหรับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค การเมือง เมื่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่นำโดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ย้ำจุดยืน เก็บเงินค่าสมาชิกพรรคการเมือง ขณะที่ฝ่ายการเมืองออกมาประสานเสียงคัดค้าน จึงต้องจับตาดูท่าทีคณะกรรมาธิการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่กำลังพิจารณาเรื่องดังกล่าว
“มีชัย” ย้ำจุดยืนเก็บค่าสมาชิกพรรค
เมื่อวันที่ 24 เม.ย. เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เกี่ยวกับการเก็บเงินค่าสมาชิกจากพรรคการเมืองว่า ขอย้ำว่าเป็นการทำให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของพรรคการเมือง เข้าใจดีว่าเวลามีอะไรใหม่เข้ามาคนมักจะกังวล แต่มนุษย์ถ้าไม่เดินก้าวไปข้างหน้า อยู่กับที่มันก็ไม่มีเหตุที่จะต้องเปลี่ยนรัฐธรรมนูญกัน การเปลี่ยนรัฐธรรมนูญก็เพื่อที่จะให้ก้าวไปข้างหน้าในสภาวะที่เหมาะสมกับประเทศไทย ในรัฐธรรมนูญนั้นมีกลไกที่กำหนดบทบาทของแต่ละฝ่ายเอาไว้ก่อน รัฐเองก็ถูกกำหนดหน้าที่เพิ่มขึ้นเพื่อทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข พรรค การเมืองก็ต้องขยับขึ้นมาให้เหมาะสมเช่นกัน แม้แต่ประชาชนทั่วไปไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่รัฐบาลก็ยังต้องเอาเงินส่วนที่เก็บภาษีจากประชาชนไปให้พรรคการเมืองอยู่ดี ดังนั้น ตนก็ไม่เข้าใจว่าขนาดประชาชนที่ไม่มีสิทธิสมัครเป็น ส.ส.ยังต้องจ่ายเงิน แล้วทำไมสมาชิกพรรคกลับถึงไม่ต้องจ่ายเงิน
...
หยันพรรคการเมืองจ้องซิกแซ็ก
นายมีชัยกล่าวว่า กรณีที่มีการพูดว่าการเก็บเงินค่าสมาชิกพรรคการเมืองปีละ 100 บาท จะทำให้เกิดการกลั่นแกล้ง ทำให้พรรคการเมืองหรือนายทุนพรรคจ่ายเงินค่าสมาชิกให้สมาชิกพรรคการเมืองนั้น สื่อให้เห็นว่าคนในแวดวงพรรคการเมืองไม่ตรงไปตรงมา เพราะถ้ามีความตรงไปตรงมาคงไม่มีใครทำอย่างนั้น และยิ่งถ้าไม่มีความตรงไปตรงมากฎหมาย ก็คงต้องเข้มงวดขึ้น ดังนั้น กรธ.จึงให้บทบาทคณะ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สูงขึ้น รัฐธรรมนูญใหม่ได้บอกเจตนาชัดเจนว่าคนมาทำหน้าที่ กกต.ต้องกล้าหาญ ไม่เกรงใจใคร ถ้าหากมองว่าการเก็บเงินสมาชิกพรรคการเมืองจะมีปัญหา เขาก็สามารถไปคิดอ่านกันได้ว่าจะทำอย่างไร จะเก็บเงินอย่างไร จะใช้วิธีอิเล็กทรอนิกส์เก็บเงินก็ได้ หรือถ้าคิดไม่ออก จริงๆไปถามนักคอมพิวเตอร์ ในอนาคตเวลาพรรค การเมืองมาชวนคนเข้ามาเป็นสมาชิก เขาก็สามารถอธิบายได้ว่าพรรคนี้เวลาจะจ่ายเงินจ่ายอย่างไร ส่วนข้อเสนอต่างๆจากนักการเมือง ก็แล้วแต่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะไปเป็นคนคิด ว่าจะแก้ไขตรงจุดไหนบ้างหรือไม่
ฉุนข้อครหา กรธ.ชงเองกินเอง
นายมีชัยยังกล่าวถึงข้อท้วงติงจากหลายฝ่ายเรื่องคุณสมบัติตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่าเอื้อให้กับ ผู้ที่เป็น กรธ.ในขณะนี้ว่า ใน กรธ.ส่วนใหญ่ไปดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ และในประเทศไทยก็มีคนระดับศาสตราจารย์อีกมากมายที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ได้ มองว่าคนที่ออกมาคิดแบบนี้ชีวิตนี้คงจะลำบาก มีแต่ความทุกข์ใส่ตัว ขณะนี้รัฐธรรมนูญใหม่มีผลบังคับใช้ไปแล้ว ไม่เข้าใจจะมาพูดอะไรกัน กรธ.ไม่สามารถเขียนกฎหมายลูกขึ้นมาเองได้ ต้องอิงตามรัฐธรรมนูญ เมื่อถามถึงข้อเสนอของนายกล้านรงค์ จันทิก สมาชิก สนช. ที่เสนอให้เขียนบทเฉพาะกาลในกฎหมายลูกให้ กกต. ชุดนี้ดำรงตำแหน่งไปก่อน นายมีชัยตอบว่า ถ้าเขียนได้แบบนั้นได้ก็ไม่ว่าอะไร ถ้าบอกว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญก็ไม่ขัด กรธ.คิดว่าเขียนร่างกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ แต่ สนช.อาจจะคิดคนละแบบเราต้องให้อิสระ ถ้าหากไม่ขัดรัฐธรรมนูญ กรธ.คงจะไม่ว่าอะไร
“วิษณุ” หนุนเก็บเงินสมาชิกพรรค
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีหลายฝ่ายเป็นห่วงการจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้งเสร็จไม่ทันตามกำหนดว่า จะมาห่วงอะไรเข้าสภาไปแล้ว 2 ฉบับและผ่านวาระ 1 ไปแล้ว มีเวลาพิจารณา ถึง 2 เดือน หากแก้ไขตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมพิจารณาอีก 1 เดือน เพราะฉะนั้น ยังมีเวลาส่วนร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองก็ไม่ได้ห่วงอะไร ที่ผ่านมาการพิจารณากฎหมายถูกโจมตีถูกถล่ม ฝ่ายที่เกี่ยวข้องชี้แจงจนเข้าใจเรื่องก็จบ บางฉบับโกลาหลมากกว่านี้ยังมีทางออกผ่านไปได้ และส่วนตัวเห็นด้วยการเก็บค่าสมาชิกพรรค แต่ไม่แน่ใจอัตราเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม เมื่อเราต้องการให้พรรคการเมืองเป็นของประชาชน การเสียเงินก็แสดงให้เห็นถึงประชาชนได้เป็นเจ้าของพรรคการเมืองด้วย และได้เขียนป้องกันไว้ด้วยว่าถ้าใครไปจ้างให้มาเป็นสมาชิกพรรคมีความผิด เพื่อได้สมาชิกที่สุจริต บริสุทธิ์ใจ
ยันโรดแม็ปยังเหมือนเดิม
นายวิษณุกล่าวว่า ส่วนการตั้งพรรคการเมืองเชื่อว่าไม่ยากอย่างที่ถูกวิจารณ์ การตั้งพรรคการเมืองต้องให้ยากกว่าการตั้งสมาคมหรือสหกรณ์ทั่วๆไป เพราะพรรคการเมืองเข้ามาทำงานระดับชาตินำไปสู่อุดมการณ์หรือตั้งรัฐบาล ที่ผ่านมาเคยมีบางพรรค การเมืองไม่มีสมาชิกเลยสักคนเดียวหรือไม่มีสมาชิกได้รับเลือกจากประชาชน แต่กลับได้รับเงินสนับสนุนมากกว่าพรรคที่มี ส.ส. ดังนั้นหากจะคิดว่าให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนพรรคการเมือง ควรเป็นการสมทบเท่ากัน คือได้จากสมาชิกพรรคและได้จากรัฐบาลด้วย เมื่อถามว่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ระบุการเลือกตั้งอาจเกิดขึ้นช้าสุดปลายปี 61 นายวิษณุตอบว่า ไม่ทราบ ในส่วนของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีพูดเสมอว่าเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เวลานี้ทุกอย่างยังเดินหน้าเหมือนเดิม ไม่ได้มีปัญหาอะไร กฎหมายลูกที่จำเป็นต่อการเลือกตั้ง 4 ฉบับจาก 10 ฉบับ ถือว่าเสร็จ 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว
เด้งเชือก กรธ.นั่งตุลาการ รธน.
นายวิษณุยังกล่าวถึงการพิจารณาการดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังจะวาระหมดลง ซึ่ง กรธ.ระบุคุณสมบัติในร่าง พ.ร.บ.ประกอบว่าด้วยวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ค่อนข้างหาคนเข้ามายาก จึงทำให้มองว่า กรธ.อาจจะเข้าเป็นเองว่า ไม่ทราบ เพราะ กรธ.ก็ไม่ใช่ว่าจะมีคุณสมบัติครบกันทุกคน และคนที่มีคุณสมบัติครบเขาอาจไม่เอาตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไร ไปตอบแทนเขาไม่ได้
“สมเจตน์” ปธ.กมธ.ก.ม.ลูกพรรคการเมือง
ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ได้ประชุมนัดแรก ที่ประชุมมีมติเลือก พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สนช. เป็นประธาน กมธ. ขณะที่นายศิระชัย โชติรัตน์ และ พล.อ.มารุต ปัชโชตะสิงห์ เป็นรองประธาน นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์เป็นโฆษก นอกจากนี้ยังได้แต่งตั้งตำแหน่งที่ปรึกษา กมธ. 7 คน ประกอบด้วย นายคำนูณ สิทธิสมาน ตัวแทน สปท. พล.อ.ไตรรัตน์ รังคะรัตน นางนิพัทธา อมรรัตนเมธา พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ นายสนิท อักษรแก้ว และนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ ตัวแทนจาก ครม. และนายอุดม รัฐอมฤต ตัวแทนจาก กรธ.
ส่งรายงานเบื้องต้นให้ สนช. 19 พ.ค.
พล.อ.สมเจตน์กล่าวว่า กรอบการทำงานหลังจากนี้เหลือระยะเวลาอีก 4 สัปดาห์ ก่อนจะถึงวันที่ 19 พ.ค. ซึ่งเป็นวันที่ สนช.วางแผนให้ กมธ.วิสามัญพิจารณากฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ ต้องสรุปภาพรวมการพิจารณากฎหมาย พร้อมแสดงความเห็นต่อ สนช.ระยะแรก ก่อนจะส่งรายงานการพิจารณาฉบับแล้วเสร็จในวันที่ 6 มิ.ย. ส่วนการเปิดรับฟังความเห็น เราพร้อมจะทำไปอย่างคู่ขนาน แต่ก็ต้องไม่กระทบกรอบเวลาปฏิบัติงานภายใน 45 วัน โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาทีละมาตรา แต่จะให้มีการรายงานความคืบหน้าผ่านการแถลงข่าวแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเลือก นายตวง อันทะไชย เป็นประธาน นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน และนายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นรองประธาน ส่วนโฆษก คือ พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์
“นิพิฏฐ์” ซัดจ้องกำจัดพรรคการเมือง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับกรณีเงินบริจาคสนับสนุนพรรคการเมืองในร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองใหม่ว่า “เร่เข้ามา ...แต่ต้องจ่ายคนละ 100 บาท” ร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมืองร่างขึ้นโดยมนุษย์ 2 ประเภท คือ 1.มนุษย์ที่บริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ไฝฝ้าราคีคาว อยู่บนหอคอยไม่เคยลงดินเรียกว่า เป็นพวกโลกสวย 2.มนุษย์ที่มีอคติกับนักการเมือง เหมือนจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง มนุษย์พวกนี้ส่วนหนึ่งเคยบริหารพรรคการเมืองมาแล้วแต่ล้มเหลว จึงมีอคติต่อพรรคการเมือง ทั้ง 2 ประเภทถูกอุปโลกน์ขึ้นมาให้จัดระเบียบสังคม วันดีคืนดีก็ห้ามคนนั่งท้ายรถกระบะ วันดีคืนดีมาบอกว่าพรรคการเมืองเป็นความชั่วร้ายที่แฝงอยู่ในสังคมต้องขจัดออกไป ต้องให้มีคนบริสุทธิ์ผุดผ่องเท่านั้น บอกว่าต่อไปนี้ใครสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองต้องจ่ายเงินให้พรรคปีละ 100 บาทไม่เช่นนั้นก็เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ได้ ท่ามกลางการถูกทำลายจากผู้ที่มาด้วยอำนาจพิเศษที่ก่นด่านักการเมืองและพรรคการเมืองอยู่ทุกวัน วันนี้แม้จะจุดธูปเชิญให้ใครมาเป็นสมาชิกพรรคการเมือง เขายังวิ่งหนีเลย จะขึ้นป้ายหน้าพรรคประกาศเชิญมาเป็นสมาชิกพรรค แต่ต้องจ่ายเงินให้พรรคคนละ 100 บาท ไม่เช่นนั้นหมดสิทธิ์เป็นสมาชิก ลองนึกดูว่าแต่ละพรรคจะเหลือสมาชิกกี่คน และสังคมที่ไม่มีพรรคการเมือง หรือสังคมที่คิดกำจัดพรรคการเมือง คือสังคมเผด็จการ ส่วนสังคมที่ส่งเสริมสนับสนุนพรรคการเมือง คือสังคมประชาธิปไตย เลือกกันเอาเอง
“วิลาศ” แจงสื่อคำสั่งไล่ออก “ธาริต”
วันเดียวกัน พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ส่งหนังสือชี้แจงผ่านทางกลุ่มไลน์ “สื่อทำเนียบ แจ้งวาระ” กรณีมีคำสั่งลงโทษไล่ออกนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี สังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีว่า เป็นการดำเนินการหลังประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหา ดำเนินการสั่งลงโทษไล่ออกหรือปลดออก โดยถือว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หลังคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงมีมติว่านายธาริตร่ำรวยผิดปกติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ และมีหนี้สินลดลงผิดปกติ รวมมูลค่า 346,652,588 บาท และเรื่องนี้ถือเป็นอำนาจของเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด จึงพิจารณามีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการเมื่อวันที่ 3 เม.ย.60
ป.ป.ช.ยันชงไล่ออกตามหน้าที่
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณี ป.ป.ช.แจ้งมติให้ผู้บังคับบัญชาของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงโทษไล่นายธาริตออกจากราชการกรณีร่ำรวยผิดปกติว่า ถือเป็นตัวอย่างที่ป้องปรามกรณีเจ้าหน้าที่รัฐไม่สุจริต ซึ่ง ป.ป.ช.ไต่สวนเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง ในประเด็นของนายธาริตนั้น ป.ป.ช.ยังได้ตรวจสอบกรณีร่ำรวยผิดปกติเพิ่มเติม พบว่าทรัพย์อื่นที่เกี่ยวข้องซุกซ่อนอยู่อีกจึงให้ไต่สวนเพิ่มเติม ไม่ใช่การไต่สวนซ้ำ แม้ ป.ป.ช.จะถูกนายธาริตฟ้องร้องอยู่ก็ไม่หวั่นไหว ยังทำหน้าที่ตรงไปตรงมา เรามุ่งมั่นทำงาน ว่าไปตามหลักฐาน ไม่กลั่นแกล้งใคร เมื่อมีมูล ชี้มูลและมีโทษถูกไล่ออกจากราชการ
“เชื่อว่ากรณีธาริตจะเป็นอุทาหรณ์เตือนข้าราชการที่ไม่สุจริต ให้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ เดี๋ยวนี้สังคมตื่นรู้ มีการแจ้งเบาะแสกันได้มากขึ้น มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาที่ ป.ป.ช.มากขึ้น ป.ป.ช.ต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ถ้าล่าช้า ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ คนก็ไม่เกรงกลัว ป.ป.ช. เสียงวิจารณ์ ป.ป.ช.สองมาตรฐาน ในยุคตนต้องไม่มี” พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า
ปิดประตูร้องอุทธรณ์คำสั่ง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งไล่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดร่ำรวยมากผิดปกติ โดยถือว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่นั้น ไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย เห็นแค่ข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ เมื่อถามว่า ตามระเบียบข้าราชการเมื่อมีคำสั่งไล่ออก นายธาริตสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ได้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า การไล่ออกมี 2 อย่าง คือไล่ออก เพราะมีการดำเนินการทางวินัยก็อุทธรณ์ไปที่ ก.พ.ค.ได้ อีกกรณีคือลงโทษทางวินัยตามที่ ป.ป.ช.ได้แจ้งมา ซึ่งกรณีนี้ไม่สามารถไปอุทธรณ์ที่ไหนต่อไปได้ ถือว่ายุติที่คำสั่ง ป.ป.ช.แล้ว ซึ่งตนไม่ทราบว่าในกรณีนายธาริตถูกลงโทษด้วยเรื่องใด แต่เข้าใจว่าลงโทษตามที่ ป.ป.ช.แจ้งความผิดมา
“พิชัย” ซัด “บิ๊กตู่” แก้ ศก.ผิดทิศทาง
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงมากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกว่าเศรษฐกิจดีขึ้น เพราะน่าจะเป็นความเข้าใจผิดจนถึงกับหลงทาง โดยผลสำรวจของโพลที่ปกติเชียร์รัฐบาลยังบอกว่าประชาชน 89.71 เปอร์เซ็นต์ มองปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาของรัฐบาลอันดับที่ 1 และหนำซ้ำ 76.61 เปอร์เซ็นต์ ยังมองรัฐบาลมีปัญหาทุจริตคอร์รัปชันเป็นอันดับสอง อีกผลสำรวจก็บอกว่าประชาชน 76.5 เปอร์เซ็นต์ ไม่ชอบรัฐบาลนี้เพราะเศรษฐกิจแย่ มิหนำซ้ำ พล.อ.ประยุทธ์ยังบอกว่าจะยึดประเทศจีนเป็นแบบอย่างของเศรษฐกิจไทย น่าจะเป็นความเข้าใจผิดอย่างรุนแรง เพราะประเทศจีนแม้จะมีเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก แต่มีประชากรมาก เมื่อเฉลี่ยแล้วจีนยังไม่ได้เป็นประเทศที่ประชาชนมีรายได้สูง อีกทั้งความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสูงมาก และโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศขนาดใหญ่อย่างจีนและประเทศเล็กอย่างไทยต่างกันมาก ถึงกระนั้นเศรษฐกิจของจีนก็ยังขยายตัวมากกว่าไทยมาก ก็ได้แต่หวังว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ได้หวังจะทำซุปเปอร์บอร์ดชาติตามยุทธศาสตร์ 20 ปีให้เป็นเหมือนโปลิตบูโรของจีนที่จะคุมทุกอย่าง เพราะจะสร้างปัญหาอย่างมาก และจะกลายเป็นการปกครองคนละระบอบไปแล้ว ไทยควรเลือกแบบอย่างจากประเทศพัฒนาแล้วและมีรายได้สูง มีขนาดโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ระบอบการปกครองคล้ายกับไทยน่าจะเหมาะสมกว่า เช่น ประเทศเยอรมนี อังกฤษ หรือเกาหลีใต้
