ก็เป็นไปตามคาด ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 9 ต่อ 0 ให้รับคำร้องที่ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ยื่นคำร้องของ 36 สว. ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 80 ให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของผู้ถูกร้อง (น.ส.แพทองธาร ชินวัตร) สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) กรณีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และ มีมติ 7 ต่อ 2 ให้ผู้ถูกร้อง (น.ส.แพทองธาร) หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องคำวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญ มีขึ้นในช่วงบ่ายวันที่ 1 ก.ค. หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง “ครม.แพทองธาร 2” ในเช้าวันที่ 1 ก.ค. โดย นายกฯแพทองธาร เสนอแต่งตั้งตนเองควบตำแหน่ง รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม อีกตำแหน่งหนึ่งในคำร้อง 36 สว. ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นายกฯแพทองธาร หยุดการปฏิบัติหน้าที่นายกฯ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ระบุว่า เนื่องจากปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า “ผู้ถูกร้องมีความสัมพันธ์ส่วนตัว และแอบเจรจากับประธานวุฒิสภากัมพูชา ในลักษณะเป็นภัยต่อความมั่นคงอาณาเขตไทย และอำนาจอธิปไตยของไทย อันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง และยากแก่การเยียวยาในภายหลัง ดังนั้น เพื่อป้องกันความรุนแรงอันใกล้ที่จะถึง ประกอบกับคำร้องของผู้ร้อง มีเหตุอันมีนํ้าหนักที่ศาลจะวินิจฉัยให้เป็นไปตามคำร้อง” จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยประเด็นสำคัญในบทสนทนาที่ 36 สว.ผู้ร้อง เห็นว่า เป็นภัยต่อความมั่นคง มี 4 ตอนดังนี้1. "ไม่อยากให้ uncle (อา) ไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา เพราะว่าพอไปฟังฝั่งตรงข้ามอย่างพวกแม่ทัพภาค 2 อย่างเนี้ยค่ะ..."2. "เขาอยากจะดูเท่ เขาก็พูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติค่ะ”3. "บอกว่าจริงๆแล้ว ถ้าท่านอยากได้อะไร ก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้”4. "จริงๆแล้ว ท่านจะเอาอะไรจริงๆให้บอกอิ๊งค์ได้เลย ยกหูบอกก็ได้ อันไหนไม่เป็นข่าว ก็คือไม่เป็นข่าว อันนั้นที่หลุดไป มันหลุดเพราะสื่อ เพราะไม่ได้คุยกับอิ๊งค์แค่ 2 คน มันคุยกันคนละกลุ่ม มันเลยหลุด แต่ถ้าคุยกับอิ๊งค์สองคนมันไม่มีหลุดอยู่แล้ว”สว.ผู้ร้องเห็นว่า พฤติการณ์ของนายกฯ เข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและกฎหมาย อาทิรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 50 (บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิผลประโยชน์ของประเทศชาติ) มาตรา 52 (รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขต) มาตรา 164 (1) และ (4) (คณะรัฐมนตรีต้องปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ เปิดเผยและมีความรอบคอบและระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม สร้างเสริมให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม ผาสุก และสามัคคีปรองดองกัน)นอกจากนี้ยัง ผิดกฎหมายอาญา หมวด 2-3 เกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงอีกหลายข้อ ล้วนเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงยิ่งนายกฯแพทองธาร ชินวัตร เพิ่งได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม อีกตำแหน่งหนึ่ง แต่อาจจะเป็น “ทุกขลาภ” ก็ได้ ต้องรอดูกันต่อไป."ลม เปลี่ยนทิศ"คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม