น้ำขึ้นให้รีบตักฉันใดก็ฉันนั้น...ไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมพรรคประชาชนจึงกุลีกุจอที่จะเสนอให้มีนายกรัฐมนตรีชั่วคราว โดยพุ่งเป้าไปที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยแม้ทำท่ากระมิดกระเมี้ยนอยู่บ้าง เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้ตัดสินว่า “แพทองธาร ชินวัตร” ต้องพ้นจากตำแหน่งแต่รูปการณ์แล้วทิศทางมันไปอย่างนั้นจนรับรู้กันไปทั้งองคาพยพทางการเมืองแล้ว“เพื่อไทย” นั้นอ่านหมากเกมนี้ออกจึงตั้งป้อมคัดค้านเต็มที่แถมยังเย้ยเยาะถากถางว่า ไม่มีทางเป็นไปได้มั่นใจว่าไม่มีทางตั้งนายกรัฐมนตรีแข่งกับ “เพื่อไทย” ได้ เพราะนอกจาก “แพทองธาร” ยังได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปหรือถ้ามีอันเป็นไปก็มี “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตของพรรคอีกคนก็เป็นอีกเกมหนึ่งทางการเมือง“ประชาชน” นั้นรู้สึกว่าตัวเองกำลังเฟื่องฟู เนื่องจากผลโพลล่าสุด “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรค และคะแนนนิยมพรรคมาอันดับ 1 ควบคู่กัน!“ยุบสภา” เร็วเท่าใดก็มีความได้เปรียบทุกพรรคนั่นแหละจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เดินไปสู่จุดนั้นเร็วที่สุดการเลือก “อนุทิน” น่าจะเป็นหนทางที่ง่ายและมีความเป็นไปได้มากที่สุด จึงแอบคุยจับมือกัน โดยพร้อมจะหนุนให้ “เสี่ยหนู” เป็นนายกรัฐมนตรี (ชั่วคราว)โดยมีเงื่อนไข 7 ข้อให้ปฏิบัติ!ว่าไปแล้วเงื่อนไขดังกล่าวนั้นก็ไม่มีอะไรพิเศษ เพราะแต่ละเรื่องล้วนเป็นเรื่องเก่า อีกทั้งในช่วงเวลาสั้นๆนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จเพียงแต่แสดงให้ประชาชนเห็นว่า “ประชาชน” ยังมีจุดยืนคงเดิม เรียกคะแนนนิยมเท่านั้น หรือบางเรื่องก็รู้อยู่แล้วว่า มันผ่านไปไม่ได้ก็เลยให้รัฐบาลถอนออกไปอย่างกฎหมาย “กาสิโน” เพราะถ้ายังผลักดันต่อในท่ามกลางเสียงคัดค้านอาจทำให้การเมืองพลิกผันเป็นอย่างอื่นได้!“ภูมิใจไทย” ก็อ่านเกมออกและต้องการยุบสภาอยู่แล้วพูดง่ายๆว่าความต้องการตรงกันอยู่แล้ว อีกทั้งต้องการที่จะสอนบทเรียน “เพื่อไทย” ด้วยนอกจากนั้น “ประชาชน” พยายามจะบอกว่าให้การเมืองเดินไปตามระบบ ไม่ต้องการให้นอกระบบเข้ามาอีกอย่างหนึ่งก็คือต้องไม่ให้ “บิ๊กตู่” ที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตพรรครวมไทยสร้างชาติได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกพูดง่ายๆว่าแผนนี้สามารถกันท่าได้รอบทิศ142 เสียงที่พร้อมจะยกมือหนุนให้ “อนุทิน” เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นแน่นอนอยู่แล้ว ที่เหลือเป็นหน้าที่ของ “อนุทิน” ที่จะต้องไปหาเสริมเอาเองเพื่อเอาชนะชัยเกษมจาก “เพื่อไทย”รูปขบวนการเมืองได้ถูกออกแบบมาในลักษณะแบบนี้ ฝ่ายไหนถึงเส้นชัยก่อนก็ชนะไป ฝ่ายไหนสู้ไม่ได้ก็แพ้ไปแล้วไปสู้กันในสนามเลือกตั้ง ซึ่งดูท่าว่าจะเร็วกว่าที่คิดหาก “เสี่ยหนู” ได้เป็นนายกรัฐมนตรี โอกาสที่ “ภูมิใจไทย” จะได้ สส.เข้ามาถึง 100 เสียง ก็มีความเป็นไปได้ก็ไปแย่งชิงกับ “ประชาชน” ที่คิดว่าจะมาอันดับ 1“เพื่อไทย” ก็อาจจะเกิดปัญหาภายในแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทางได้!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม