โจทย์เร่งด่วนเฉพาะหน้า ตีคู่มากับการแก้เกมกระดานการเมืองอาการนั่งไม่ติดของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โผล่ไปร่วมซีนวงประชุมทีมไทยแลนด์ที่บ้านพิษณุโลก ร่วมกับ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ ร่วมวางแนวทางรับมือมาตรการภาษีการค้าสหรัฐอเมริกาเตรียมยื่นเงื่อนไขรอบใหม่ ล่าสุดล่อใจโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลดการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทย 36% ให้ทันก่อนเส้นตายที่จะมีผลบังคับใช้ วันที่ 1 ส.ค.2568อย่างน้อยก็ต้องต่อรองให้ลดเหลือ 20% เท่ากับการเก็บภาษีกับเวียดนาม อยู่ในเรตพอฟัดพอเหวี่ยงที่ประเทศไทยสามารถสู้กับคู่แข่งการค้าสำคัญในอาเซียนได้ ป้องกันการเสียเปรียบถูกแย่งตลาดในอนาคตขณะที่อีกทางก็ต้องวางแนวทางตั้งรับ เยียวยาภาคการส่งออก ทั้งอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจดูแลผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบวิกฤติภาษี “ทรัมป์” การหาตลาดส่งออกใหม่เพิ่มเติมไฟต์สำคัญการเปิดดีลเจรจา เอาใจผู้นำมะกันสารพัด เพื่อต่อรองลดการถูกโขกภาษีให้ได้มากที่สุด ปกป้องภาคธุรกิจส่งออกไทยให้เดินหน้าต่อไปได้ภารกิจเดิมพันอนาคตเศรษฐกิจไทย หากผลการเจรจาล้มเหลว ภาคส่งออกไทยลงไปอยู่ก้นเหวแน่ซ้ำเติมเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ จากเดิมที่ติดๆดับๆอยู่แล้ว อาจต้องจอดตาย เพราะต้นทุนการส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯแพงขึ้น ไม่สามารถสู้กับคู่แข่งรายอื่นๆได้ กระทบการลงทุนจากต่างประเทศหดหาย ไม่มีใครกล้ามาลงทุนล้มเป็นโดมิโนไปสู่ภาคอุตสาหกรรม ต้องเลิกจ้างแรงงานจำนวนมากทิศทางเศรษฐกิจประเทศขมุกขมัว ต้องลุ้นผลเจรจาการค้าไทย–สหรัฐฯรอบใหม่ ยังไม่รู้จะถูกชุบชีวิต หรือถอดเครื่องช่วยหายใจอาการน่าเป็นห่วง ไม่ต่างจากภาวะการเมืองที่กำลังถูกหลายปัจจัยล้อมกรอบ บีบเข้าสู่ซอยตันสถานการณ์ที่พรรคเพื่อไทยตกที่นั่งลำบาก “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักงาน ติดชนักคดีถอดถอน กรณีคลิปสนทนา สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาติดบ่วงนิติสงคราม เสี่ยงโดนลากเข้าเกมเปลี่ยนผู้นำ แต่ต้องดิ้นรนหาทางรอด ยื้อสู้จนวินาทีสุดท้าย แม้สภาพจะสะบักสะบอม ถูกนับ 8 ล้มกลิ้งล้มหงาย แต่ไม่มีถอดใจโยนผ้ายอมแพ้ระหว่างทางแน่ระดับที่ “ทักษิณ” ออกโรงยืนกรานหนักแน่น ประเทศไทยยังไม่ถึงทางตัน เปิด 3 ออปชันทางออกการเมืองไทยทางแรก “นายกฯลูกสาว” หลุดบ่วงนิติสงครามกลับมาทำหน้าที่ต่อ ทางที่สอง เข็น “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกฯคนสุดท้ายพรรคเพื่อไทย เป็นผู้นำ และทางเลือกสุดท้าย ยุบสภาไปเลือกตั้งใหม่นายใหญ่เลิกแกล้งตาย ออกมาเทกแอ็กชันบัญชาเกมการเมืองอีกครั้ง ส่งสัญญาณสู้ ไม่มียกอำนาจไปยัดใส่มือใครง่ายๆ ถ้าวนลูปอยู่ในมือพรรคเพื่อไทยไม่ได้ ก็ไปวัดดวงหย่อนบัตรเลือกตั้งกันใหม่อย่างน้อยก็ต้องยื้อสุดทางลาก แม้แนวโน้มไปต่อลำบากขึ้น ทั้งความเชื่อมั่นตัวผู้นำลดวูบ กระแสพรรคตก สมาชิกเพื่อไทยดิ้นรนออกไปหาสังกัดใหม่ไม่ต่างจากฟากนิติบัญญัติก็สภาพป้อแป้ เปิดประชุมสภา 2 สัปดาห์ ต้องชิงปิดประชุมดื้อๆ หนีสภาล่มตลอดสะท้อนชัด เสถียรภาพรัฐบาลง่อนแง่น เสียง สส.ไม่เป็นปึกแผ่น ที่เห็นชัดๆคือ ผลโหวตการถอนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร มีเสียงเห็นชอบแค่ 253 เสียง เกินองค์ประชุม 246 เสียง มาแค่ 7 แต้มเสียงหน้างานผ่านใจหายใจคว่ำ ไม่ตรงปกอย่างที่โม้ตอนปรับ ครม.ใหม่ จะมีเสียง สส.ฝ่ายรัฐบาลทะลุ 260 คนกว่าจะลากไปถึงการพิจารณาลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระ 2-3 เดือน ก.ย.ยังไม่รู้จะต้องเล่นเกมชิงปิดประชุมสภาอีกกี่รอบกลไกนิติบัญญัติกะปลกกะเปลี้ยเพลียแรง ไม่สามารถคุมเกมในสภาให้ผ่านกฎหมายได้อย่างราบรื่น ต้องลุ้นนับองค์ประชุมตลอด และคอยระแวง สส.รัฐบาลออกลูกงอแงหิวกล้วย ช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มสารพัดวิกฤติกระหน่ำรัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์” ทั้งการบริหารอำนาจ การบริหารราชการแผ่นดิน นิติสงคราม การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง บีบให้จนกระดานไฟต์บังคับกดดัน “ทักษิณ” ต้องฮึดเล่นบท ส.ท.ร.เต็มตัว กระเตง “นายกฯลูกสาว” ฝ่าวิกฤติที่กำลังล้อมกรอบ ยอมเสี่ยงร่วมบัญชาเกมการทำงานรัฐบาลแบบออกหน้าออกตาชัดเจนขึ้นกระโจนเข้ามามีบทบาทการร่วมฟื้นเศรษฐกิจ การบริหารจัดการอำนาจรัฐบาล คุมเกมการเมืองและนโยบายรัฐบาลไม่ยอมจำนนถูกต้อนเข้าสู่ทางตันตามเกมเดิมพันอำนาจที่จะปล่อยให้โดนล้มกระดานไม่ได้แม้จะถูกวิกฤติล้อมกรอบ แต่ก็ต้องยื้อสุดลิ่มดิ้นหนีซอยตัน.ทีมข่าวการเมือง รายงานคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม