ประเทศไทยของคนไทย 65 ล้านคน กำลังกลายเป็น “ธุรกิจครอบครัว” ของนักการเมืองไม่กี่คน ไปแล้ว ไม่ต่างไปจากกัมพูชา ดูได้จากการปรับ ครม. “แพทองธาร–2” ของ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ที่เป็นข่าว ขณะที่อนาคตของ นายกฯแพทองธาร เองก็ยังไม่รู้ชะตากรรม จะได้อยู่ในตำแหน่งนายกฯต่อไปหรือไม่ เพราะวันพรุ่งนี้ 1 กรกฎาคม ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีการพิจารณาคดี “คลิปเสียงของนายกฯแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา” ซึ่ง นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย “สถานะความเป็นนายกรัฐมนตรีของนายกฯแพทองธาร สิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่” เพราะคลิปเสียงนี้สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมากหาก ศาลรัฐธรรมนูญ รับไว้พิจารณา อาจมีคำสั่งให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ เหมือนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่มาแล้วอนาคตของ นายกฯแพทองธาร จึงต้องลุ้นกันในวันพรุ่งนี้ จะรอดหรือไม่ เห็นแล้วก็เป็นห่วงอนาคตประเทศไทยและคนไทย 65 ล้านคน ที่กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติภัยเศรษฐกิจมากมาย พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมาสองปีกว่ายังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ซ้ำร้าย “วิกฤติการเมือง” ทำให้จมดิ่งยิ่งกว่าเดิม แทนที่จะปรับ ครม. ให้คนไทยมีความหวัง กลับปรับ ครม.แบบต่างตอบแทนให้คนไทยสิ้นหวัง เอาลูกเอาหลานมาเป็นรัฐมนตรี เหมือนประเทศไทยเป็นธุรกิจครอบครัวของนักการเมืองไม่กี่คน ทำให้คนไทยรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิมความเชื่อมั่น (Trust) เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของนักลงทุนทั่วโลก แต่ประเทศไทยวันนี้ นายกฯก็ไม่ได้รับความเชื่อมั่น รัฐบาลก็ไม่ได้รับความเชื่อมั่น ถ้า “ครม.แพทองธาร–2” ออกมาตามโผ เอาลูกเอาหลานมาเป็นรัฐมนตรีกันสนุก ความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยจะยิ่งหดหาย เงินลงทุนจากต่างประเทศ หรือ FDI ที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของการลงทุนในประเทศไทย ก็จะยิ่งหดหายไปด้วย ทำให้เศรษฐกิจของประเทศชาติเสียหายแน่นอนไปดูโฉมหน้า “ครม.แพทองธาร–2” ที่เป็นข่าวกันครับ เริ่มจาก นายกฯแพทองธาร ชินวัตร โผ ครม. ที่เป็นข่าว นายกฯแพทองธาร นั่งควบเก้าอี้ รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม อีกตำแหน่ง ข่าวบอกว่า จะไปผลักดันเรื่อง Soft Power แต่ข่าวการเมืองบอกว่า เอามาเป็นเก้าอี้สำรอง เผื่อวันพรุ่งนี้ (1 ก.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องเรื่องคลิปสนทนากับฮุน เซน และมีคำสั่งให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่จะได้มีเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมนั่ง เป็นความเห็นแก่ตัวที่ไม่เป็นผลดีต่อนายกฯเอง เป็นการไม่เคารพกฎหมายกติกาการเมือง ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองโผรัฐมนตรีลูกหลานที่เป็นข่าว เช่น คุณอรรถกร ศิริลัทธยากร เป็น รัฐมนตรีเกษตรฯ แทนโควตาพ่อ คุณอิทธิ ศิริลัทธยากร ด้าน คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีคมนาคมตลอดกาล ก็ส่งหลานชาย คุณพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ เป็น รัฐมนตรีแรงงาน เป็นต้น ทั้งที่ประเทศไทยมี “คนดีคนเก่ง” มากมาย แต่ไม่มีโอกาสทำงานเพื่อชาติ ก็ยังดีที่ รศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชาย อดีตนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่โผแรกมีข่าวไปเป็น รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาฯ แต่เจ้าตัวปฏิเสธ แต่ยังสนใจ ที่จะลงเล่นการเมืองในอนาคตคนเก่งเมืองไทยมีเยอะมาก ผมเปิดดูข้อมูล กระทรวงการ อุดมศึกษาฯ พบว่า ปี 2564 มีผู้จบปริญญาเอกกว่า 5,100 คน จบปริญญาโทกว่า 28,000 คน เฉลี่ยมีคนจบปริญญาเอกปีละ 5,000–5,500 คน ไม่นับคนที่จบจากต่างประเทศ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีคนเก่งมากมาย แต่อำนาจการบริหารประเทศกลับตกอยู่กับนักการเมือง “ชื่อซ้ำๆ” ไม่กี่คน ประเทศไทยกำลังเดินผิดทางหรือไม่ ประเทศไทยเดินตามรอยกัมพูชาหรือไม่ เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญที่คนไทยทุกคนจะต้องเริ่มคิดในวันนี้ ถึงเวลาที่ประเทศไทยจะต้องปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่หรือยัง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายและจมดิ่งลึกลงไปกว่านี้.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม