โผ ครม.อิ๊งค์ 2 ใกล้สะเด็ดคาดสัปดาห์หน้าหรืออย่างช้าในสัปดาห์ถัดไปรัฐมนตรีทุกคนมีโอกาสเข้าเฝ้าฯก่อนปฏิบัติหน้าที่ มั่นใจรัฐบาลแข็งโป๊กทำงานมิติใหม่ “ภูมิธรรม” เปิดเบื้องหลัง พท.ฮุบมหาดไทยคืน หวังเป็นมือไม้สร้างผลงานชิ้นโบแดง เขิน ขรก.มท.ต้อนรับเหมือนเป็น มท.1 “เฮ้ง” แขวะ “พีระพันธุ์” เป็นเด็กเกเรกลับได้อมยิ้ม ต่างกับกลุ่ม 18 ยังไม่มีสัญญาณได้ตำแหน่ง ปชป.เลือดไหลไม่หยุด “มาดามเดียร์”โบกมือลาอีกคน “วันนอร์” เตือนสติรัฐบาลระวังผลักเผือกร้อนเข้าสภาเสียงปริ่มน้ำ รองนายกฯมั่นคงแฉอีสานใต้เตรียมขนคนหนุนม็อบชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย. นายกฯระทึก ป.ป.ช.รับสอบคลิปเสียงสนทนาระหว่างผู้นำไทย-สมเด็จฮุน เซน
หลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นัดหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหารือมีมติสนับสนุนเป็นรัฐบาลต่อ ล่าสุดนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แกนนำพรรคเพื่อไทยเชื่อสัปดาห์หน้าหรืออย่างช้าในต้นสัปดาห์ถัดไปรัฐมนตรีทุกคนน่าจะมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ และปฏิบัติหน้าที่ได้
นายกฯดันกัญชาเพื่อการแพทย์
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. เวลา 09.12 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคงรายงานสถานการณ์ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงมาตรการตามแนวชายแดนเพิ่มเติม และมาตรการปิด-เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อมาในช่วงบ่ายเป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และเดินทางไปกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการแถลงข่าวผลการสกัดจับกุมการลำเลียงยาเสพติดเพื่อเตรียมการส่งออกไปประเทศที่สาม นายกฯกล่าวถึงจุดยืนของรัฐบาลเรื่องกัญชาเสรี ภายหลังนายซูการ์โน มะทา สส.พรรคประชาชาติ เรียกร้องให้คืนสถานะกัญชา และพืชกระท่อมกลับเป็นยาเสพติดว่า เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้วที่จะทำเรื่องกัญชาเพื่อการแพทย์ จะเร่งทำกำหนดให้ใช้พืชกัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า การจับยาเสพติดในครั้งนี้จะขยายผลไปยังเครือข่ายในกัมพูชาด้วยหรือไม่ ปรากฏว่านายกฯไม่ได้ตอบคำถาม เดินออกจากอาคารกระทรวงยุติธรรมขึ้นรถเดินทางกลับทันที
...
“ครม.อิ๊งค์ 2” สะเด็ดน้ำสัปดาห์นี้
เวลา 09.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงรายชื่อ ครม.แพทองธาร 2 ว่า ต้องถามนายกฯที่ได้คุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล สัปดาห์นี้น่าจะเรียบร้อย เมื่อถามว่า พรรค พท.จะปรับเปลี่ยนอย่างไร นายภูมิธรรมตอบว่า การคุยวันที่ 22 มิ.ย. ถือว่าจบแล้ว ชัดเจนว่าที่ร่วมรัฐบาลมีพรรคอะไรบ้าง ส่วนพรรค พท. เป็นสเตปต่อไป เมื่อถามว่า ตำแหน่ง รมว.กลาโหม ยังเป็นอยู่หรือไม่เพราะยังมีสถานการณ์ชายแดน นายภูมิธรรมตอบว่า ยังเหมือนเดิม ไม่ได้ถูกปรับออก เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง มีการเพิ่มกระทรวงมหาดไทย (มท.)ให้มาดูแลอีกกระทรวง เมื่อถามอีกว่าจะถูกโยกไป มท. นายภูมิธรรมตอบว่า ตามโผไปอยู่หลายกระทรวง มท.เพิ่งมาเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. แต่ยังไม่ชัดเจน ต้องรอนายกฯสั่ง เมื่อถามว่ามีชื่อไปหลายกระทรวง ชอบกระทรวงไหนที่สุด นายภูมิธรรมหัวเราะก่อนตอบว่า รักทุกกระทรวง
เบื้องหลังเพื่อไทยฮุบมหาดไทย
เมื่อถามถึงการไปมอบนโยบายที่กระทรวงมหาดไทยบ่ายวันที่ 23 มิ.ย. ถือเป็นการดูที่ทำงานใหม่ด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่เกี่ยว ไปในฐานะรองนายกฯที่กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย วันนี้มีประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอทั่วประเทศ ถือเป็นโอกาสดีที่ได้ไปคุยในฐานะรองนายกฯ เมื่อถามว่า พรรค พท.ได้กำกับมหาดไทย จะทำผลงานได้ดีกว่าที่ผ่านมาหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ปัญหาที่ผ่านมากระทรวงนี้ที่เป็นกระทรวงนำนโยบายรัฐบาลไปผลักดัน ยังทำไม่สมบูรณ์ เป็นอุปสรรคต่อการทำงานมาก ครั้งนี้พรรค พท.จะผลักดันนโยบายทั้งหมด ทั้งเศรษฐกิจฐานราก การปราบยาเสพติด การจัดการชายแดน นโยบายที่ค้างอยู่เดินไม่สุด เป็นเหตุที่ทำให้เราอยากได้กระทรวงนี้กลับคืนมา เพื่อให้นโยบายเดินหน้าได้ เชื่อมั่นทำได้ดีกว่าเดิม เมื่อถามว่า การได้กระทรวงมหาดไทยคืนมา ผลงานรัฐบาลจะดีขึ้นมากใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า น่าจะดีมาก เพราะที่ผ่านมามันขับเคลื่อนไม่ออก
มั่นใจรัฐบาลแข็งโป๊กทำงานมิติใหม่
เมื่อถามว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้เป็นห่วงนายกฯเรื่องนิติสงครามหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่กังวล ไม่ห่วง ดูจากคดีที่มายื่น ไม่มีเหตุผลและหลักฐานเพียงพอ บางประเด็นไม่ใช่ความผิดโดยตรงของนายกฯ เวลาที่เหลือต้องเร่งทำงาน วันนี้นายกฯต้องการความเป็นเอกภาพของคนไทยทั้งหมด เป็นเหตุผลที่พรรคร่วมรัฐบาลร่วมกัน เมื่อถามย้ำถึงกรณี สว.ยื่นถอดถอนนายกฯต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยขอให้สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ นายภูมิธรรมตอบว่า เป็นคนละเรื่องกัน เป็นธรรมดาที่ สว.ต้องแก้เกี้ยว นายกฯไม่มีปัญหาอะไร ให้เขาฟ้องกันไป ทั้งนี้ ไม่อยากให้ใช้คำว่า นิติสงคราม การฟ้องตามกระบวนการเราก็ชี้แจง เมื่อถามว่า มั่นใจเสถียรภาพของรัฐบาลยังมั่นคง นายภูมิธรรมตอบว่า มั่นใจ 100% รัฐบาลเดินหน้าอย่างแข็งแรง หลังจากปรับ ครม.ภายในสัปดาห์นี้ ทุกคนจะได้เห็นการทำงานในมิติใหม่ที่ต่างจากเดิม
แฉอีสานใต้เตรียมขนคนหนุนม็อบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 มิ.ย.นี้หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ม็อบเข้ามาก็ต้องมีเหตุผล วันนี้ประเทศกำลังเดินไปข้างหน้า สิ่งที่กัมพูชาต้องการมากที่สุดคือ ความอ่อนแอภายในประเทศ วันนี้ไม่มีเหตุผลที่จะมาชุมนุม การอยากแสดงความคิดเห็น หรือมีทัศนคติต่อรัฐบาลและนายกฯ มีสิทธิทำได้ แต่อย่าหวังที่จะทำอะไรให้มากเกินเลยไป ประเทศมาถึงวันนี้บอบชํ้ามามากแล้ว ขณะนี้สถานการณ์มีการรบกันระหว่างประเทศ มีการจะปิดอ่าว ส่งผลกระทบต่อประเทศรุนแรงอยู่แล้ว ดังนั้น ม็อบไม่ควรเป็นปัจจัยหนึ่งที่มาซ้ำเติม “ได้ยินมาว่า มีจังหวัดชายแดนแถวศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ นำคนเข้ามาเติม ผมคิดว่าไม่ควรทำ หากอยากแสดงความเห็น ไม่ต้องเข้ามาสามารถแสดงความคิดเห็นที่จังหวัดได้เลย”
เขินเข้าคลองหลอดติดตามงาน
ต่อมาเวลา 15.50 น. ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธานประชุมติดตามนโยบายรัฐบาลและภารกิจสำคัญของ มท. ในฐานะกำกับบริหารราชการในส่วนของ มท. มี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย และผู้บริหาร มท.ต้อนรับ เมื่อถามว่าวันนี้ข้าราชการ มท.มารอรับกันเยอะดูมีสัญญาณบวกมาเป็น รมว.มหาดไทย นายภูมิธรรมตอบว่า มาประชุม ไม่ได้มาคุมกระทรวง เมื่อถามว่า ดูกระทรวงนี้น่าอยู่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า “โอ้ยผมอยู่มาก่อนแล้ว” เป็นสิงห์ดำรุ่นที่ 25 นายกฯไม่ได้ส่งสัญญาณอะไรให้มาคุม มท. รู้สึกดีใจมากได้กลับมา เหมือนมาเยี่ยมบ้านเก่า เคยอยู่มาตั้งแต่ปี 44-46 ตอนดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมว.มหาดไทย เพิ่งได้กลับมาในฐานะรองนายกฯ ยังไม่ได้มาในฐานะ รมว.มหาดไทย เชื่อสัปดาห์หน้าหรืออย่างช้าในต้นสัปดาห์ถัดไปรัฐมนตรีทุกคนน่าจะมีโอกาสเข้าเฝ้า และปฏิบัติหน้าที่ได้ ดังนั้นนโยบายคงต้องให้รัฐมนตรีใหม่ว่าไป มท.มีความสำคัญอย่างมาก เป็นที่คาดหวังของทุกคน เป็นหัวใจของรัฐบาลที่กระจายทรัพยากรต่างๆของรัฐ นโยบายต่างๆไปปฏิบัติให้เป็นจริง วันนี้ถือว่ามาเยี่ยมเยียน รอการแต่งตั้ง ครม.ชุดใหม่เข้ามา ทำงานต่อเนื่อง ขอบคุณที่ให้การต้อนรับเดินลงมาเหมือนเป็น มท.1 เลย”
ส่งใบกรอกประวัติถึงว่าที่ รมต.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ถึงความคืบหน้าการปรับ ครม.อิ๊งค์ 2 ล่าสุดสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เริ่มประสานงานไปยังผู้มีรายชื่อเข้ามาเป็นรัฐมนตรีใหม่ให้กรอกประวัติ ก่อนนำเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจคุณสมบัติต่อไป ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยขอให้แต่ละพรรคเตรียมสำรองรายชื่อเข้ามาประกอบพร้อมกับการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีตัวจริง หากรายชื่อใดขาดคุณสมบัติ จะใช้รายชื่อสำรองนั้นๆเสียบให้เป็นรัฐมนตรีแทน เพื่อความรวดเร็วในการปรับ ครม.
“ปลัดตุ๋ม” ยิ้มถูกถามเป็น รมว.พาณิชย์
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวไปรับตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ อย่างอารมณ์ดีว่า แล้วแต่บุญพาวาสนาส่ง ไม่รู้เขาเอาหรือเปล่า แต่วันนี้ที่แน่ๆ เป็นปลัด ทส. กระทรวงพาณิชย์ก็เป็นกระทรวงสำคัญ ถ้าได้เป็นจะทำงานอย่างเต็มที่ เมื่อถามว่าจริงหรือไม่ที่จะลาออกจากตำแหน่งปลัด ทส.ภายในสัปดาห์นี้ นายจตุพรตอบว่า “เดี๋ยวก็รู้ ไม่ค่อยมีใช่ไหม ที่เป็นปลัด ทส.แล้วมาเป็นรัฐมนตรี” พร้อมกับหัวเราะชอบใจ
“มาดามเดียร์” โบกมือลา ปชป.
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่มีสมาชิกทยอยลาออกหลังยังร่วมรัฐบาลต่อนั้น วันเดียวกัน น.ส.วทันยา บุนนาค หรือมาดามเดียร์ เปิดเผยว่า ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากรับไม่ได้ที่คณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) มีมติร่วมรัฐบาลต่อ ทั้งนี้เห็นด้วยที่ประเทศต้องเป็นปึกแผ่นต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในพรรคการเมืองก็ต้องมาแก้กันภายใน ส่วนที่บอกว่าเป็นสุภาพบุรุษแล้วอยู่ร่วมรัฐบาลต่อ ก็ควรออกมาพูด เหมือนอย่างพรรคกล้าธรรมและพรรคประชาชาติ ไม่ใช่ยึกยักหวังต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี โดยที่ไม่เห็นประโยชน์ของประชาชน
“เฮ้ง” ข้องใจกลุ่มเด็กเกเรได้อมยิ้ม
ที่ศาลอาญา นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรค รทสช. เข้าไปร่วมการจัดตั้ง ครม.ว่า กลุ่ม 18 สส.พรรค รทสช.มีความรู้สึกไม่สบายใจกรณีนี้และมติพรรค รทสช.ที่ขอให้นายกฯลาออกจากตำแหน่ง เหตุการณ์วันที่ 22 มิ.ย. ทำให้สงสัยในพฤติกรรมของหัวหน้าพรรค เป็นคนเชื่อถือได้หรือไม่ อยากให้ประชาชนตัดสิน ทั้งนี้ ในพรรค รทสช.มีฝั่งหนึ่งที่ไม่ชัดเจนจะร่วมรัฐบาลต่อหรือไม่ เหมือนเด็กเกเรที่ได้อมยิ้ม ขณะที่กลุ่ม 18 สส.ชัดเจนสนับสนุนรัฐบาลต่อ ทำตัวเป็นเด็กดี แต่กลุ่มเด็กเกเรกลับได้รับการตอบแทน เมื่อถามว่าจะได้รับตำแหน่ง รมว.แรงงาน นายสุชาติตอบว่า ไม่สามารถตอบได้ เป็นอำนาจของนายกฯเพียงคนเดียว ดังนั้น การนัดรับประทานอาหารครั้งนี้ในกลุ่ม 18 สส. จะหารือถึงพฤติกรรมของหัวหน้าพรรค รวมถึงมติพรรคที่จะทำอย่างไรต่อหลังจากแนวทางของกลุ่มกับพรรคไม่สามารถไปด้วยกันได้ ภายหลังพูดคุยจะมีแถลงการณ์ออกมา
“แรมโบ้” ร้องนายกฯค้านตั้ง “ตุ๋ย” นั่ง รมต.
เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี อดีตสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ คัดค้านการแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรค รทสช. เป็นรัฐมนตรี เนื่องจากอยู่ระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนคดีแจกถุงยังชีพละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง และไต่สวนคดีซุกหุ้น นายเสกสกลกล่าวว่า นายพีระพันธุ์เข้าข่ายคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตรี จึงขอแจ้งข้อเท็จจริงให้แก่นายกฯทราบโดยเร่งด่วน เกรงซ้ำรอยกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ วันนี้พรรค รทสช.จะเล็ก ตกต่ำ หรือใครย้ายออก แต่ตนต้องการเปลี่ยนหัวหน้าพรรค นอกจากนี้ยังขอเรียกร้องให้นายวิทยา แก้วภราดัย นายจุติ ไกรฤกษ์ รองหัวหน้าพรรค รทสช. ที่ออกมาประกาศว่าถ้านายกฯไม่ออกเราจะออกเอง ขอถามว่าต้องรับผิดชอบกับคำพูดหรือไม่ มิฉะนั้นต้องเอาปี๊บคลุมหัว
“สนธิญา” จ่อยื่น ป.ป.ช.ยุบพรรคร่วม รบ.
จากนั้นเวลา 10.20 น. นายสนธิญา สวัสดี นักร้องเรียนทางการเมือง เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกฯคัดค้านการแต่งตั้งนายพีระพันธุ์เช่นกัน และจะนำหนังสือมอบให้แก่ประธานองคมนตรีตามช่องทางตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 10 วรรค 2 เพื่อยับยั้งการแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ รวมถึงจะร้องกรรมการบริหารพรรค รทสช.ที่ออกมาพูดว่าจะให้นายกฯลาออก หากไม่ลาออกพรรค รทสช.จะถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล คำพูดแบบนี้คนที่เป็นพรรคการเมืองที่เป็นดีเอ็นเอ พล.อ.ประยุทธ์ใช้ความรู้สึกแบบไหนพูด วันที่ 25 มิ.ย.จะเดินทางไป กกต.เพื่อยื่นยุบพรรค รทสช.เข้าข่ายต่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่สนับสนุนทำให้เกิดความแตกแยกเกิดขึ้นในสังคม จากการมีกระบวนการให้เรียกร้อง เพื่อให้ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี สิ่งที่ยื่นจะล้อไปกับคำร้องของ สว.และจะยื่นยุบพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด แม้กระทั่งพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคกล้าธรรม ให้ยุบพรรค ตัดสิทธิทางการเมือง ด้วยเหตุคลิปเสียงนายกฯ และสมเด็จฮุน เซน เข้าข่ายขัดต่อกฎหมายพรรคการเมือง ที่ทำให้เกิดความแตกแยก
“วันนอร์” หวังเสียง สส.หนุน รบ.ไร้ปัญหา
เมื่อเวลา 09.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการบริหารจัดการงานของสภาภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลบริหารราชการต่อไป จากกรณีพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถอดถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลว่า การเปลี่ยนแปลงในพรรค การเปลี่ยนจำนวนสัดส่วนฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เป็นเรื่องของรัฐบาล สภาไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ แต่สภามีความพร้อมเมื่อเปิดสมัยประชุมญัตติ หรือ ร่าง พ.ร.บ.ที่รัฐบาลเสนอก็ต้องพิจารณากันไป ส่วนเสียงสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลเป็นอย่างไร ให้เป็นเรื่องของที่ประชุม สภามีอิสระในการลงคะแนน จึงคาดคะเนไม่ได้ แต่หวังว่ารัฐบาลจะดำเนินการไปได้ เพราะประเทศมีปัญหาเยอะ ทั้งเศรษฐกิจ ปัญหาชายแดน ถ้าเราไม่สามัคคีกัน ไม่ฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านี้จะเป็นปัญหาต่อประชาชน
แนะอย่าดึงปมขัดแย้งเข้าสภา
เมื่อถามว่าขณะนี้ถือว่ารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ หากเสียงไม่พอโหวตร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 69 จะเกิดอุบัติเหตุการเมืองในช่วงนี้หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ตอบว่า รัฐบาลต้องตัดสินใจเลือกจะใช้วิธีใดอะไรที่เป็นปัญหาความขัดแย้งไม่ควรเสนอเข้าสภา แต่สิ่งที่รัฐบาลปฏิเสธไม่ได้คืองบประมาณต้องแล้วเสร็จ คาดสามารถผ่านวาระ 2 และวาระ 3 ได้โดยไม่ชักช้า ยิ่งในภาวะที่ประเทศมีปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องการก้อนเงินมาพัฒนาประเทศ ส่วนภาคเอกชนจะลงทุนทำอะไรนั้น ย่อมรอรัฐบาลด้วยเช่นกัน ดังนั้นฝ่ายค้าน และรัฐบาลต้องช่วยกันทำอย่างไรให้งบประมาณออกมาใช้ได้ หากล่าช้าจะเป็นปัญหา ส่วนร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เบื้องต้นวิป 2 ฝ่ายต้องคุยกันก่อนว่ากฎหมายสำคัญฉบับไหนจะเลือกขึ้นมาพิจารณาก่อน แต่การพิจารณากฎหมายขึ้นอยู่อีกว่ารัฐบาลขอเลื่อนหรือขอต่อ สำหรับปัญหาอื่น ฝ่ายค้านและรัฐบาลสามารถกำหนดเส้นทางได้ทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือการตรวจสอบอะไรที่ผิดถูกก็มีองค์กรตรวจสอบ
ปชน.สิ้นหวังโฉมหน้า ครม.ใหม่
ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมรัฐบาลจับมือร่วมกันทำงานต่อไป โดยมีเสียงงูเห่าจากพรรคฝ่ายค้านคอยสนับสนุนว่า ขณะนี้สถานการณ์มีความไม่แน่นอนสูง จะรู้ว่าจับมือกันแน่นหรือไม่ ใครมีเสียงในมือเท่าไหร่ อีก 2 สัปดาห์เปิดประชุมสภาโหวตกฎหมายสำคัญถึงรู้ แต่ยังไม่แน่นอนที่ประชุมสภา จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ตามด้วยร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ตามกำหนดการเดิมหรือไม่ หรือถอนกฎหมายฉบับนี้ไปก่อน รวมถึงเมื่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯปี 69 เข้าสู่วาระ 2-3 ช่วงต้นเดือน ก.ย. ส่วนงูเห่าในพรรค ปชน.นั้น วันนี้ยังไม่เห็นต้องรอดูเป็นแค่ราคาคุยหรือไม่ ส่วนโฉมหน้า ครม.ชุดใหม่เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรี สลับเก้าอี้กันมากกว่าการพิจารณาคนมีความรู้มาทำหน้าที่ หากมีคนที่โปรไฟล์ดีอาจเป็นว่าที่ รมว.ศึกษาธิการ นามสกุลวงศ์สวัสดิ์ แต่ยังเป็นลักษณะเครือญาติมากกว่าหาคนเชี่ยวชาญเฉพาะทางมาทำงาน ครม.ใหม่ยังคงสิ้นหวังแล้ว สิ้นหวังอยู่ สิ้นหวังต่อ
หารือยื่นซักฟอกคลิปเสียงฮุน เซน
เมื่อถามว่าหลังจากที่พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ได้พูดคุยกับพรรค ปชน.ถึงการทำงานร่วมกันหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญาตอบว่า นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย โทร.มาบ้าง แต่ยังไม่ได้คุยในลักษณะจริงจัง เนื่องจากผู้นำฝ่ายค้านเดินทางไปต่างประเทศ เมื่อกลับมาคงคุยกันอย่างเป็นทางการในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านแบบจริงจัง เมื่อถามว่ามีโอกาสเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องคลิปเสียงนายกฯกับสมเด็จฮุน เซน หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญาตอบว่า มีการพูดคุยกัน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ต้องพูดกันถึงท่วงท่าทางการเมืองด้วยจะเป็นช่วงเวลาใด ต้องรอให้ฝุ่นหายตลบมากกว่านี้ รวมถึงรอดูการโหวตกฎหมายสำคัญๆว่า เสียงรัฐบาลปริ่มน้ำหรือไม่ มีแรงดูดมากน้อยอย่างไร จะได้ข้อสรุปตรงนี้อีกครั้ง
จับตา 2 คดีร้อนเดือน ก.ค.ปมฮั้ว สว.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลรัฐธรรมนูญว่า ให้จับตาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญประชุมเดือน ก.ค. โดยสำนักงานเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งตารางนัดประชุมครั้งล่าสุดว่า จะนัดประชุมในวันอังคารที่ 1 ก.ค. และวันอังคารที่ 15 ก.ค. เป็นการขยับจากเดิมที่ปกตินัดประชุมวันพุธและพฤหัสบดีของสัปดาห์ ในวันที่ 1 ก.ค. มีวาระที่น่าสนใจ คือรับทราบความคืบหน้ากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญแจ้งอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อขอให้รายงานกรณีนายณัฐพร โตประยูร เคยยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีล้มล้างการปกครองฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 เกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว. แต่ อสส.ไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้อง ทำให้นายณัฐพรมายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยการกระทำผู้ถูกร้อง 12 ราย อาทิ กกต. พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ระดับบิ๊กๆในพรรค ภท. โดยศาลรัฐธรรมนูญมีการแจ้งเรื่องไปยัง อสส.เมื่อ 12 มิ.ย. และปัจจุบันครบกำหนดกรอบ 15 วันตามที่ได้แจ้งไปแล้ว ที่สำนักงานเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ จะแจ้งความคืบหน้าให้ที่ประชุมฯทราบ
คดีคลิปหลุดนายกฯขึ้นเขียง 1 ก.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในวันที่ 1 ก.ค. ยังต้องจับตาว่าในคำร้องของประธานวุฒิสภา ที่ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะความเป็นนายกฯ ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยในคำร้องขอให้ศาลฯมีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้อง หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย กรณีนี้สามารถออกได้ 3 ทาง คือ 1.ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้นำเรื่องดังกล่าวหยิบยกมาพิจารณา เลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน 2.ศาลรัฐธรรมนูญหยิบยกมาพิจารณา และอาจมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น สั่งรับ หรือไม่รับคำร้อง หรือสั่งเรียกข้อมูลเพิ่มเติม 3.ศาลรัฐธรรมนูญหยิบยกมาพิจารณา แล้วเห็นว่าคำร้องไม่มีมูล ให้คำร้องตกไป
ป.ป.ช.รับสอบปมร้อนผู้นำไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า การประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. มีมติเอกฉันท์ให้รับตรวจสอบเบื้องต้นกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน เกี่ยวกับความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทยกับกัมพูชา โดยให้สอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ถอดเทป พร้อมคำแปลภาษาต่างประเทศให้ถูกต้อง เนื่องจากถือเป็นพยานหลักฐานสำคัญทางคดี ตลอดจนการสอบพยานผู้เกี่ยวข้อง ถือเป็นกระบวนการตรวจสอบตามปกติ เมื่อมีการร้องเรียนเข้ามาก็รับตรวจสอบในเบื้องต้นพร้อมกำชับให้เสร็จโดยเร็ว เพราะอยู่ในความสนใจของประชาชน และให้รายงานให้ที่ประชุม ป.ป.ช.รับทราบความคืบหน้าเป็นระยะๆ แต่ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาให้เสร็จภายใน 10 วัน ตามกระแสข่าว
ผบ.ตร.เผยสั่ง 2 หมอหยุดรักษาคนไข้
สำหรับกรณีที่แพทยสภามีมติลงโทษ 2 นายแพทย์โรงพยาบาลตำรวจในชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนั้น วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ยืนยัน ตร. ยังไม่ได้รับรายละเอียดมติลงโทษใดๆ จากแพทยสภาอย่างเป็นทางการ ต้องทำความเข้าใจว่ากรณีนี้บุคคลที่เกี่ยวข้องมี 2 บทบาท คือ เป็นหมอและเป็นตำรวจในเวลาเดียวกัน ในส่วนบทบาทของหมอผู้รักษาคนไข้ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติแล้ว แต่บทบาทการเป็นตำรวจคณะกรรมการชุดที่ตรวจสอบต้องใช้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และระเบียบที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการไปตามขั้นตอนรอนำจริยธรรมตำรวจร่วมพิจารณา เมื่อถามว่ารายชื่อ 2 นายแพทย์ 1 ในนั้นคือ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ มีลำดับอาวุโสขึ้นรอง ผบ.ตร. มีผลในการพิจารณาแต่งตั้งวาระเดือน ต.ค.นี้หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐตอบว่า อยู่ระหว่างพิจารณาเงื่อนไขตามหลักเกณฑ์