“ปึ้ง” กระตุกสังคมชั่งใจเลือกผู้นำ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว. ต่างประเทศ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในช่วงปี 44-49 ที่ประเทศไทยมีเศรษฐกิจดีขึ้น รายได้ของประเทศดี ประชาชนมีรายได้ในครัวเรือนเพิ่มขึ้น และเราหลุดพ้นจากการนำประเทศไปจำนำหรือจำนองไว้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ก็เพราะรัฐบาลไทยในขณะนั้นมีผู้นำประเทศที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนที่สังคมโลกให้การยอมรับ และเป็นอดีตนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในทางธุรกิจ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล นักลงทุนต่างชาติให้การยอมรับในความรู้ความสามารถและเชื่อมั่นในแนวความคิดใหม่ๆที่จะมาบริหารนำพาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าได้ การเลือกผู้นำแบบไหนก็จะได้ผลลัพธ์แบบนั้น เช่น ผู้นำประเทศมีความรู้ความสามารถด้านการทหาร การป้องกันประเทศ ประชาชนก็จะต้องอยู่ในระเบียบวินัย หรือจะต้องมีการยึดถือแนวทางชีวิตแบบผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ภายใต้คำสั่งของผู้บังคับบัญชา ประเทศก็อาจจะมีอาวุธเพื่อมาไว้ใช้เพิ่มมากขึ้น จะมีการจัดระเบียบสังคมในรูปแบบต่างๆมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประชาชนจะต้องเข้าใจเรียนรู้และเลือกตัดสินใจอนาคตเอง ว่าจะต้องการให้บ้านเมืองไปในทิศทางใด
“บิ๊กป้อม” สั่งน้อมนำพระราโชวาท
เมื่อเวลา 12.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.คงชีพ ตันตระวานิช โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวผลการประชุมสภากลาโหม ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน โดยมี ผบ.เหล่าทัพและหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมเข้าร่วมว่า ว่า พล.อ.ประวิตรได้เน้นย้ำขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและ ผบ.เหล่าทัพ น้อมนำพระราโชวาทของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ที่ได้พระราชทานเนื่องในวันข้าราชการพลเรือน เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา นำไปถ่ายทอดให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับทราบ พร้อมทั้งน้อมนำเป็นหลักในการปฏิบัติงาน ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตรยังได้พูดถึงความขัดแย้งทางการเมืองและความเหลื่อมล้ำทางสังคม ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามทำทุกเรื่องเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ มุ่งเน้นให้สังคมเกิดความสงบเรียบร้อย จะเห็นได้ว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมารัฐบาลพยายามวางรากฐานของประเทศและสามารถขับเคลื่อนบริหารบ้านเมืองไปได้มาก
กำชับเอาใจใส่แสวงปรองดอง
พล.ต.คงชีพกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรระบุการที่จะมีความสงบเรียบร้อยได้ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม โดยความปรองดองของคนในชาติเป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่ง การเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดองมีความก้าวหน้าไปมาก ประชาชนทุกภาคส่วนให้การตอบรับ ขอให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพสนับสนุนการดำเนินการการสร้างความปรองดอง ประสานงานอย่างใกล้ชิด ขณะนี้อยู่ในระหว่างการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ทั้งส่วนกลางและระดับพื้นที่ซึ่งทำเสร็จไปแล้วในขั้นต้น และจะต้องประชุมกลุ่มย่อยเพื่อให้ทุกพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง หรือทุกภาคส่วนมาตรวจสอบข้อมูลข้อคิดเห็นที่เคยเสนอไว้ จะดำเนินการในพื้นที่ส่วนกลางในวันที่ 26 เม.ย.นี้ ในส่วนของภูมิภาคได้มอบให้กองทัพภาครับผิดชอบจัด 2-3 ครั้ง โดยเป็นกลุ่มจังหวัด จังหวัดละ 49 จังหวัด ทำต่อเนื่องกันแล้วจะแล้วเสร็จภายในต้นสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค.
ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์คงศักยภาพ
พล.ต.คงชีพเปิดเผยด้วยว่า พล.อ.ประวิตรได้เน้นย้ำในเรื่องการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่รัฐบาลพิจารณาถึงความจำเป็นและความเหมาะสม ไม่จำกัดเฉพาะประเทศใด แต่ครอบคลุมผลประโยชน์ที่ได้รับในราคาที่สมเหตุสมผล โปร่งใส เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางทะเล และใช้เป็นพลังอำนาจทางทหารเพื่อต่อรอง เพื่อผลประโยชน์ของชาติในภาพรวม นอกจากนี้ ยังขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพให้ความสำคัญงานวิจัยที่มุ่งสู่การผลิตและการใช้งานจริง เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศซึ่งเป็นหนึ่งในงานปฏิรูปกองทัพ ซึ่งขณะนี้มีความก้าวหน้าตามลำดับ เช่น การจัดทำร่าง พ.ร.บ.สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ การจัดตั้งโรงงานซ่อมสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่อยู่ระหว่างการหารือกับสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศอื่นๆ จะได้ข้อสรุปภายในเดือน ก.ค.นี้ รวมทั้งการเพิ่มขีดความสามารถของโรงงานในการผลิตยางรถยนต์ ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี
ครม.เห็นชอบซื้อเรือดำน้ำจีนแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ หยวน คลาส เอส 26 ที (Yuan ClassS26T) จากประเทศจีนจำนวน 1 ลำ จำนวน 13,500 ล้านบาท ได้ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ไปแล้ว เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นผู้นำโครงการดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ครม.หลังเดินทางกลับจากต่างประเทศ และเมื่อ ครม.ได้อนุมัติแล้ว พล.อ.ประวิตรได้นำโครงการดังกล่าวตีกลับไปยังกองทัพเรือ เพื่อให้พิจารณาระเบียบวาระในการเซ็นสัญญาการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน โดยมี พล.ร.อ. ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทยจะเดินทางไปเยือนจีนเพื่อเซ็นสัญญาซื้อขายแบบจีทูจีในเร็วๆนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ พล.อ.ประวิตรจะนำโครงการดังกล่าวเข้าที่ประชุม ครม. ทางสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีนได้สอบถามความคืบหน้าการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือไทย เนื่องจากทางจีนเตรียมจะต่อเรือดำน้ำชนิดเดียวกับที่ขายให้ไทยไว้ใช้เองด้วย
ไม่แถลงข่าวเพราะเป็นความลับ
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 18 เม.ย. อนุมัติโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำตามที่ กองทัพเรือเสนอ ไม่มีอะไรลับลมคมใน เป็นการจัดซื้อเรือดำน้ำหยวนคลาส เอส 26 ที จากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 1 ลำ วงเงิน 13,500 ล้านบาท โดยจัดซื้อเป็นงบผูกพันทยอยจ่ายไม่ได้จ่ายเงินครั้งเดียว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้องจากกระทรวงกลาโหม ชี้แจงในที่ประชุมว่ามีความจำเป็นต้องจัดซื้อ ตามยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ กองทัพเรือประเมินจากภัยคุกคามของประเทศที่มีอาณาเขตติดกับไทย ความมั่นคงทางทะเลเพื่อการป้องกันภัยคุกคามที่มีศักยภาพเหนือกว่า ซึ่งวันหน้าไม่มีอะไรแน่นอน ส่วนที่ไม่แถลงข่าวนั้นเนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นชั้นความลับที่สุด
สปท.จวก “ป๋า” ควรมีจริยธรรมสูง
วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภามีการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่มี นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท.คนที่ 1 เป็นประธาน ทำการประชุมลับพิจารณาผลสอบของคณะกรรมาธิการจริยธรรม สปท. กรณีนายอนุสร จิรพงศ์ สมาชิก สปท.ทำร้ายร่างกายบาร์เทนเดอร์ เพราะไม่พอใจถูกเรียก “ป๋า” จะเข้าข่ายการกระทำหรือมีพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ ว่าประมวลจริยธรรมของ สนช. และกรรมาธิการ พ.ศ.2558 ข้อ 32 ประกอบข้อบังคับ สปท. พ.ศ. 2558 ข้อ 102 หรือไม่ โดยใช้เวลาอภิปรายถกเถียงหาข้อสรุปกว่า 4 ชั่วโมง เนื่องจากสมาชิกเสียงแตกออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มทหาร ตำรวจ นักกฎหมาย ทนายความ มองว่าความผิดไม่ร้ายแรง นายอนุสรไปเขกหัวใครไม่เป็นไรจ่ายค่าปรับไปแล้วถือว่าคดีจบ แต่อีกกลุ่มเห็นแย้งว่าถึงจะจ่ายค่าปรับตามกฎหมายแล้ว แต่ สปท.คือผู้มีเกียรติ ควรมีมาตรฐานจริยธรรมสูงกว่าคนทั่วไป ถูกคัดเลือกมาแล้วก็ควรเป็นแบบอย่างให้กับประชาชน อย่าให้ถูกประณามได้ว่ามีพฤติกรรมไม่ต่างจากสภาผู้แทนราษฎร ควรควบคุมอารมณ์ในที่สาธารณะให้มากกว่านี้ ไม่ควรทำให้สภาฯแห่งนี้ตกต่ำ
มวยล้มแต่ตักเตือน “มือมะเหงก”
เมื่อแสดงความเห็นเสร็จสิ้น ที่ประชุมได้ลงมติแบ่งเป็น 4 มติ คือมติที่ 1 ฝ่าฝืน ด้วยคะแนน 124 ต่อ 22 งดออกเสียง 22 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง มติที่ 2 ร้ายแรง เห็นด้วย 54 ไม่เห็นด้วย 93 งดออกเสียง 14 มติที่ 3 ให้ประณาม เห็นด้วย 29 ไม่เห็นด้วย 104 งดออกเสียง 17 ไม่ลงคะแนน 9 เสียง และมติที่ 4 ให้ว่ากล่าวตักเตือน เห็นด้วย 107 ไม่เห็นด้วย 38 งดออกเสียง 14 ไม่ลง 2 คะแนน จึงทำให้ที่ประชุมมีมติเพียงให้กล่าวตักเตือนนายอนุสรเท่านั้น ต่อมาเวลา 15.40 น. นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกวิป สปท. แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้พิจารณารายงานเรื่องดังกล่าวจากคณะ กมธ.จริยธรรม สปท.มีมติว่า การกระทำของนายอนุสรฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมและข้อบังคับการประชุม สปท.ข้อที่ 102 โดยเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่าไม่ร้ายแรง และมีมติให้ว่ากล่าวตักเตือนเพียงเท่านั้น
“บิ๊กตู่” นำคณะเยือนบาห์เรน
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 เม.ย. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พร้อมคณะประกอบด้วย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ออกเดินทางไปเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ถึงท่าอากาศยานนานาชาติกรุงมานามาเวลา 17.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 3 ชั่วโมง) ก่อนออกเดินทาง พล.อ.ประยุทธ์ เดินผ่านกลุ่มผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวไปอย่างไม่สนใจและไม่ทักทายใดๆ ทั้งนี้ วันที่ 25 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จะหารือข้อราชการกับเจ้าชายคอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ที่พระราชวัง อัล กูไดไบยา (Al Gudaibiya) จากนั้นจะเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีฮามัด บิน อิซา อัล คอลิฟะห์ แห่งราชอาณาจักรบาห์เรน และจะเดินทางกลับถึงประเทศไทยในเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 26 เม.ย.
ป.ป.ช.จ่อฟันบิ๊กกรมศุลฯภาษีรถหรู
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ป.ป.ช.ถึงความคืบหน้าการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการเลี่ยงภาษีการนำเข้ารถยนต์หรู ที่มีการกล่าวหาอดีตผู้บริหารระดับสูงของกรมศุลกากรและเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะสรุป สำนวนได้ในเดือน ก.ย.นี้ ตามที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ระบุว่า ในเดือน ก.ย. จะมีคดีใหญ่ 1 คดีที่จะสรุปผลการสอบสวนได้ โดยคดีดังกล่าวคณะอนุกรรมการไต่สวนฯได้เอกสารหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์แล้วว่ามีอดีตอธิบดีกรมศุลกากรใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์อิสระเพื่อแลกกับการไม่จับกุมดำเนินคดี กรณีหลีกเลี่ยงภาษีด้วยการสำแดง ราคารถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้เกิดมูลค่าความเสียหายแก่ราชการจำนวนมาก เพราะการสำแดงราคารถยนต์ที่นำเข้าต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้ผู้นำเข้ารถยนต์เสียภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมน้อยกว่าที่ต้องชำระ
“บิ๊กเจี๊ยบ” เซ็นปรับผู้พัน 260 นาย
