บช.น.-กทม.ร่วมสรุปภาพรวม ม็อบอนุสาวรีย์ชัยฯเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยึดมีด-ปืน ก่อนเข้าพื้นที่ชุมนุมได้เพียบ ส่งดำเนินคดีทั้งหมด ขณะเดียวกันมีผู้ป่วยเสียชีวิต 1 ราย ขณะฝ่าดงม็อบไปรักษาตัวที่ รพ.พระมงกุฎ ด้านแกนนำ คปท.ประกาศเดินหน้าจัดชุมนุมแสดงพลังต่อเนื่อง ติดตาม 3 ข้อเรียกร้องลั่นหลังประชุมคณะแกนนำกลุ่ม “รวมพลังแผ่นดิน” วันที่ 1 ก.ค.นี้ ได้เห็นการยกระดับการชุมนุม เล็งกระชับพื้นที่เข้าใกล้ทำเนียบรัฐบาล พร้อมยืนยันไม่มีข้อเรียกร้องใดๆที่จะนำไปสู่การรัฐประหาร ส่วนด่านชายแดนไทย-กัมพูชายังเงียบเหงา ล่าสุด กองกำลังบูรพาอนุโลมรถสินค้าไทยไปเขมรได้ทุกด่าน จ.สระแก้ว วันละไม่เกิน 40-100 คัน ส่วนคนไทยไปปอยเปตได้เฉพาะกลุ่มเจ้าของกิจการ หากเป็นลูกจ้างต้องมีหนังสือรับรอง แต่คุมเข้มห้ามทำงานบ่อนหรือไปเล่นพนันจบไปเรียบร้อยกับการจัดชุมนุมใหญ่ครั้งแรกของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อกลางดึกวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมาต่อมาที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (ส่วนหน้า) สำนักงานเขตราชเทวี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น.รับผิดชอบด้านความมั่นคง พร้อมด้วย พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพ มหานคร สรุปผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครในการดูแลสถานการณ์การชุมนุมฯ ที่จัดระหว่างเวลา 10.00-21.35 น.พล.ต.ต.ธีรเดชระบุว่า ผลปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดมีดคัตเตอร์ได้ 34 ราย ดำเนินคดีข้อหาพกพาอาวุธมีด 15 ราย ใน 15 ราย มีเคียว 1 ราย ตำรวจดำเนินคดีปืนไทยประดิษฐ์ 1 ราย ขนาด 9 มม. พร้อมลูกอีก 3 นัด จับกุมผู้ต้องหาวิ่งราวทรัพย์ได้ 1 ราย จับกุมผู้ต้องหายาเสพติด 3 ราย เหตุทำร้ายร่างกาย 1 ราย แต่ผู้เสียหายไม่ติดใจ เนื่องจากผู้ก่อเหตุ มีอาการป่วยทางจิตเวช มีผู้มีหมายจับค้างเก่า 1 ราย บุคคลต่างชาติ 8 ราย ตรวจสอบแล้วเข้าเมืองถูกต้องตามกฎหมายไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง เบื้องต้นผู้ที่พกพาอาวุธไม่ยอมรับว่าตั้งใจพกพาอาวุธเข้ามาในพื้นที่ชุมนุมแต่ได้ดำเนินคดีทั้งหมดเรียบร้อย ในส่วนของเจ้าของอาวุธปืน ผู้ต้องหา มีลักษณะเป็นเด็กนักศึกษาพล.ต.ต.ธีรเดชระบุอีกว่า สำหรับผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เป็นการลื่นล้มเนื่องจากฝนตก เจ็บป่วยอีก 10 ราย จากการเป็นลม สำหรับประชาชนทั่วไป 1 ราย กำลังเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ แต่ระหว่างเดินทางผ่านพื้นที่ชุมนุม ผู้ป่วย ในรถพยาบาลมีอาการสาหัส จึงขอความช่วยเหลือจากแพทย์ที่อยู่ในพื้นที่ชุมนุม เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วยการส่งตัวไปรักษาที่ห้องฉุกเฉิน รพ.ราชวิถี ต่อมาผู้ป่วยรายดังกล่าวเสียชีวิต สรุปแล้ว จากการปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงานไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งอุปกรณ์ทางราชการไม่มีความเสียหายด้านปลัดกรุงเทพฯกล่าวว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มอบหมายให้สำนักงานเขตราชเทวีสนับสนุนภารกิจตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจ 250 นาย อีกทั้งจัดเตรียมกล้อง วงจรปิดเพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุม เฉพาะเจ้าหน้าที่กรุงเทพฯ ใช้เจ้าหน้าที่เข้าร่วม 567 นาย หลังจากนี้จะร่วมมือกับตำรวจตรวจพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะคืนที่ให้กับส่วนรวม ประกอบไปด้วยการรักษา ความสะอาดและการจัดการความเรียบร้อยจากนั้นเวลา 14.00 น. วันที่ 29 มิ.ย. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. กล่าวถึงการชุมนุมเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. อีกว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาลปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเรียบร้อย และบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 เน้นย้ำ การใช้แนวทางเจรจา พูดคุย และทำความเข้าใจกับ ผู้จัดการชุมนุม เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการใช้สิทธิเสรีภาพกับการรักษาความสงบเรียบร้อย โดยไม่กระทบ ต่อประชาชนและการใช้พื้นที่สาธารณะ กองบัญชาการตำรวจนครบาลจัดกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 2,500 นาย จัดจุดตรวจคัดกรองบุคคลและยานพาหนะในพื้นที่ชั้นในและชั้นนอก เพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่ ผู้เข้าชุมนุมและประชาชนที่สัญจรผ่านเส้นทาง รวมถึง จัดตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกการจราจร รวมถึง รถฉุกเฉิน จัดฝ่ายสืบสวนติดตามสถานการณ์อย่าง ใกล้ชิด จัดชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและชุดสุนัขตำรวจตรวจสอบพื้นที่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันและเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่อาจไม่หวังดี หรือมีเจตนาก่อความไม่สงบ ทั้งนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมีคุณภาพ และส่งผลให้การปฏิบัติงานในครั้งนี้บรรลุผลตามแผนที่ได้วางไว้ รวมถึงเจ้าหน้าที่หน่วยงาน อื่นๆที่ร่วมการปฏิบัติในครั้งนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กรุงเทพมหานครมีความพร้อมในการดูแลประชาชนในทุกสถานการณ์วันเดียวกัน นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) หนึ่งในแกนนำกลุ่ม “รวมพลังแผ่นดิน”ได้แถลงสรุปภาพรวมการชุมนุมใหญ่ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่าการชุมนุมผ่านไปด้วยดี มีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมจำนวนมาก ทั้งมาจากใน กทม. และ ต่างจังหวัดที่เข้ามาร่วมแสดงพลัง แสดงจุดยืนในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ การชุมนุมเป็นไปอย่าง สงบเรียบร้อยและได้รับความร่วมมือจากประชาชน ทั่วประเทศ รวมถึงได้รับการอำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ข้อ เรียกร้องหลักยังคงมุ่งเน้นไปที่การเรียกร้องให้นางสาว แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวออกจากการสนับสนุนรัฐบาล และการแสดงพลังปกป้องอธิปไตยของไทยส่วนการเคลื่อนไหวหลังจากนี้ นายพิชิตแถลงว่าจะมีการยกระดับการชุมนุมให้มีความเข้มข้นขึ้นในการติดตามข้อเรียกร้อง หลังวันที่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป จะได้เห็นการขับไล่รัฐบาลอย่างเป็นทางการ จะมีการ กระชับพื้นที่ชุมนุมให้เข้าไปใกล้ทำเนียบรัฐบาลมากขึ้น แต่ยังไม่ถึงขั้นปิดล้อมทำเนียบฯ และจะไม่ใช้พื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอีกต่อไป ขอยืนยันว่าแนวทางของกลุ่มไม่เคยมีข้อเรียกร้องใดๆ จาก กองทัพที่จะนำไปสู่การรัฐประหาร และข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อของกลุ่ม เป็นไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญนายพิชิตยังกล่าวถึงแผนการเคลื่อนไหวในสัปดาห์หน้าด้วยว่า จะเริ่มเดินสายยื่นข้อเรียกร้องต่อพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ เริ่มจากพรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อเรียกร้องให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ส่วนการยื่นหนังสือต่อพรรครวมไทยสร้างชาติก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้รับการตอบรับเรื่องการถอนตัวอย่างเป็นทางการ และยืนยันการเรียกร้องครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจ แต่เป็นการเรียกร้องเพื่ออธิปไตยของชาติอย่างแท้จริง และจะมีการประชุมของคณะแกนนำชุดใหญ่ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ เพื่อกำหนดท่าทีอีกครั้ง จะเน้นเป็นการนัดแสดงพลัง ขอยืนยันไม่มีข้อเรียกร้องใดๆที่จะนำไปสู่การรัฐประหารทั้งสิ้นส่วนบรรยากาศที่จุดผ่านแดนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ส่วนใหญ่ยังเงียบเหงา และมีชาวกัมพูชามารอหน้าประตูด่านเพื่อข้ามแดนกลับประเทศตัวเอง โดยที่บริเวณจุดตรวจฐานปฏิบัติการกลาง จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ มีชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่งมารอข้ามแดน จากนั้นเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่กัมพูชาเปิดประตูด่านรับแรงงานชาวกัมพูชา ประมาณ 80 คน จาก จ.ชลบุรี กทม. ปากช่อง จ.นครราชสีมา และ จ.ศรีสะเกษ ให้ข้ามแดนกลับประเทศ ส่วนที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ก็ยังคงเงียบเหงา เพราะร้านค้าของชาวกัมพูชาต่างปิดหมด เหลือเพียงร้านค้าของคนไทยที่ยังเปิดบริการอยู่บางส่วนขณะที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังจากกัมพูชาเปิดด่านพรมแดนปอยเปต ฝั่งกัมพูชา ซึ่งเปิดช้ากว่าฝั่งไทย 1 ชั่วโมง ทหารพราน 1201 ฉก.อรัญประเทศ ร่วมกับ ตม.สระแก้ว ตั้งจุดตรวจคัดกรองคนไทยที่จะเดินทางออกไปฝั่งกัมพูชา บริเวณทางเข้าอาคารผู้โดยสารขาออก ด่าน ตม.อรัญประเทศ เพื่อสกัดไม่ให้คนไทยออกไปเล่นพนันและทำงานในบ่อนกาสิโนฝั่งปอยเปต หลังกองกำลังบูรพามีคำสั่งอนุโลมผ่อนผันให้คนไทยเดินทางออกไปทำงานและทำธุรกิจค้าขายในฝั่งกัมพูชาได้ ยกเว้นไปทำงานในบ่อนกาสิโนและสถานบันเทิงในปอยเปตทั้งนี้ พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จ.สระแก้ว เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 1 โดยกองกำลังบูรพา ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึง ผวจ.สระแก้ว ผกก.ตม.จ.สระแก้ว นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการลดผลกระทบความเดือดร้อนของประชาชนตามหลักมนุษยธรรม และเพื่อให้การปฏิบัติการควบคุมสอดคล้องกับการดำเนินการ กองกําลังบูรพาจึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อนุโลมให้จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และจุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว อนุญาตให้รถบรรทุกขนส่งสินค้าผ่านเข้า-ออก ได้วันละไม่เกิน 100 คัน แบ่งเป็นขาออก 50 คัน และขาเข้า 50 คัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. และอนุญาตให้รถบรรทุกขนส่งสินค้าผ่านเข้า-ออกจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้วันละไม่เกิน 40 คันต่อวัน เป็นขาเข้า 20 คัน และขาออก 20 คัน ตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น.นอกจากนี้ กองกำลังบูรพายังได้อนุโลมผ่อนผันให้คนไทยเดินทางไปทำงานในปอยเปต กัมพูชา เฉพาะเพื่อประกอบอาชีพได้ เช่น เจ้าของกิจการ ร้านค้า ร้านอาหาร และอื่นๆ ซึ่งจะต้องมีเอกสารผู้ประกอบการร้านค้า เจ้าของกิจการ หรือลูกจ้างฯ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ก่อนการผ่านแดน โดยใช้หนังสือผ่านแดน (Border Pass) หนังสือเดินทาง (Passport) ในการผ่านแดน ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน ในห้วงเวลา 08.00-16.00 น. และไม่อนุญาตให้คนไทยที่เป็นพนักงานทุกประเภทของบ่อนการพนัน/กาสิโน และสถานบันเทิงทุกชนิด ออกนอกราชอาณาจักรไทย ทุกจุดผ่านแดนในจังหวัดสระแก้วผกก.ตม.สระแก้วเผยอีกว่า กรณีแรงงานชาวกัมพูชาที่ทำงานในประเทศไทย เพื่อเป็นการลดผลกระทบความเดือดร้อนของประชาชนตามหลักมนุษยธรรม และเพื่อให้การปฏิบัติการควบคุมสอดคล้องกับมาตรการดังกล่าว กองกําลังบูรพาจึงอนุโลมผ่อนผันให้คนต่างด้าว ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยตามมาตรา 13 (2) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 โดยเป็นผู้ถือหนังสือผ่านแดน (Border Pass) ประเภททั่วไปที่ได้รับอนุญาตครั้งละ 3 วัน และประเภทแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ทํางานชั่วคราวในราชอาณาจักรไทย ตามมาตรา 64 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทํางานของคนต่างด้าว พุทธศักราช 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบหนังสือความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการข้ามแดนระหว่างประเทศทั้งสอง ลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2554 ข้อ 7 (2) โดยได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชการอาณาจักรครั้งละไม่เกิน 15 วัน ซึ่งคนต่างด้าวทั้งสองประเภทนี้ ได้รับการอนุโลมให้อยู่ในราชอาณาจักรไปพลางก่อน ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป สำหรับ การอนุโลมนี้ ไม่รวมถึงคนต่างด้าวที่อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทย สิ้นสุดลงก่อนวันที่ 23 มิถุนายน 2568 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าแม้จะมีคำสั่งผ่อนผันให้รถขนส่งสินค้าไทยสามารถเดินทางเข้า-ออกได้ตามแนวทางที่กำหนดไว้ แต่บรรยากาศบริเวณชายแดนจังหวัดสระแก้วยังคงเงียบเหงา เมื่อฝั่งกัมพูชายังไม่มีท่าทีอนุญาตให้รถขนส่งสินค้าไทยเดินทางข้ามแดน ทำให้รถบรรทุกทั้งสิบล้อและสิบแปดล้อจำนวนมาก ยังคงต้องจอดรออยู่ในพื้นที่ที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา หนองเอียน- สตึงบท รถบรรทุกสินค้าบางคัน ตัวบรรทุกว่างเปล่าเตรียมเดินทางกลับไทย แต่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เนื่องจากฝั่งกัมพูชายังไม่เปิดด่านให้เดินทางกลับ ส่งผลให้เกิดความล่าช้าและความไม่แน่นอนในกระบวนการขนส่งขณะที่บรรยากาศที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อ.คลองหาด ก็ไม่ต่างกัน สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับทั้งผู้ประกอบการและแรงงานขนส่ง โดยเฉพาะในพื้นที่แนวชายแดน ซึ่งมีรายได้หลักจากการค้าชายแดนและการขนส่งระหว่างประเทศ การรอคอยโดยไม่มีความชัดเจน อาจกระทบต่อรายได้และระบบโลจิสติกส์ของทั้งสองประเทศในระยะสั้นวันเดียวกัน นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกแถลงต่อกรณีได้รับหนังสือราชการจากฝ่ายไทยเรื่องการเปิดด่านข้ามแดนบางส่วนใน จ.สระแก้ว เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ระบุจุดยืนว่า 1.แม้สถานการณ์พรมแดนจะตึงเครียด แต่กัมพูชารับรู้ปัญหาที่จะตามมาจากการปิดด่าน เลยหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการนี้มาตั้งแต่ทีแรก 2.กองทัพไทยเป็นคนเริ่มใช้มาตรการปิดด่านข้ามแดน ซึ่งเป็นการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียว 3.การเปลี่ยนท่าทีไปมาของรัฐบาลไทย ประกอบกับนโยบายที่ย้อนแย้งของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายทหารของไทย ถือเป็นอุปสรรคต่อการหาทางออกที่ยั่งยืน 4.เคยบอกไปแล้วว่า หากฝ่ายไทยกลับมาเปิดด่านทั้งหมดตามปกติ ฝ่ายกัมพูชาก็จะทำเช่นกันภายใน 5 ชั่วโมง เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับฝ่ายไทยว่าจะดำเนินการเช่นไร ด้วยเหตุนี้การจะเปิดด่านข้ามแดนหรือไม่นั้น ไม่จำเป็นต้องมาถามกัมพูชา ให้ไปถามคนที่มีอำนาจจริงในไทย ไม่ว่าจะเป็นกองทัพหรือใครก็ตามอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่