“เสรีพิศุทธ์” บี้ “บิ๊กต่าย” ตะเพิดทันที
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ขณะนี้ ตร.ตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีแพทยสภามีมติลงโทษแล้วว่า เมื่อผิดจริยธรรมแพทย์แล้วผิดวินัยตำรวจด้วยหรือไม่ ถ้าผิด ผิดขั้นร้ายแรงหรือไม่ ถ้าร้ายแรงก็ไล่ออกหรือปลดออกจากราชการ ถ้าไม่ร้ายแรงอาจว่ากล่าวตักเตือน หรือตัดเงินเดือนต้องรอดู ตร.กล้าทำตามกฎหมายหรือไม่ ผบ.ตร.กล้าดำเนินการอะไรหรือไม่ ดังนั้นขอให้ผู้บังคับ บัญชาทำอะไรต้องตรงไปตรงมา หากตนเป็น ผบ.ตร.ต้องมีคำสั่งไล่ออกแน่นอน เพราะความผิดชัดเจน
ทบ.เข้มประกาศกฎใช้สื่อออนไลน์
วันเดียวกัน กองทัพบกออกประกาศข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของหน่วยงานและกำลังพลกองทัพบก โดยหน่วยงานของกองทัพห้ามเผยแพร่ข้อมูลที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ หรือกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ห้ามเผยแพร่ข้อมูลที่มีเนื้อหาในลักษณะยั่วยุ บิดเบือน โฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม ห้ามเผยแพร่ข้อมูลความลับทางราชการ เช่น เอกสารที่ระบุชั้นความลับตั้งแต่ “ลับ” ขึ้นไป ข้อมูลกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ห้ามเผยแพร่วิดีโอ ภาพเคลื่อนไหว ที่เป็นความลับของทางราชการ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ยุทธการ รวมทั้งข้อมูลที่นำไปสู่การระบุตำแหน่ง พิกัดกำลังพลภายในกองทัพบก ให้กำลังพลระมัดระวังการแสดงความเห็นส่วนตัวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ อันอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อภารกิจของกองทัพบก ต่อองค์กรอื่นและบุคคลใด ทั้งนี้ ให้ยึดถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกันโดยเคร่งครัด หากตรวจพบมีกำลังพลรายใดฝ่าฝืน ให้ถือว่าขัดต่อระเบียบ และขัดคำสั่งผู้บังคับ บัญชาที่อยู่ในฐานความผิดทางวินัย ต้องถูกดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยเคร่งครัดต่อไป
กลุ่มยากไร้บี้ กสทช.สอบบิ๊กองค์กร
วันเดียวกัน ที่สำนักงาน กสทช. สำนักงานใหญ่ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. นายบัญชา ปานนิวัฒน์ ตัวแทนกลุ่มชมรมคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อคนยากไร้ นำคณะยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ กสทช.ขอให้ตรวจสอบการบริหารงานของผู้บริหารบางคน เนื่องจากติดตามการทำงานของ กสทช.ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา จากข้อมูลสื่อมวลชนและประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการใช้โทรศัพท์มือถือของบริษัทต่างๆมี กสทช.เป็นผู้ควบคุมดูแล ไม่มีความโปร่งใสตามหลักกฎหมายและหลักธรรมาภิบาล โดยเฉพาะการแก้ไขปรับปรุงระเบียบ กสทช.ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล กำหนดหลักเกณฑ์แต่งตั้งผู้บริหารบางคนถูกต้องโปร่งใสหรือไม่ ทำให้มีพฤติการณ์ที่ควรสงสัยกระทำผิดปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้ตัวเองและผู้เกี่ยวข้องได้ประโยชน์ และยังทำหน้าที่ให้เกิดความแตกแยกในองค์กร มีการฟ้องร้องกับกรรมการ กสทช.เป็นคดีความอีกด้วย เห็นควรต้องเปลี่ยนแปลงให้บุคคลอื่นมาทำหน้าที่แทน
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่