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ลงนามในคำสั่งกองทัพบกที่ 223/ 2560 เรื่องให้นายทหารรับราชการและปรับระดับเงินเดือน จำนวน 260 นาย ส่วนใหญ่เป็นการขยับ นายทหารตำแหน่งระดับผู้บังคับกองพัน ยศ พ.อ.และ พ.ท. ทั้งในส่วนของทหารราบ ทหารม้า ทหาร ปืนใหญ่ ทหารช่าง ทหารสื่อสาร และทหารสายรบพิเศษ มีผลตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.เป็นต้นไป มีตำแหน่งที่น่าสนใจ อาทิ พ.อ.อนุสรณ์ สิทธิสกุลรัตน์ เสนาธิการกรมรบพิเศษที่ 3 ขยับขึ้นเป็นรองผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 3 พ.อ.อินทนนท์ รัตนกาฬ หรือ เสธ.เอิร์ธ ผู้บังคับกองพันปฏิบัติการพิเศษ หรือหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ 90 (ฉก.90) แกนนำนักเรียนโรงเรียนเตรียม ทหารรุ่นที่ 31 ถือเป็นนายทหารมือดีดาวรุ่งสายรบพิเศษ และเคยเป็นนายทหารคนสนิทของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ขยับขึ้นเป็นเสนาธิการกรมรบพิเศษที่ 3 ด้าน พ.อ.กัมพล เทียนทองดี หรือ เสธ.กั้ม รองผู้บังคับการกรมปฏิบัติการพิเศษ นักเรียนโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 38 ขยับขึ้นเป็นผู้บังคับกองพันจู่โจมคนใหม่
“เต้น” ทอล์กโชว์หาทุนช่วยเด็ก
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า จากการที่ตนดำเนินโครงการด้วยรักและแบ่งปัน รับบริจาคเงินจากบุคคลทั่วไปเพื่อมอบเป็นทุนการศึกษา ให้นักเรียนที่ขาดแคลนทุน ทุนละ 5,000 บาท ตั้งแต่ เม.ย.59 จนถึงขณะนี้โอนทุนการศึกษาไปแล้ว 655 ทุน แต่ยังมีจดหมายขอทุนมาอีกมาก ดังนั้น ตนจะจัดงานระดมทุนในวันที่ 28 พ.ค. ที่หอประชุมกองทัพอากาศ ดอนเมือง โดยมีการแสดงดนตรีโดย เสก โลโซ ฮาร์ต-สุทธิพงษ์ ทัดพิทักษ์กุล และการทอล์กโชว์โดยตน โดยการทอล์กโชว์ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีที่ตนจะทอล์กโชว์โดยไม่มีเรื่องการเมือง แต่จะพูดเรื่องทั่วไปที่อยู่ในความสนใจของสังคม
ให้ประกัน 6 นักศึกษาละเมิดศาล
ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มนักศึกษาที่เคลื่อนไหวทางการเมือง และกลุ่มดาวดิน 6 คน ประกอบด้วย 1.นายอภิวัฒน์ สุนทรารักษ์ 2.นายพายุ บุญโสภณ 3.นายภาณุพงษ์ ศรีธนานุวัฒน์ 4.น.ส.จุฑามาศ ศรีหัตถผดุงกิจ 5.นายฉัตรมงคล เจนเชี่ยวชาญ 6.นายณรงคฤทธิ์ อุปจันทร์ เข้ารายงานตัวตามหมายเรียกของศาลจังหวัดขอนแก่นฐานละเมิดอำนาจศาล เนื่องจากประพฤติตนไม่เรียบร้อยบริเวณศาล โดยมีกลุ่มนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) มาให้กำลังใจ ส่วนนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ที่ถูกหมายเรียกด้วยได้ขอเลื่อนเพราะติดสอบ โดยทั้ง 6 คนให้การปฏิเสธและยื่นขอประกันตัวไปด้วยวงเงินคนละ 50,000 บาท โดยมีอาจารย์ 2 คน ใช้ตำแหน่งยื่นขอประกันแทน ศาลพิจารณาและอนุญาต ปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ และนัดไต่สวน อีกครั้งในวันที่ 31 พ.ค.
ราชกิจประกาศวันสำคัญของชาติ
วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดวันสำคัญของชาติไทย ด้วยรัฐบาลพิจารณาเห็นว่าวันที่ 28 ก.ค. ของทุกปี เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และวันที่ 13 ต.ค. ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งมีความสำคัญยิ่ง สมควรให้ประชาชนได้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของทั้ง 2 พระองค์ จึงได้นําความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระราชานุญาตให้กำหนดวันสำคัญทั้ง 2 วันดังกล่าวเป็นวันสำคัญของชาติไทยต่อไป ซึ่งความทราบฝ่า ละอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระราชานุญาต และในวันที่ 13 ต.ค. โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มี พระราชพิธีเหมือนวันที่ 23 ต.ค. ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. พ.ศ.2560
28 ก.ค.และ 13 ต.ค.เป็นวันหยุด
พร้อมกันนี้ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดเวลาทำงานและวันหยุดราชการ (ฉบับที่ 23) พ.ศ.2560 ด้วยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 11 เม.ย. เห็นชอบ 1.ให้วันที่ 28 ก.ค. และวันที่ 13 ต.ค. เป็นวันหยุดราชการประจำปี เนื่องจากเป็นวันสำคัญของชาติไทย โดยวันที่ 28 ก.ค. ของทุกปี เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และวันที่ 13 ต.ค. ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร 2.ให้ยกเลิกวันหยุดราชการ วันที่ 5 พ.ค. วันฉัตรมงคล ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป